จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 500 กล้าทำให้ซื่อจื่อเฟยของข้าอับอาย รนหาที่ตาย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 500 กล้าทำให้ซื่อจื่อเฟยของข้าอับอาย รนหาที่ตาย
“ข้าแค่ผ่านมาเท่านั้น พี่ใหญ่ไปทำธุระเถอะ” หยุนถิงกล่าว
“เจ้าก็คือหยุนถิง หยุนถิงที่เมื่อก่อนหน้าดำราวกับถ่านคนนั้น?” จี้อวี๋มองมาด้วยความสงสัย
คำพูดประโยคเดียว สายตาของคนที่อยู่รอบๆต่างจ้องมองมาด้วยความเฉือนคม หยุนถิงเป็นถึงเทพธิดาในใจของพวกเขา ในอดีตนั่นคือถูกพิษ ตอนนี้งดงามน่าทึ่ง ทุกคนย่อมไม่อยากได้ยินใครมาว่าหยุนถิงเช่นนี้เป็นธรรมดา
“ถูกต้อง ข้านี่แหละ!” หยุนถิงก็ไม่ได้โกรธอะไร มองพิจารณาผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
โครงหน้าสะอาดสะอ้าน ผิวคล้ำเล็กน้อย หว่างคิ้วแฝงไปด้วยความสดใสและโดดเด่น ลักษณะท่าทางไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย แค่เห็นก็รู้ว่าผ่านการต่อสู้ในสนามรบมาเป็นเวลานาน
“ไม่เลว ข้าได้ยินข่าวลือของเจ้ามาไม่น้อย วันหน้าหากมีเวลาเราสองคนมาสู้กันสักตั้ง!” จี้อวี๋กล่าวอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา
มุมปากของหยุนถิงกระตุกขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่มีคนพบหน้าก็บอกว่าจะสู้กันสักตั้ง จี้อวี๋ผู้นี้ช่างใจกล้าจริงๆ ไม่กลัวว่าตัวเองจะแอบลงมือลับหลังทำให้นางกลับแคว้นเทียนจิ่วไม่ได้หรือ
จวินหย่วนโยวขวางอยู่ด้านหน้าของหยุนถิงโดยตรง สีหน้าเย็นชามืดมน “ซื่อจื่อเฟยของข้าไม่ว่าง!”
คำพูดที่เย็นยะเยือก ปฏิเสธไปโดยตรง
จี้อวี๋เหลือบมองจวินหย่วนโยวครู่หนึ่ง อดที่จะจิ๊ปากไม่ได้ “คิดไม่ถึงจริงๆว่า ก้อนน้ำแข็งอย่างเจ้าจะถึงกับปกป้องหยุนถิงเช่นนี้ ดูท่าเจ้าคงจะโปรดปรานเมียมากจริงๆ ไม่กลัวว่าคนอื่นจะว่าเจ้าเป็นทาสเมียหรือไง?”
“ข้าพอใจเสียอย่าง ภรรยาของตัวเองเอาอกเอาใจเอง!” จวินหย่วนโยวตอกกลับอย่างแสดงอำนาจ
หยุนถิงรู้สึกประทับใจอย่างมาก ยื่นมือไปจับมือของจวินหย่วนโยวเอาไว้แน่น ทั้งสองคนสิบนิ้วสอดประสานกัน
จี้อวี๋มองอยู่ในสายตา กลอกตามองบน “ดูท่าทางหวานเลี่ยนของพวกเจ้าสองคนนี่สิ ทนพวกเจ้าไม่ไหวจริงๆ ถึงกับมายั่วยุคนโสดอย่างพวกเรา!”
