จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 499 ซื่อจื่อท่านรู้จักนางหรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 499 ซื่อจื่อท่านรู้จักนางหรือ?
หยุนถิงเป็นคนเรียบง่ายและหยาบคายที่สุด เห็นใครขัดหูขัดตาก็ลงมือโดยตรง ไม่สนว่าจะเป็นองค์หญิงองค์ชาย ข้อนี้ฮ่องเต้รู้ดีที่สุด
หยุนถิงที่ไม่พูดไม่จามาตลอด ถึงได้เอ่ยปากอย่างช้าๆ “องค์หญิงห้า เจ้าช่างสร้างเรื่องเก่งจริงๆ ถึงแม้เจ้าจะโทษที่ข้าแย่งความโดดเด่นของเจ้าในงานเลี้ยงในวังครั้งก่อน ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ร้ายป้ายสีข้าเช่นนี้
หลงเอ้อเป็นถึงองครักษ์เงามังกร ให้เขาไปขุดกับดัก สมองของเจ้ามีปัญหา หรือว่าข้าไม่นับถือองครักษ์เงามังกร นั่นเป็นถึงอดีตเทพสงครามผู้ปกป้องประเทศ
ยิ่งไปกว่านั้น หากข้าต้องการจะลอบสังหารฝ่าบาท เหตุใดต้องไปขุดกับดักด้วย เจ้าไม่คิดว่ามันยุ่งยาก ข้ายังรังเกียจว่ามันยุ่งยากเลย วางยาพิษโดยตรงไม่ดีกว่าหรือ
อีกอย่างพิษของข้าแม้แต่หมอยมบาลยังแก้ไม่ได้ หากข้าต้องการทำร้ายฝ่าบาทจริงๆ ทำไมจะต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วย แล้วจะโง่จนเปิดเผยตัวเองออกมาได้อย่างไร
เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าตกลงไปในกับดัก แถมข้ายังเป็นคนขุดอีก เช่นนั้นขอถามหน่อยว่าเจ้ามีหลักฐานหรือไม่ จะพิสูจน์อย่างไร มีพยานหรือไม่?”
คำถามเป็นชุดๆทำให้องค์หญิงห้างุนงงไปหมด สีหน้าของฮ่องเต้ก็เย็นชามากเช่นกัน เขาย่อมรู้ถึงว่าสามารถของหยุนถิงอยู่แล้ว เจ้าห้าคนนี้สมองหมุนไม่ทันจริงๆ
แต่ไหนเลยที่องค์หญิงห้าจะยอมแพ้ นางติดอยู่ในหลุมลึกทั้งคืน และผ่านการตากฝนมาทั้งคืน ทั่วทั้งตัวเปียกโชกไปหมด ร่างกายก็ทรมานอย่างมาก ได้รับความอัปยศอดสูสารพัด ย่อมไม่สามารถปล่อยหยุนถิงไปง่ายๆอยู่แล้ว
“หยุนถิงเจ้าอย่ามาปัดความรับผิดชอบ ข้าได้ยินการสนทนาของเจ้ากับหลงเอ้อมากับหู จากนั้นก็ติดตามเจ้ากับซูชิงโยวไป แต่แล้วก็ตกลงไปในหลุมลึก
จากนั้นข้าก็หมดสติไป ในตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองออกมาจากกับดักได้อย่างไร และข้ายังอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอีก เสด็จพี่ท่านต้องส่งคนไปตรวจสอบนะ ข้าไม่ได้โป้ปดอย่างแน่นอน!” องค์หญิงห้ายืนกรานต่อไป
“สรุปแล้ว ประการแรกองค์หญิงห้าไม่มีพยาน ประการที่สองไม่สามารถอธิบายได้ว่าตัวเองออกมาจากกับดักอย่างไร พูดให้ชัดเจนก็คือคำพูดปากเปล่าเท่านั้น การใส่ร้ายที่ไม่แยบยลเช่นนี้ขอฝ่าบาทโปรดคืนความเป็นธรรมให้ข้าด้วย!” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา
“องค์หญิงห้า ใส่ร้ายซื่อจื่อเฟยของข้า ผลลัพธ์ที่ตามมานี้เจ้าแบกรับไม่ไหว!” น้ำเสียงที่เย็นชาของจวินหย่วนโยว และสายตามองไปทางองค์หญิงห้าราวกับมีดที่คมกริบ
มีลักษณะท่าทางที่หากนางพูดต่ออีกหนึ่งคำ ก็จะทำให้นางรู้สึกตายทั้งเป็น
