จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 495 เขาแบกนางเดินจากไป
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 495 เขาแบกนางเดินจากไป
อาวุธที่ทรงพลังขนาดนี้ ฮ่องเต้ย่อมต้องการจะเก็บไว้ครอบครองเองเป็นธรรมดา เพียงแต่หยุนถิงบอกว่านำออกมาเป็นสิริมงคลความโชคดี ใครหาเจอก็ถือว่าเป็นของคนนั้น ฮ่องเต้ย่อมไม่สามารถออกคำสั่งให้ขลุ่ยหยกโลหิตเป็นของตัวเองเป็นธรรมดา
เวลานี้หยุนถิงเสนอแนะเช่นนี้ กลับสอดคล้องกับความต้องการของฮ่องเต้พอดี
“เช่นนี้ ก็ให้หยุนไห่เทียนเข้าร่วมเถอะ!” ฮ่องเต้ตรัสอย่างราบเรียบ
“ฝ่าบาททรงปรีชาญาณ!” หยุนถิงคำนับด้วยความเคารพนบนอบ
องครักษ์นายหนึ่งรีบไปแจ้งต่อหยุนไห่เทียนทันที ได้ยินว่าฝ่าบาทให้เขาเข้าร่วมด้วย หยุนไห่เทียนย่อมน้อมรับพระบัญชาอยู่แล้ว ทิ้งบรรดาทหารปกป้องความปลอดภัยของฝ่าบาท นำทหารไปค้นหาเพียงสี่นายเท่านั้น
เดิมทีซูชิงโยวอยู่กลุ่มเดียวกับจ้าวเคอและคนอื่นๆ เมื่อเห็นหยุนไห่เทียนนำทหารมาจริงๆ ซูชิงโยวรีบเอ่ยปากทันที “ จ้าวเคอ เจ้าไปก่อนเถอะ”
ก่อนหน้านี้หยุนถิงก็อธิบายต่อจ้าวเคอไปสองสามคำ ให้เขาดูแลซูชิงโยว เมื่อเห็นแม่ทัพหยุนที่อยู่ไม่ไกลออกไปกำลังเดินมาทางนี้ จ้าวเคอก็เข้าใจความหมายทันที
“ตกลง เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย ข้าอยู่ข้างหน้าไม่ไกลออกไป ถ้าหากมีเรื่องอะไรก็เรียกข้าเลย!” จ้าวเคอกล่าวจบก็รีบจากไปทันที เขาไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอหรอกนะ
หยุนไห่เทียนกำลังเดินมาทางนี้ ก็เห็นซูชิงโยวถือโคมไฟอยู่คนเดียว ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณหนูซู ทำไมเจ้าถึงอยู่คนเดียว?”
“ข้าเดินพลัดหลงกับจ้าวเคอ ในป่ามันใหญ่เกินไป ตอนกลางคืนข้าหาเขาไม่เจอ” ซูชิงโยวกล่าวอย่างร้อนตัว
นางกลัวว่าหยุนไห่เทียนจะดูออก ก้มหน้าเอาไว้ต่ำมาก อย่างไรเสียก็ริเริ่มเองเช่นนี้ ตัวนางเองก็รู้สึกกระดากอายเช่นกัน
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้คนส่งคุณหนูซูกลับไป?” หยุนไห่เทียนเสนอแนะ
“ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว ข้าก็อยากเข้าร่วมเช่นกัน ไม่ใช่ว่าต้องการจะหาของล้ำค่า เพียงแต่ว่าประสบการณ์เช่นนี้หาได้ยากมาก ข้าไม่เคยเข้าร่วมมาก่อน ขอแม่ทัพหยุนโปรดอนุญาตให้ข้าติดตามพวกท่านด้วย” ซูชิงโยวกล่าวด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง
หยุนไห่เทียนก็ปฏิเสธได้ยากเช่นกัน “งั้นเจ้าก็ตามข้าเอาไว้แล้วกัน ป่าในตอนกลางคืนมันมืดเกินไป เจ้าเป็นผู้หญิงเดินคนเดียวมันไม่ปลอดภัย!” หยุนไห่เทียนกล่าว
“ขอบคุณแม่ทัพหยุนมาก!”