“แม่ทัพจี้ก็ยังพูดจาไร้สาระมากมายเหมือนเคย รีบไปกันเถอะ!” หยุนไห่เทียนกล่าวด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก
จี้อวี๋เบะปาก “รู้แล้วล่ะน่า เร่งๆๆอยู่นั่นแหละ”
ถึงแม้นางจะพูดเช่นนี้ แต่ก็ยังติดตามหยุนไห่เทียนจากไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องไปสนใจนาง!” จวินหย่วนโยวจับมือหยุนถิงเอาไว้แน่น
“ตกลง”
หยุนถิงไปเยี่ยมซูชิงโยวอีกครั้ง ทิ้งยาเอาไว้ให้นางอีกสองสามขวด
“หยุนถิง พี่ใหญ่เจ้าไม่ชอบข้าใช่ไหม ความจริงข้ากลับมาคิดดูทั้งคืนแล้ว ข้าไม่คู่ควรกับแม่ทัพหยุนจริงๆ เขากล้าหาญและยอดเยี่ยมขนาดนั้น และในอดีตข้าก็เป็นแค่ผู้หญิงอัปลักษณ์คนหนึ่งเท่านั้น——” ซูชิงโยวพูดถึงตอนสุดท้าย เสียงก็เบาลงไปมาก
“เด็กโง่ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็อย่าดูถูกตัวเอง ข้าไม่ค่อยจะรู้สถานการณ์ของพี่ใหญ่ข้าเท่าไหร่นัก รอให้ข้าหาเวลาไปถามดู เจ้ายอดเยี่ยมมาก ในอดีตนั่นคือมีคนวางแผนทำร้ายเจ้า ตอนนี้เจ้าเป็นถึงสาวงามเชียวนะ อย่าดูแคลนตัวเองมากเกินไป หากเจ้าไร้วาสนากับพี่ใหญ่ข้าจริงๆ ข้าจะแนะนำคนที่ดียิ่งกว่าให้เจ้า พี่ใหญ่ข้าก็คือท่อนไม้ท่อนหนึ่ง น่าเบื่ออย่างมาก!” หยุนถิงปลอบโยน
มุมปากของซูชิงโยวยกขึ้นมาอย่างเศร้าหมองเล็กน้อย “ไม่ต้องแล้ว ขอบใจเจ้ามากหยุนถิง ข้าอยากใช้เวลาอยู่กับท่านพ่อให้มากๆ!”
“ก็ได้ เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ” หยุนถิงกำชับอีกสองสามคำ ถึงได้จากไป
ออกมาจากลาน หยุนถิงถึงได้เอ่ยปาก “คิดไม่ถึงเลยว่า ซูชิงโยวจะรักพี่ใหญ่ข้าอย่างลึกซึ้งเช่นนี้!”
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปโอบไหล่ของนางเอาไว้ “เรื่องของความรัก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติก็พอ”
“ก็ทำได้เพียงเท่านี้แล้ว!”
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน ก็เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ เดินออกไปไม่ไกลเท่าไหร่ก็เห็นหน้าประตูของพื้นที่เพาะปลูกราชวงศ์ มีทหารสิบกว่านายขวางไม่ให้คนกลุ่มหนึ่งเข้ามา
“คนพวกนี้คือใคร?” หยุนถิงถาม
จวินหย่วนโยวเหลือบมองไปที่ฝูงชนครู่หนึ่ง สีหน้าเย็นยะเยือกสุดขีด นัยน์ตาสีดำคมกริบและมืดมน “พวกเขาคือทูตของแคว้นเทียนจิ่ว นำโดยราชครูของแคว้นเทียนจิ่วหลัวหรูจี๋ คนผู้นี้หน้าเนื้อใจเสือและอำมหิตมาก เจ้าต้องระวังเขาเอาไว้!”
