จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 51 มีความรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 51 มีความรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ เจ้ายืนดูอยู่ข้าง ๆ นั่นแหล่ะ จะได้ถือโอกาสเรียนรู้ไปด้วยเลย ข้าก็อายุมากขนาดนี้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่เจ้าจะเข้ามารับช่วงต่อจากข้า” หยุนถิงพูดพลางใช้เข็มเงินในมือฝังเข้าสู่ร่างของโม่ฉือหาน
หลงเอ้อตั้งใจดูอย่างละเอียดถ้วนถี่ ราวกับว่าเขาตั้งใจเรียนรู้สิ่งนี้ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง
“ท่านอ๋อง หลังจากนี้อาจจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง ท่านคงต้องทนสักหน่อย ศาสตร์ทางการแพทย์จีนว่าไว้ ปวดแสดงว่าไม่โล่ง โล่งแล้วก็จะไม่ปวด ” หยุนถิงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ข้าไม่กลัวเจ็บ มาเถอะ” สีหน้าของโม่ฉือหานตึงเครียด
“ได้”
หยุนถิงช่วยฝังเข็มให้โม่ฉือหานต่อ แต่หลังจากฝังลงไปแล้วหลายต่อหลายเข็ม นางล้วนจงใจแทงลงบนจุดปวดของโม่ฉือหาน ทั้งยังจงใจออกแรงกดหนัก ๆ โม่ฉือหานเจ็บจนถึงกับหลุดเสียงครางต่ำ ๆ ในลำคอ คิ้วขมวดมุ่นพันกันเป็นปม
หลงเอ้อที่ดูอยู่ข้าง ๆ ครู่ใหญ่พอจะมองออกแล้ว ว่าฮูหยินจงใจทำ เข็มทั้งหลายที่ฝังล้วนแทงลงบนตำแหน่งฝังเข็มจุดนั้นทั้งหมด จากนั้นหลีอ๋องก็เริ่มเจ็บ เป็นไปตามคาด ฮูหยินเป็นคนช่างจดจำความแค้นอย่างถึงที่สุดจริง ๆ หลังจากนี้ไปไม่ว่าใครก็อย่าได้ล่วงเกินฮูหยินจะดีกว่า
ผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนถิงก็เก็บเข็มเงินกลับมา “ท่านอ๋องรู้สึกหรือไม่ว่า ที่ช่องท้องส่วนล่างเหมือนมีกระแสน้ำอุ่นไหลเวียนอยู่ช้า ๆ ?”
โม่ฉือหานได้ยินคำพูดที่เขาเอ่ยขึ้นมา คิ้วคมหล่อเหลาได้รูปก็เลิกขึ้นสูง พยักหน้าเล็กน้อย “มีความรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ”
“นั่นก็หมายความว่ามันได้ผลแล้ว ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องรีบร้อนจนเกินไป เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีกระบวนการฟื้นฟูระยะหนึ่ง” หยุนถิงหยิบปากกากับกระดาษที่อยู่ข้าง ๆ มาเขียนใบสั่งยาชุดหนึ่ง
“ท่านอ๋องกินยาตามที่เขียนไว้ในใบสั่งยาชุดนี้ก็พอแล้ว กินต่อเนื่องกันสักครึ่งเดือน รับรองได้ว่ายานี้จะรักษาอาการป่วยของท่านได้”
โม่ฉือหานรับไป ลายมือบนนั้นดูน่าเกลียดอยู่บ้าง แต่ก็ยังพออ่านลายมือออกได้ในระดับหนึ่ง
กะอีแค่หมอกำมะลอคนหนึ่ง ก็ไม่คาดหวังอยู่แล้วล่ะว่าลายมือของเขาจะดูดี
แต่ในตอนที่เขาอ่านเจอว่าส่วนผสมของยาบนใบสั่งนั้นมีฉี่เด็กอยู่ด้วย สีหน้าของโม่ฉือหานก็เย็นยะเยือกดุจธารน้ำแข็ง “เจ้าแน่ใจแล้วรึ ว่าไม่ได้เขียนส่วนผสมตัวยาผิด?”