ดังนั้นหยุนไห่เทียนจึงพาซูชิงโยวกับทหารสองสามนายเดินเข้าไปในป่าต่อไป จ้าวเคอที่อยู่ไม่ไกลเห็นดังนั้น ก็รู้สึกโล่งใจทันที ถึงได้จากไป
แม่ทัพหยุนอยู่ทั้งคน ไหนเลยจะยังต้องการเขาอีก
ระหว่างทาง หยุนไห่เทียนและคนอื่นๆพบกับคนหลายกลุ่ม ล้วนเป็นกลุ่มคนที่ออกมาตามหาขลุ่ยหยกโลหิตทั้งนั้น หลังจากที่ทักทายกันแล้วพวกเขาก็เดินหน้าต่อไป
หยุนไห่เทียนและคนอื่นๆล้วนเป็นทหาร ทักษะและกำลังทางร่างกายดีเยี่ยม ไม่ช้าก็แซงหน้าคนพวกนั้นไป ซูชิงโยวที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งไหนเลยจะสามารถตามทันได้
นางกำลังเดินอยู่ดีๆ จู่ๆก็ไม่รู้ว่าไปสะดุดอะไรเข้า
“อ๊า!” ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของซูชิงโยว คนทั้งคนก็ล้มลงไปบนพื้น
หยุนไห่เทียนรีบยื่นมือไปคว้านางเอาไว้ ใช้แรงดึงขึ้นมาโดยไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ ซูชิงโยวก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ซูชิงโยวตัวแข็งทื่อในทันที เมื่อเงยหน้าก็สบตาเข้ากับดวงตาของหยุนไห่เทียนที่ลึกล้ำราวกับทะเลคู่นั้น
ซูชิงโยวรู้สึกเพียงว่าใจเต้นระรัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ลมหายใจก็ประหม่าขึ้นมา
หยุนไห่เทียนก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ มองดูซูชิงโยวที่อยู่ในอ้อมแขน คิ้วและตาที่ประณีต โครงหน้าสะอาดหมดจด นางในเวลานี้แก้มแดงก่ำ ท่ามกลางแสงเทียนจากโคมไฟขององครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง มีความเขินอายของหญิงสาวที่งดงามและขี้อายเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
“ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?” องครักษ์คนหนึ่งเอ่ยปาก
หยุนไห่เทียนถึงได้ตอบสนองกลับมา รีบปล่อยมือที่กอดซูชิงโยว พยุงนางยืนตัวตรงทันที “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณแม่ทัพหยุนที่ให้ความช่วยเหลือเมื่อครู่นี้!” ซูชิงโยวกล่าวขอบคุณ
“คุณหนูซูไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อไม่เป็นไร เช่นนั้นเราก็ตามหาต่อไป!” หยุนไห่เทียนก็เดินหน้าต่อไป
ทันทีที่ซูชิงโยวก้าวเท้าเดิน จู่ๆใต้เท้าก็มีความเจ็บปวดที่แทงเข้าไปในหัวใจจู่โจมมา เมื่อครู่เท้าคงจะแพลงไป
มองไปทางหยุนไห่เทียนที่เดินนำหน้าออกไปสองสามก้าว ซูชิงโยวอยากอยู่กับแม่ทัพหยุนนานๆหน่อย ดังนั้นนางจึงอดทนต่อความเจ็บปวดเดินตามอยู่ข้างหลัง ไม่ได้พูดออกมา เพียงแค่พยายามให้ตัวเองเดินเร็วขึ้นมาอีกหน่อย
องครักษ์ลับที่อยู่ในที่ลับในป่าเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตา องครักษ์ลับนายหนึ่งรีบกลับไปรายงานหยุนถิงทันที
หยุนถิงได้ยินว่าซูชิงโยวขาแพลงแล้วยังยืนกรานจะตามติดพี่ใหญ่อีก ก็โมโหขึ้นมาทันที “นางถึงกับประพฤติตนไม่สมควรเช่นนี้ ไม่อยากได้เท้าข้างนั้นแล้วใช่ไหม รีบลงมือเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!” องครักษ์ลับกลับไปทันที
หยุนไห่เทียนและคนอื่นๆที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้า จู่ๆก็เสียงเคลื่อนไหวเล็กน้อยดังมาจากด้านหลัง พวกเขาไม่ได้ใส่ใจ คิดเพียงว่าเป็นน่าล่าสมบัติคนอื่นๆ
พวกเขาเดินหน้าต่อไป เพียงแต่ว่าในตอนที่หยุนไห่เทียนหันหน้ากลับมาอีกครั้ง ด้านหลังไหนเลยจะยังมีองครักษ์สองสามคนนั้นอยู่อีก เหลือเพียงหยุนไห่เทียนกับซูชิงโยวเท่านั้นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น พวกเขาอยู่ที่ไหน?” หยุนไห่เทียนขมวดคิ้ว เรียกไปสองสามคำก็ไม่มีคนตอบรับ สีหน้าตึงเครียดในทันที
เมื่อซูชิงโยวหันกลับมาไม่เห็นใครแล้ว ก็สะดุ้งตกใจเช่นกัน “เมื่อครู่พวกเขายังอยู่ที่นี่อยู่เลย?”