“สามารถทำให้ซื่อจื่อกล่าวเช่นนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้ต่ำช้ามาก วางใจเถอะ ข้าจะไม่ออกจากระยะการมองเห็นของท่าน!” หยุนถิงกล่าว
จวินหย่วนโยวพึงพอใจอย่างยิ่ง จูงมือหยุนถิงขึ้นมาก็จากไป
พวกเขาต้องการตัวเซว่จิ่วเซียว เช่นนั้นก็ต้องถามว่าตัวเองจะรับปากหรือไม่
เมื่อราชครูหลัวหรูจี๋ที่อยู่ไม่ไกลเห็นจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงเพิกเฉยต่อตัวเอง ก็เอ่ยปากทันที “จวินซื่อจื่อ นี่ก็คือวิถีแห่งการต้อนรับแขกของแคว้นต้าเยียนของพวกท่านหรือ เรามาถึงที่นี่จากระยะทางไกลพันลี้ ทหารของพวกท่านถึงกับขวางเราเอาไว้หน้าประตู!”
จวินหย่วนโยวที่กำลังจะจากไปถึงได้หยุดฝีเท้าลง โครงหน้าที่เย็นชามีน้ำแข็งปกคลุมหนึ่งชั้น ดวงตาที่เหมือนหินออบซิเดียนราวกับมีดที่คมกริบ กวาดมองไป
สายตานั่น ราวกับพญายมในนรกที่ดุร้ายและโหดเหี้ยม ทำให้คนรู้สึกถึงความกดดัน หายใจไม่ออก ไม่กล้าสบตาอย่างอธิบายไม่ถูก
หลัวหรูจี๋รู้สึกเพียงลมเย็นที่โชยมาจากที่มืดจู่โจมมาที่คอ ทำให้เขาสั่นสะท้านโดยสัญชาตญาณ
แต่เขาเป็นตัวแทนของแคว้นเทียนจิ่ว จะต้องไม่พ่ายแพ้ในเรื่องลักษณะท่าทาง ได้แต่แสร้งทำเป็นสงบนิ่งเท่านั้น
“อย่างพวกเจ้า ก็คู่ควรเป็นแขก!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างดูหมิ่น
เสียงที่เย็นยะเยือก แสบแก้วหูอย่างมาก
ในใจของทหารที่อยู่หน้าประตูต่างก็รู้สึกเลื่อมใสศรัทธาจวินซื่อจื่ออย่างยิ่ง สมกับที่เป็นจวินซื่อจื่อ ก็มีแต่เขานีแหละที่กล้าตอกกลับราชครูของแคว้นเทียนจิ่วโดยตรงเช่นนี้ ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย เปลี่ยนเป็นคนอื่นจะต้องให้เกียรติพวกเขาเล็กน้อยอย่างแน่นอน
หยุนถิงยิ่งมองไปทางจวินหย่วนโยวด้วยความนับถือ สมกับที่เป็นผู้ชายที่ตัวเองเลือก ความสามารถในการตอกกลับคนยอดเยี่ยมจริงๆ
หลัวหรูจี๋ถูกทำให้อับอายในที่สาธารณะ สีหน้าดำมืด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นราชครูของแคว้นเทียนจิ่ว แม้แต่ฝ่าบาทแห่งแคว้นต้าเยียนก็ยังให้เกียรติเขาเล็กน้อยจวินหย่วนโยวคนหนึ่งถึงกับยโสโอหังเช่นนี้ น่าชิงชังนัก
แต่หลัวหรูจี๋ก็รู้เช่นกันว่า จวินหย่วนโยวขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมในสี่แคว้น ดังนั้นเขาจึงเบนความสนใจไปทางหยุนถิงแทน
สี่แคว้นล้วนร่ำลือกันว่าจวินหย่วนโยวโปรดปรานหยุนถิงคนเดียวไม่ใช่หรือ เขาก็อยากจะเปิดหูเปิดตาดูเช่นกัน
