จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 493 เจ้าร้องไห้ทำไม คนที่ควรจะร้องไห้คือข้าต่างหาก
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 493 เจ้าร้องไห้ทำไม คนที่ควรจะร้องไห้คือข้าต่างหาก
“มีเพียงบรรลุสภาวะที่หมกมุ่นทุ่มเทถึงจะสามารถบรรลุจุดสูงสุดได้! ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งประสบความสำเร็จได้ง่าย และอาหารที่เขาทำก็ไม่เลวจริงๆ บังเอิญข้าก็ต้องการพ่อครัวอยู่พอดี” หยุนถิงอธิบาย
“มีเพียงบรรลุสภาวะที่หมกมุ่นทุ่มเทถึงจะสามารถบรรลุจุดสูงสุดได้ช่างเป็นประโยคที่ดีจริงๆ เจ้าอยากทำอะไรก็ลงมือทำอย่างเต็มที่ได้เลย ข้าล้วนสนับสนุนเจ้าทั้งนั้น!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างตามใจ
“ขอบคุณซื่อจื่อมาก”
หยุนถิงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยแล้ว ตามจวินหย่วนโยวกลับไปพักผ่อนที่เรือนโดยตรง
ซูชิงโยวที่อยู่ในคันนาเห็นหยุนไห่เทียนพาบรรดาทหารเข้ามาลาดตระเวน รู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ยังก้าวเท้าเดินเข้าไป
“ลำบากแม่ทัพหยุนแล้ว!” ซูชิงโยวกล่าว
“คุณหนูซูเกรงใจแล้ว ปกป้องความปลอดภัยของฝ่าบาทเป็นหน้าที่ของข้า พื้นที่เพาะปลูกของราชวงศ์แตกต่างจากเมืองหลวง มียุงค่อนข้างมาก คุณหนูซูควรระมัดระวังด้วย” หยุนไห่เทียนกล่าว
มองดูโครงหน้าที่คมคายของเขา คิ้วและตาที่เฉียบคม บนใบหน้าของซูชิงโยวเต็มไปด้วยความยินดีและตื่นเต้น “ขอบคุณแม่ทัพหยุนมากสำหรับความห่วงใย!”
“คุณหนูซูหยุนเกรงใจไปแล้ว” ไห่เทียนพาทหารจากไป
มองดูแผ่นหลังที่สูงใหญ่ของเขา ในใจของซูชิงโยวรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ไม่ไกลออกไป ฮ่องเต้พาหลิ่วเฟยและบรรดาขุนนางกลับมา หลิ่วเฟยบังเอิญเห็นภาพฉากนี้ในสายตาพอดี มองดูแก้มที่แดงก่ำเล็กน้อยของซูชิงโยว สีหน้าของหลิ่วเฟยแข็งทื่อเล็กน้อย แต่แค่ชั่วครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ
“ข้าได้ยินว่าหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวมาแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นคนเลยล่ะ?” ฮ่องเต้ตรัสถามอย่างราบเรียบ
“ทูลฝ่าบาท จวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยบอกว่าเหนื่อยแล้ว จึงกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว!” องครักษ์คนหนึ่งเข้ามารายงาน
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็พักผ่อนตามอัธยาศัยเถอะ” ฮ่องเต้เอ่ยปาก
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทุกคนถึงได้แยกย้ายกันไป
ทุกคนล้วนตื่นกันตั้งแต่เช้า และเร่งเดินทางมานานขนาดนี้อีก ย่อมต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา ดังนั้นจึงกลับพักผ่อนกันหมด ฮ่องเต้กับหลิ่วเฟยก็กลับไปที่ลานของตัวเองเช่นกัน “จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงหวานเลี่ยนกันเช่นนี้ ก็ไม่เห็นว่าท้องของหยุนถิงจะมีความเคลื่อนไหวใดๆเลย พวกเขาก็แต่งงานมาสักพักหนึ่งแล้ว”
หลิ่วเฟยเข้ามาช่วยฮ่องเต้ถอดชุดคลุม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว คุณหนูฉินก็ตั้งครรภ์แล้ว แต่คุณหนูหยุนยังไม่ตั้งครรภ์อีก ช้าไปหน่อยจริงๆ แต่ว่าหลายปีมานี้สุขภาพของจวินซื่อจื่อไม่ค่อยดีมาตลอด เรื่องมีลูกขึ้นอยู่กับวาสนาด้วย”
“คำพูดนี้มีเหตุผล”
“ฝ่าบาทเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ทรงพักผ่อนดีๆเถิด หม่อมฉันสั่งพ่อบ้านชุยเอาไว้แล้ว ว่าให้ทำอาหารบ้านไร่ในตอนเที่ยง ล้วนเป็นรสชาติที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานทั้งนั้น” หลิ่วเฟยกล่าวอย่างใส่ใจ
ฮ่องเต้พึงพอใจอย่างมาก “สนมรักเข้าใจความคิดของข้าที่สุด” ขณะที่พูดก็ดึงหลิ่วเฟยเข้าไปในอ้อมแขน
หลิ่วเฟยยิ้มอย่างเขินอาย ไม่นานนักในเรือนก็มีเสียงที่ทำให้คนหน้าแดงดังมา
ตอนเที่ยงหยุนถิงก็ยังไม่ปรากฏตัว ให้คนส่งอาหารไปให้กินในเรือนโดยตรง จนกระทั่งฟ้ามืดถึงออกมา
ทันทีที่นางออกมา โก่วต้านก็ยกเหลียงเกาเข้ามาห้าจาน “คุณหนูหยุน นี่คือเกาเหลียงที่ข้าทำตามคำชี้แนะของท่าน ทำเสร็จตั้งแต่กลางวันแล้ว เกรงว่าจะรบกวนการพักผ่อนของท่าน ดังนั้นจึงรอจนถึงตอนนี้ ขอคุณหนูหยุนโปรดอย่าได้รังเกียจ!”