อากาศของบ้านไร่ที่กว้างใหญ่ถูกแช่แข็งเอาไว้ในชั่วพริบตา บรรยากาศกดดันอย่างมาก ดูเหมือนจะได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
เมื่อจวินหย่วนโยวโกรธ ฮ่องเต้กับไทเฮายังต้องยำเกรงเล็กน้อย สมองขององค์หญิงห้าคนนี้คงจะไม่ได้ไร้สมองหรอกใช่ไหม
หลิ่วเฟยเห็นดังนั้น ก็เอ่ยปากทันที “ฝ่าบาท เสื้อผ้าขององค์หญิงห้าเปียกโชกไปหมดแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าจะเป็นหวัดได้ ถ้าอย่างไรหม่อมฉันพานางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า”
“ตกลง!” ฮ่องเต้กล่าวอย่างเย็นชา
“เสด็จพี่พระองค์ต้องเชื่อข้านะ ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆของพระองค์นะ ข้าจะหลอกพระองค์ได้อย่างไร——”
“ไอ๊หยา องค์หญิงห้าทำไมแขนของเจ้าถึงได้ร้อนขนาดนี้ หรือว่าเป็นไข้จนเลอะเลือนแล้ว?” หลิ่วเฟยที่เดินเข้าไปยังไม่ทันได้แตะโดนแขนขององค์หญิงห้าด้วยซ้ำ ก็รีบเอ่ยปากทันที
“เด็กๆ รีบพาตัวองค์หญิงห้าลงไป ให้หมอหลวงรักษานางเดี๋ยวนี้ เหตุการณ์ในวันนี้ข้าจะถือว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน หากมีใครกล้าเอ่ยขึ้นมาแม้แต่คำเดียว ก็ให้ขับไล่ออกไปจากเมืองหลวง ห้ามกลับเมืองหลวงตลอดชีวิต!” ฮ่องเต้ทรงพิโรธ
องค์หญิงห้าตกใจแทบแย่ทันที ถึงแม้จะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก
นางยังไม่ได้รับพระราชทานการแต่งงาน จะถูกขับไล่ออกจากเมืองหลวงไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนก็จะรู้ว่านางเป็นองค์หญิงที่ไม่ได้รับความโปรดปราน ถึงเวลานั้นชาวโลกก็จะหัวเราะเยาะ นางก็จะไม่สามารถมีคู่ครองที่ดีได้
“ฝ่าบาท หม่อมฉันพาองค์หญิงห้าออกไปดีกว่า!” หลิ่วเฟยกล่าวจบ ก็หันหลังเดินไปทางองค์หญิงห้า “องค์หญิงห้าเชิญเถิด”
องค์หญิงห้าได้แต่ติดตามหลิ่วเฟยจากไป ก่อนจากไปยังไม่ลืมจ้องมองหยุนถิงด้วยความโกรธครู่หนึ่ง
ความอัปยศในวันนี้ ช้าเร็วนางจะต้องเอาคืนกลับไปเป็นเท่าตัวให้ได้
หลิ่วเฟยกับองค์หญิงห้าจากไปแล้ว ฮ่องเต้ถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา “ในเวลาปกติองค์หญิงห้ารู้เหตุรู้ผลมาตลอด น่าจะเป็นเพราะตากฝนเป็นไข้จนเลอะเลือนไป ข้าจะต้องลงโทษนางให้หนักอย่างแน่นอน หยุนถิงเจ้าใจกว้างมาโดยตลอด อย่าถือสาหาความกับนางเลยนะ!”
คำพูดนี้ราวกับว่าหากหยุนถิงถือสาก็คือไม่ใจกว้างแล้ว
แต่ฮ่องเต้ทรงตรัสขึ้นมาแล้ว มันก็ไม่ดีที่หยุนถิงจะกัดไม่ปล่อยอีก “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว ข้าไม่ถือสาหาความกับองค์หญิงห้าหรอก!”
นางมีแต่ จะตอบแทนกลับไปเป็นสองเท่าลับหลังเท่านั้น
“เช่นนี้ย่อมดีที่สุด ข้าก็เหนื่อยแล้ว พวกเจ้าตามสบายเถอะ!” ฮ่องเต้ลุกขึ้นหยิบขลุ่ยหยกโลหิตกับหนังสือบทเพลงขึ้นมาก็จากไปเลย
จวินหย่วนโยวจูงมือของหยุนถิง “เรื่องขององค์หญิงห้าข้าจัดการเอง ไม่ว่าคนหรือเรื่องใดๆก็ไม่ควรค่าให้เจ้าเป็นห่วงทั้งนั้น พักผ่อนดีๆเถอะ”
หยุนถิงยิ้มอย่างปลื้มใจ “ตกลง ฟังคำพูดของซื่อจื่อของข้า!”