“ภายนอกล้วนร่ำลือกันว่าคุณหนูหยุนหยาบคายเหลือทน ไม่มีอะไรดีสักอย่าง อาศัยว่าเป็นคนโปรดก็ทำตัวโอหัง ทุบตีทั้งองค์ชายองค์หญิง และขุนนางราชสำนัก ผู้หญิงที่ไร้การศึกษาเช่นนี้ถึงกับถูกจวินซื่อจื่อโปรดปรานคนเดียว สายตาของจวินซื่อจื่อน่าเป็นห่วงจริงๆ!” หลัวหรูจี๋กล่าวอย่างดูหมิ่น
เขาต้องการจะทำให้หยุนถิงอับอายขายหน้า ดูสิว่าจวินหย่วนโยวจะทำอย่างไรได้
แต่แล้วทันทีที่สิ้นเสียงลง หลัวหรูจี๋ก็รู้สึกถึงแรงกดดันของบรรยากาศตึงเครียดก่อนที่สงครามจะปะทุขึ้นมา ในอากาศล้วนแผ่ซ่านไปด้วยกระแสอากาศที่อันตราย หน้าผากของจวินหย่วนโยวที่อยู่ไม่ไกลเต้นตุ้บๆขึ้นมา ดวงตาสองข้างมีประกายความกระหายเลือด รอบๆตัวแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมที่ทำลายล้างทุกสิ่งและความเด็ดขาด เขามองด้วยความตกใจอย่างมาก
เพียงแต่ว่าคำพูดที่กล่าวออกมาแล้ว ย่อมเก็บกลับไปไม่ได้อยู่แล้ว
“กล้าทำให้ซื่อจื่อเฟยของข้าอับอาย รนหาที่ตาย!” จวินหย่วนโยวคำรามด้วยความโกรธ เหวี่ยงแขนเสื้อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
กำลังภายในที่แข็งแกร่งและเผด็จการราวกับกระบี่แหลมคมแทงทะลุท้องฟ้า จู่โจมไปด้านหน้าของหลัวหรูจี๋อย่างแรง
หลัวหรูจี๋อยากจะหลบออกไป แต่ก็ไม่ทันการแล้ว คนทั้งคนกระเด็นออกไปสิบกว่าเมตร ชนถูกหินก้อนใหญ่ ชนก้อนหินก้อนใหญ่นั่นกระเด็นออกไปโดยตรง ทั้งคนทั้งก้อนหินร่วงหล่นไปบนพื้นอย่างแรง หลัวหรูจี๋กระอักเลือดและหมดสติไปทันที
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ทูตของแคว้นเทียนจิ่วพวกนั้นต้องการจะขัดขวางก็ไม่ทันการ หรือจะบอกว่าพวกเขาก็ไม่มีความกล้าจะขัดขวางเช่นกัน
สี่แคว้นล้วนรู้ดีว่าจวินหย่วนโยวเป็นคนป่วยขี้โรค อายุไม่ยืน อย่าว่าแต่วรยุทธและกำลังภายในเลย แค่เดินก็ยังเหนื่อยล้าเล็กน้อยเลย ตอนนี้แค่เหวี่ยงแขนเสื้อเบาๆก็ทำให้คนและก้อนหินกระเด็นออกไปไกลเช่นนี้แล้ว นี่เป็นความสามารถที่แข็งแกร่งระดับไหน ทูตของแคว้นเทียนจิ่วล้วนตกใจแทบตายทั้งนั้น ใครก็ไม่กล้าขอความเมตตา
องครักษ์ที่รักษาการณ์ก็ตกตะลึงไปหมดเช่นกัน ความสามารถของจวินซื่อจื่อน่ากลัวมากจริงๆ ต่อไปหากใครกล้าว่าจวินซื่อจื่อใช้การไม่ได้ พวกเขาก็จะกังวลแทนคนนั้น
หยุนไห่เทียนกับจี้อวี๋ที่อยู่ไม่ไกลออกไปเห็นภาพฉากนี้ ทั้งสองคนล้วนตกตะลึงไปเช่นกัน
“ฝีมือของเจ้ายอดเยี่ยมมาก ข้ามาขอคำแนะนำสักหน่อย!” จี้อวี๋กล่าวพร้อมกับจู่โจมไปทางจวินหย่วนโยว