“เรียนท่านอ๋อง ไม่ผิดแน่นอน นี่คือส่วนผสมของยาที่สำคัญที่สุด ท่านอ๋องมีอาการหยางเพิ่มหยินลด แต่ว่าพลังหยางไม่เพียงพอ ดังนั้นท่านจึงต้องการส่วนผสมของยานี้เพื่อล้างความร้อนและลดไฟ บำรุงหัวใจและปอด เป็นแกนหลักในการปรับปรุงความสมดุลในร่างกาย ถ้าหากไม่ใช้ ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมาก ทั้งยังจะส่งผลให้การฟื้นฟูร่างกายของท่านอ๋องช้าลงมากอีกด้วย” หยุนถิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
โม่ฉือหานจ้องเข้าไปในดวงตาของนาง เห็นว่านางไม่มีอาการหลบตาหรือมีท่าทีตื่นตระหนกใด ๆ เลย ดูใจเย็นสงบนิ่งอย่างมาก ใบหน้าที่เย็นชาของเขาจึงผ่อนคลายลงมาหลายส่วน “ข้าเข้าใจแล้ว”
“ในเมื่อเข้าใจตามนี้แล้ว เช่นนั้นก็ขอให้ท่านอ๋องจ่ายค่าปรึกษาทางการแพทย์ด้วย” หยุนถิงเอ่ยปาก
“คนมา!” โม่ฉือหานร้องสั่งเสียงเย็นชา
พ่อบ้านที่อยู่หน้าประตูผลักเปิดประตูเข้ามาทันที “ท่านอ๋องมีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”
“ให้รางวัลพวกเขา”
“รับทราบ” พ่อบ้านเดินออกไปทันที เมื่อเขากลับมาก็มีคนรับใช้คนหนึ่งเดินตามหลังมาด้วย มือของเขายกถาดบรรจุเงินแท่งใบหนึ่ง มีมูลค่าหนึ่งพันตำลึงถ้วน
หยุนถิงชำเลืองตามองแวบหนึ่ง ก่อนจะแค่นเสียงเย้ยหยัน “ข้าคิดว่าหลีอ๋องเข้าใจอะไรผิดไปแล้วล่ะ ค่าปรึกษาทางการแพทย์ของข้าคือหนึ่งแสนตำลึงต่างหาก”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงจนตาค้าง
พ่อบ้านตกใจจนแทบหงายหลัง พูดออกไปแบบไม่เสียเวลาคิดว่า “หนึ่งแสนตำลึง! เจ้าเป็นหมอเทวดามาจากไหนถึงคิดราคาตั้งหนึ่งแสนตำลึง? ทำไมเจ้าไม่ปล้นกันเสียเลยล่ะ?”
“หรือเจ้าคิดว่าเรื่องพลังหยางสมบูรณ์แข็งแรงของท่านอ๋อง เรื่องลูกหลานสืบสกุลในภายภาคหน้าของเขา ไม่ได้มีค่าไปกว่าเงินหนึ่งแสนตำลึงอย่างนั้นรึ?” หยุนถิงย้อนถาม
คำพูดประโยคเดียว ทำเอาพ่อบ้านรีบหุบปากทันที แน่นอนว่าทายาทของท่านอ๋องย่อมสำคัญที่สุด
“พวกเราก็ไม่รู้เช่นกันว่าพวกเจ้ามีความสามารถจริง ๆ หรือไม่ ถ้าเกิดพวกเจ้ารับเงินไปแล้วหนีไปล่ะ?” พ่อบ้านพูดแสดงความกังวล
“ข้ากับหลานชายพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมฝูหลาย ทุก ๆ ห้าวันข้าจะมาฝังเข็มให้ท่านอ๋อง หลังจากนี้ยังต้องมีการฝังเข็มอีกสองครั้ง ดังนั้นพ่อบ้านวางใจได้ พวกเราไม่หนีไปไหนแน่นอน
ในเมื่อข้าบอกว่ายานี้รักษาโรคได้ ข้าย่อมรับประกันได้ว่าหลังจากนี้ไป ท่านอ๋องจะต้องสำแดงฤทธานุภาพอันกึกก้อง ปืนทองคำตั้งตระหง่านไม่มีวันล้ม ถ้าครึ่งเดือนหลังจากนี้ร่างกายของท่านอ๋องยังไม่ฟื้นฟูจนกลับเป็นปกติ ชีวิตนี้ของข้ากับหลานชายท่านอ๋องก็มาเอาไปได้ตามต้องการ
แต่ถ้าท่านอ๋องไม่อยากจ่ายก็ไม่เป็นไร ใบสั่งยาชุดนี้ก็ถือเสียว่าข้าให้ท่านเป็นน้ำใจ แต่ถ้าไม่มีทักษะเฉพาะที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษในตระกูลของข้า การกินแค่ยาเพียงอย่างเดียวจะมีผลไม่มากนัก ไม่เพียงพอที่จะรักษาโรคให้หายขาด” หยุนถิงกล่าวปิดท้าย
สีหน้าอันเย็นชาของโม่ฉือหาน ราวกับเคลือบด้วยชั้นน้ำแข็งเย็นเฉียบชั้นหนึ่ง เส้นเลือดสีเขียวผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา “ไม่เคยมีใครกล้าข่มขู่ข้าแบบนี้มาก่อน ถ้าข้าต้องการยารักษาให้หาย ทั้งยังคิดจะไม่จ่ายเงิน แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้ล่ะ?”