หยุนถิงไปดูซูชิงโยวอีกครั้ง เห็นอาการบาดเจ็บที่เท้าของนางดีขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ถึงได้วางใจลง และให้ยาไว้กับนางอีกเล็กน้อย
ดูท่า นางต้องไปถามสถานการณ์กับพี่ใหญ่ดูแล้ว
หยุนไห่เทียนในเวลานี้กำลังลาดตระเวนอยู่ เขาส่งคนไปตามหาหลุมลึกในป่าโดยเฉพาะ กลัวว่าคนอื่นจะตกลงไปโดยไม่ทันระวัง ถึงแม้จะรู้ว่านี่เป็นการกลั่นแกล้งของถิงเอ๋อร์ แต่ก็จะปล่อยให้อุบัติเหตุจนมีคนตายไม่ได้เช่นกัน
เพียงแต่ว่าบรรดาทหารที่เขาส่งไปหาทั่วทั้งหลังเขาแล้ว ก็หาหลุมลึกนั่นไม่เจอ เป็นหลงเอ้อและคนอื่นๆได้ทำให้หลุมลึกกลับสู่สภาพเดิมในคืนนั้นแล้ว ก็เพื่อไม่ให้องค์หญิงห้าร้องเรียนสำเร็จ
หยุนไห่เทียนกำลังสงสัยอยู่ จู่ๆด้านหลังก็มีคนที่แต่งตัวเป็นทหารจู่โจมมาทางเขา
หยุนไห่เทียนหลบออกไปโดยสัญชาตญาณ พลิกฝ่ามือกลับมาโต้กลับ
ในตอนที่หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวมาถึง เห็นภาพฉากนี้เข้าพอดี
“โอ้โห นึกไม่ถึงว่าจะมีคนสามารถสู้กับพี่ใหญ่ข้าหลายกระบวนท่าขนาดนี้ ทหารคนนี้ฝีมือไม่เลว” หยุนถิงกล่าวชมเชย
จวินหย่วนโยวเหลือบมองทหารที่กำลังต่อสู้คนนั้นครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมนางถึงอยู่ที่นี่?”
“ซื่อจื่อท่านรู้จักนางหรือ?”
“นางก็คือคนที่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง แม่ทัพหญิงที่มีความบาดหมางกับแม่ทัพหยุนในสนามรบคนนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงปลอมตัวเป็นผู้ชายเข้ามาในพื้นที่เพาะปลูกของราชวงศ์?” จวินหย่วนโยวตอบ
หยุนถิงเกิดความสนใจขึ้นมาทันที นางก็อยากเห็นเหมือนกันว่าคนที่สามารถแข่งขันกับพี่ใหญ่ได้เป็นคนอย่างไร
ไม่ไกลออกไป หยุนไห่เทียนกับหญิงสาวคนนั้นสู้กันอย่างดุเดือด แต่กลับไม่ได้เปรียบเลย เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นความสามารถของอีกฝ่ายแล้ว
แต่ว่าอย่างไรเสียจี้อวี๋ก็เป็นผู้หญิง ไม่ช้าพละกำลังก็ถดถอยลงเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ
จู่ๆจี้อวี๋ก็ถูกต่อยหนึ่งหมัด นางเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน “หยุดนะ แม่ทัพหยุนท่านช่างโหดจริงๆ ไม่รู้จักทะนุถนอมอ่อนโยนต่ออิสตรีเช่นนี้ มิน่าจนถึงตอนนี้ก็ยังครองตัวเป็นโสดอยู่อีก!”
“จู่ๆเจ้าก็มาแคว้นต้าเยียนเรา และยังแฝงตัวเข้ามาในพื้นที่เพาะปลูกของราชวงศ์ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?” หยุนไห่เทียนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
จี้อวี๋บีบนวดไหล่ที่เจ็บปวด ถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา “ข้าย่อมมาที่แคว้นต้าเยียนในนามของพระชายา รับตัวท่านอ๋องน้อยของเรากลับไปอยู่แล้ว!”
หยุนไห่เทียนถึงนึกขึ้นมาได้ เมื่อไม่นานมานี้เซว่จิ่วเซียวที่ถูกคนทุบตี จับโยนทิ้งเอาไว้บนถนน ถูกเขาพบเข้าจึงกุมตัวกลับพระราชวังโดยตรง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าสามารถมาต้าเหยียนอย่างเปิดเผยได้ ลับๆล่อๆเช่นนี้มันดูเหมือนอะไร!”
“ข้าเพียงแค่อยากมาดูว่าฝีมือของแม่ทัพหยุนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อันคำว่ารู้เขารู้เราถึงจะสามารถรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งได้ รบกวนแม่ทัพหยุนพาข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแห่งแคว้นต้าเยียนด้วย!” จี้อวี๋กล่าวอย่างมีเหตุผลรองรับ
หยุนไห่เทียนจ้องมองนางด้วยความโกรธครู่หนึ่ง “เด็กๆ ระดมพลทหารทุกคนและนับจำนวนคนเดี๋ยวนี้ ทันทีที่พบว่ามีคนของแคว้นเทียนจิ่วแอบอ้างเข้ามา จับกุมตัวเอาไว้โดยตรง!”
“ขอรับ!” จ้าวหู่และคนอื่นๆดำเนินการทันที
จี้อวี๋ก็ไม่ได้พูดอะไร ติดตามหยุนไห่เทียนจากไป
“น้องสาว ทำไมเจ้าถึงอยู่นี่ได้?” หยุนไห่เทียนถึงได้เห็นหยุนถิงที่อยู่ไม่ไกลออกไป