“ความฝันของเจ้าคือการเป็นพ่อครัว ข้าย่อมให้ความสำคัญเป็นธรรมดา ข้าบอกกับพ่อบ้านชุยแล้ว ต่อไปเจ้าก็ติดตามข้า ข้ามีการค้าที่ต้องการให้เจ้าเป็นคนทำอาหารพอดี!” หยุนถิงกล่าว
โก่วต้านตื้นตันจนเบ้าตาแดงก่ำ “ขอบคุณคุณหนูหยุนมาก ขอบคุณที่ท่านไม่รังเกียจข้า”
“เจ้ามีความยืนหยัดมุ่งมั่นและความฝันของตัวเอง ข้ารู้สึกชื่นชมมาก เหลียงเกามากมายขนาดนี้ข้าก็กินไม่หมด ยกตามมาเถอะ” หยุนถิงกล่าว
“ขอรับ!”
โรงอาหารของราชวงศ์ ฮ่องเต้กับทุกคนกำลังรวมตัวรับประทานอาหารที่นี่ ทันทีที่เห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเข้ามา ทุกคนก็รีบทักทายทันที
“คำนับฝ่าบาท พอดีข้ามีอาหารที่อยากจะให้ฝ่าบาทกับทุกท่านลิ้มลองหน่อย!” หยุนถิงกล่าว
โก่วต้านทำงานเบ็ดเตล็ดอยู่ที่หลังครัวตลอด จู่ๆก็พบกับคนใหญ่คนโตมากมายขนาดนี้ แถมยังมีฝ่าบาทอีก เขากลัวจนคุกเข่าลงไปทันที กล่องอาหารที่อยู่ในมือเกือบจะร่วงหล่น
หยุนถิงเป็นคนคว้าตัวเขาเอาไว้ “นี่เป็นครั้งแรกที่คนทำงานเบ็ดเตล็ดคนนี้ได้เฝ้าฝ่าบาท รู้สึกตกตะลึงในความน่าเกรงขามของฝ่าบาท ขอฝ่าบาทโปรดอย่าได้ถือโทษ!”
ฮ่องเต้เหลือบมองโก่วต้านครู่หนึ่ง สวมชุดผ้ากระสอบเนื้อหยาบทั้งชุด หน้าตาก็ดูธรรมดามาก “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ออกไปก่อนเถอะ!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” โก่วต้านออกไปอย่างล้มลุกคลุกคลาน
คนอื่นๆพากันขบขันเขาขึ้นมา หยุนถิงกำลังจะยกกล่องอาหารเข้าไป จวินหย่วนโยวก็รับกล่องอาหารมา “ถิงเอ๋อร์เจ้าไปนั่งเถอะ ข้ายกเอง!”