บรรยากาศภายในห้องลดต่ำจนติดลบ ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยความกดดัน ตึงเครียดอย่างถึงที่สุด
หลงเอ้อที่อยู่ข้าง ๆ กำหมัดแน่น เตรียมพร้อมลงมือทุกเมื่อ
“ฮ่า ๆ ตาแก่เช่นข้าก็ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ นั่นแหล่ะ การฆ่าคนก็แค่เด็ดหัวทิ้งเท่านั้น หลีอ๋องสามารถฆ่าข้ากับหลานชายได้ แต่นับจากนี้ไป ก็พอจะเดาได้ว่าตลอดชีวิตนี้ของหลีอ๋องคงไม่อาจฟื้นคืนสุขภาพให้เป็นดังปกติได้อีกแล้ว มีหมอเป็นพันหมอหลวงอีกเป็นหมื่น แต่คนที่จะจัดยาที่เหมาะสมได้เกรงว่าจะมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เงินหนึ่งแสนตำลึงแลกกับศักดิ์ศรีและทายาทที่จะมีไปตลอดชีวิตนี้ของหลีอ๋อง ไม่ใช่เรื่องที่ขาดทุนอะไรเลย” หยุนถิงพูดในลักษณะไม่ถึงกับถ่อมตัวแต่ก็ไม่เย่อหยิ่ง สีหน้าจริงจังอธิบายเหตุผลอย่างเคร่งขรึม
โม่ฉือหานจ้องมองเขาอย่างเย็นชา นัยน์ตาดำขลับคมปลาบจับจ้องไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นนั้น ดวงตาสองคู่สี่ข้างจ้องประสาน เย็นชาทว่าคมกริบ
แต่ใบหน้าของชายชราคนนี้กลับไม่มีท่าทีตื่นกลัวเลย ดูสงบนิ่งเป็นธรรมชาติอย่างมาก จนทำให้โม่ฉือหานรู้สึกประหลาดใจ ถ้าเขาไม่มีความสามารถที่วิเศษเลอเลิศขนาดนั้นจริง ก็คงไม่หาญกล้าท้าทายตัวเองเช่นนี้หรอกกระมัง?
ยังไงก็รักษาให้หายก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า ถ้ามันไม่ลุกไปตลอดชีวิตจริง ๆ ตัวเขาเองก็กลัวว่าวันข้างหน้าคงไม่กล้าเงยหน้าสู้ใครได้อีกแล้ว
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง โม่ฉือหานก็ถอนสายตากลับ “ได้ ให้เงินเขาหนึ่งแสนตำลึง ถ้าหากรักษาข้าให้หายไม่ได้ ข้าจะให้พวกเจ้าสองคนอยู่ไม่สู้ตาย”
“ขอบคุณ ท่านอ๋อง ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ท่านอ๋องฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ” หยุนถิงทำท่าคารวะโม่ฉือหาน
จากนั้นพ่อบ้านก็ไปนำตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงออกมา มอบให้กับหยุนถิง
หยุนถิงพาหลงเอ้อจากไป ก่อนจะจากไป ยังหันไปทำท่าคารวะหลีอ๋องด้วยความเคารพอย่างสูงด้วย ไม่ลืมกล่าวปิดท้ายว่า “หากท่านอ๋องใจร้อน จะลองดูคืนนี้เลยก็ได้ แต่คาดว่าระยะเวลาอาจไม่นานเท่าไหร่นัก”
มือของโม่ฉือหานที่วางอยู่ข้างลำตัวกำแน่นขึ้นมาเล็กน้อย “นี่เจ้าหมายความว่า คืนนี้ข้าก็สามารถแล้วอย่างนั้นรึ?”