ถ้าหากพวกเขาไปทำธุระส่วนตัว จะต้องบอกหยุนไห่เทียนแน่นอน แต่พวกเขาทั้งหมดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ สามารถพาคนออกไปต่อหน้าต่อตาตัวเองได้ หรือว่าจะเป็นคนที่ดักซุ่มที่นี่เอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรอกหรือ
คิดถึงตรงนี้ หยุนไห่เทียนรีบหยุดฝีเท้าลงทันที “คุณหนูซู เรากลับไปกันก่อน ข้ากลัวว่าจะมีคนคิดปองร้ายฝ่าบาท!”
“ตกลง” ซูชิงโยวพยักหน้า
นางกำลังจะเดิน นางที่เจ็บปวดเท้าก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง คนทั้งคนยืนไม่มั่นคงอีก ล้มลงไปบนพื้นทันที
หยุนไห่เทียนที่เดินออกไปสองสามก้าวได้ยินความเคลื่อนไหว ก็คว้าแขนของนางเอาไว้อย่างมือเร็วตาไว “เจ้าเป็นอะไรไป?”
“ข้า ข้าไม่——”
หยุนไห่เทียนชำเลืองมองไปทางใต้เท้านาง ก็เข้าใจในทันที รีบย่อตัวลงไปตรวจสอบให้นางทันที
“ไม่ต้องแล้วแม่ทัพหยุน ข้าก็แค่เท้าแพลงเท่านั้น” ซูชิงโยวเห็นหยุนไห่เทียนกำลังจะถอดรองเท้าและถุงเท้าของนาง รีบกล่าวห้ามทันที
“เท้าแพลงแม้ไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงอะไร แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจทำให้พิการได้ ระวังเอาไว้หน่อยดีกว่า คุณหนูซูล่วงเกินแล้ว!” ขณะที่หยุนไห่เทียนกล่าวไป ก็ยื่นมือแตะไปทางเท้าของซูชิงโยว
“ทำไมถึงบวมเช่นนี้ หรือว่าแพลงเมื่อครู่นี้?”
ใบหน้าของซูชิงโยวเต็มไปด้วยความกระดากอาย “ข้าก็แค่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของท่าน”
“เหลวไหลจริงๆ หากเจ้าไม่ได้รับการรักษาทันเวลาอาจเป็นง่อยเดินกะเผลกได้ ต่อไปหากได้รับบาดเจ็บให้บอกข้าในนาทีแรกเลย!” เสียงที่เย็นยะเยือกของหยุนไห่เทียน ออกคำสั่งสุดขีด
ซูชิงโยวไม่เพียงไม่รู้สึกหวาดกลัว ตรงกันข้ามยังประทับใจอย่างมาก พยักหน้าเบาๆ “ข้าทราบแล้ว”
“ตอนกลางคืนเช่นนี้ข้าก็ไม่ได้พกยาติดตัวด้วย ข้าจะแบกเจ้ากลับไปเดี๋ยวนี้ ถิงเอ๋อร์ต้องมียาแน่นอน ให้นางช่วยดูให้เจ้าหน่อย” หยุนไห่เทียนกล่าวพร้อมหันหลังย่อตัวลงไป
ซูชิงโยวใจเต้นระรัว รู้สึกเขินอายแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นด้วย สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง หมอบลงไปบนแผ่นหลังของหยุนไห่เทียนด้วยความระมัดระวัง
หยุนไห่เทียนแบกนางขึ้นมาก็เดินกลับไปทางเดิม
เพียงแต่ว่าป่าแห่งนี้ใหญ่เกินไป ไม่มีทิศทางและข้อมูลเปรียบเทียบใดๆ ดังนั้นไม่ช้าหยุนไห่เทียนก็หลงทาง ได้แต่เดินหน้าไปตามความรู้สึกเท่านั้น
จู่ๆใต้เท้าของหยุนไห่เทียนก็เหยียบความว่างเปล่า ร่วงลงไปในหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับซูชิงโยว
“อ๊า!” ซูชิงโยวกรีดร้องขึ้นมา ตกใจแทบตาย รีบกอดหยุนไห่เทียนเอาไว้แน่น
เมื่อรู้สึกแขนสองข้างที่กอดคอของตัวเองเอาไว้แน่น หยุนไห่เทียนหายใจติดขัด คิ้วขมวดกันเป็นก้อน ใจเต้นระรัวอย่างอธิบายไม่ถูก
ในนาทีที่ทั้งสองคนหล่นลงไป หยุนไห่เทียนให้ตัวเองอยู่ด้านล่างโดยสัญชาตญาณ ร่วงลงไปบนพื้นในหลุม ในขณะที่ซูชิงโยวนอนหมอบอยู่บนร่างกายของเขา
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หยุนไห่เทียนถามหลังจากที่คายดินออกจากในปาก