“ตกลง” หยุนถิงกล่าวอย่างไม่เกรงใจ
“หยุนถิง มานั่งตรงนี้!” ซูชิงโยวตะโกนเรียก
หยุนถิงเดินเข้าไป องค์ชายสี่ก็ยื่นถ้วยและตะเกียบมาให้อย่างรวดเร็ว “รีบชิมเร็วเข้า อาหารบ้านไร่ของพื้นที่เพาะปลูกราชวงศ์อร่อยมาก”
“ขอบคุณมาก”
จวินหย่วนโยวก็ไม่ได้พูดอะไร ยกกล่องอาหารและวางเหลียงเกาเอาไว้บนโต๊ะของฝ่าบาท โต๊ะอื่นๆก็ให้หลิงเฟิงยกไป ในขณะที่ตัวเองไปนั่งอยู่ข้างกายของหยุนถิง
ฮ่องเต้หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบหนึ่งชิ้นขึ้นมากิน “หวานแต่ไม่เลี่ยน กลิ่นหอมกุ้ยฮวาหอมแตะจมูก หวานและนุ่ม ไม่เลวจริงๆ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับคำชม เหลียงเกาอันนี้คนทำงานเบ็ดเตล็ดเมื่อครู่คนนั้นเป็นคนทำ ผ่านการชี้แนะของข้า ถึงได้มีรสชาติเช่นนี้ ข้าเห็นว่าเขามีพรสวรรค์ทางด้านการทำอาหาร ดังนั้นจึงขอตัวเขามาจากพ่อบ้านชุย” หยุนถิงอธิบาย
“สมกับที่เป็นหยุนถิง ข้ายังสงสัยอยู่ว่าคนทำงานเบ็ดเตล็ดคนหนึ่งจะสามารถทำของหวานเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร เช่นนี้ก็ให้เขาติดตามเจ้า วันหน้าหากมีอะไรใหม่ๆ ก็ส่งมาที่พระราชวังให้ข้าได้ชิมด้วย” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความพึงพอใจ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
พ่อบ้านชุยที่ปรนนิบัติอยู่หน้าประตูได้ยินคำพูดนี้ แทบอยากจะบ้าตายอยู่แล้ว ฝ่าบาททรงตรัสแล้ว ทีนี้โก่วต้านก็โชคดีจริงๆแล้ว แม้แต่ฝ่าบาทก็เห็นด้วยที่จะให้เขาติดตามคุณหนูหยุน
โก่วต้านตื่นเต้นอย่างยิ่ง น้ำตาไหลพรากออกมา
อาหารที่เขาทำได้รับคำชมของฝ่าบาท นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดทั้งชีวิต ล้วนเป็นเพราะคุณหนูหยุนชี้แนะได้ดี ให้โอกาสตัวเอง ในนาทีนี้โก่วต้านรู้สึกขอบคุณหยุนถิงอย่างมาก
เมื่อพ่อบ้านชุยเห็นโก่วต้านร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า ก็ยิ่งเต็มไปด้วยโมโหเดือดพล่าน “เจ้าร้องไห้ทำไมกัน คนที่ควรร้องไห้คือข้าต่างหาก?”
“เพราะข้าดีใจมากเกินไป สามารถเรียนทำอาหารกับคุณหนูหยุนแล้ว” โก่วต้านกล่าวพร้อมกันร้องไห้ไปด้วย
ใบหน้าของพ่อบ้านชุยยิ่งดำมืดเล็กน้อย เจ้าหมอนี่จงใจทำให้ตัวเองอัดอั้นใจหรือ
แต่เมื่อคิดว่าวันหน้าเขาจะติดตามหยุนถิงแล้ว สีหน้าของพ่อบ้านชุยก็ดีขึ้นมาทันที
“โก่วต้าน ในอดีตที่ข้าโหดร้ายต่อเจ้านั่นล้วนเป็นเพราะสถานการณ์บีบบังคับ ในตำแหน่งที่ข้าอยู่ไม่สามารถมีความลำเอียงหรือเล่นพรรคเล่นพวกใดๆได้ เจ้าคงเข้าใจความลำบากใจของข้าใช่ไหม ต่อไปเจ้าติดตามคุณหนูหยุนก็ประสบความสำเร็จแล้ว ต้องคิดถึงข้าหน่อยนะ” พ่อบ้านชุยกล่าวเอาใจ
“ตกลง พ่อบ้านชุย” โก่วต้านตอบ
“เด็กดี ไม่เสียแรงที่เอ็นดูเจ้า” พ่อบ้านชุยกล่าวอย่างพึงพอใจ ถึงได้จากไปอย่างได้ใจ
เขามองไม่เห็นความเย็นยะเยือกและขยะแขยงเล็กน้อยในดวงตาของโก่วต้าน เขาไม่ได้โง่เสียหน่อย พ่อบ้านชุยโหดร้ายที่ไหนกัน เขาจงใจมุ่งเป้ามาที่ตัวเองชัดๆ ดุด่าว่ากล่าวตัวเองเป็นประจำ ใช้ตัวเองไปที่ระบายอารมณ์ เขาไม่ช่วยเขาหรอก
หลังจากมื้ออาหาร ทุกคนกินกันด้วยความพึงพอใจ หยุนถิงกินอิ่มและดื่มจนพอใจแล้วก็ชวนทุกคนไปเดินเล่น
ท้องฟ้ายามค่ำคืนของพื้นที่เพาะปลูกราชวงศ์งดงามมาก ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่สูงใหญ่มาบดบัง เงยหน้าก็เป็นท้องฟ้าที่ระยิบระยับ บริเวณโดยรอบล้วนเป็นข้าวสาลี สายลมพัดมาเล็กน้อยกลิ่นหอมของต้นข้าวสาลีโชยมาแตะจมูก ทำให้คนรู้สึกชนชื่นและสบายตัว
หยุนถิงตั้งใจเรียกซูชิงโยวมาโดยเฉพาะ พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและเดินไปทางทุ่งข้าวสาลี
องค์หญิงห้าเห็นดังนั้น ก็รีบตามไปทันที นางรอไปทั้งวันก็ไม่เห็นหยุนถิงมีความเคลื่อนไหว แต่นางมั่นใจได้ว่า ขอเพียงตามหยุนถิงเอาไว้จะต้องหากับดักอันนั่นเจออย่างแน่นอน