“แน่นอน นี่เป็นวิธีการฝังเข็มที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของข้า แค่ระยะเวลาอาจจะอึดได้ไม่นานนัก เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงการฝังเข็มครั้งแรก” หยุนถิงพูดจบ ก็หันหลังจากไป
“พ่อบ้าน ให้ทหารองครักษ์ลอบตามหลังพวกเขาไป หากสองคนนี้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ให้รีบมารายงานข้าทันที” โม่ฉือหานออกคำสั่ง
“รับทราบ เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่รั้งพวกเขาไว้ล่ะขอรับ?” ผู้ดูแลถามอย่างงุนงง
“สองคนนี้ดูแล้วเหมือนจะธรรมดา แต่กระทั่งขู่จะตัดหัวก็ยังไม่กลัว ถ้าควบคุมตัวพวกเขาไว้จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่ยอมรักษาข้า หรือเล่นเล่ห์เพทุบายอะไรขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ?” โม่ฉือหานเค้นคำพูดแต่ละคำออกมาอย่างเคร่งเครียดจริงจัง
รอให้รักษาเขาจนหายดีเมื่อไหร่ เขาจะต้องส่งไอ้พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงสองคนนี้ลงนรกแน่ กล้ามาข่มขู่เขารึ รนหาที่ตายนัก! โม่ฉือหานสาบานกับตัวเองในใจ
“ท่านอ๋องช่างฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้ขอรับ” พ่อบ้านเรียกลูกน้องฝีมือดีสามสี่คนให้รีบตามไปทันที
หยุนถิงกับหลงเอ้อออกมาจากจวนอ๋อง เวลานี้หลงเอ้อค่อยถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งอก เมื่อครู่ตอนที่ตกอยู่สถานการณ์อันตึงเครียดนั้น เขากังวลแทบแย่ว่า หลีอ๋องจะลงมือทำร้ายฮูหยินจริง ๆ หรือไม่
ถ้าหลีอ๋องกล้าลงมือทำร้ายฮูหยินจริง ๆ ล่ะก็ หลงเอ้อจะขอยอมแลกด้วยชีวิตเพื่อปกป้องหยุนถิง อำนาจบารมีของจวนหลีอ๋องนั้น หลงเอ้อไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา แค่กลัวว่าอาวุธไม่มีตาอาจจะทำร้ายโดนฮูหยินได้
ตอนนี้ออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว หลงเอ้อค่อยรู้สึกวางใจได้สักที เมื่อรู้สึกถึงรังสีบางอย่างจากด้านหลัง สีหน้าของหลงเอ้อพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที “ฮูหยิน มีคนสะกดรอยตามหลังพวกเรามา”
หยุนถิงไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย แค่เดินทอดน่องต่อไปช้า ๆ “ไปโรงเตี๊ยมฝูหลาย จะแสดงละครทั้งที มันต้องจัดให้เต็มชุดสิถึงจะสนุก”
“รับทราบ”
ทั้งสองตรงไปที่โรงเตี๊ยมฝูหลาย จองห้องพักชั้นหนึ่งสองห้องแล้วเข้าห้องพักไปทันที
องครักษ์จวนหลีอ๋องเฝ้าอยู่ตรงประตูหน้า แต่พวกเขาไม่รู้ว่าหยุนถิงกับหลงเอ้อลอบออกไปจากทางหน้าต่างด้านหลังแล้วเรียบร้อย
ที่ประตูหลังของโรงเตี๊ยมฝูหลาย รูปร่างหน้าตาของหยุนถิงกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว นางแต่งตัวด้วยชุดคลุมสีขาวของผู้ชาย ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนคุณชายผู้สง่างามหล่อเหลาคนหนึ่ง