จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 513 ที่แท้เจ้าก็แอบรักนาง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 513 ที่แท้เจ้าก็แอบรักนาง
“เจ้ารู้สึกเสียใจ อึดอัดใจ ผิดหวังหรือไม่ มีความรู้สึกว่าของล้ำค่าของตนจะโดนผู้อื่นเอาไปหรือไม่?” หมิงจิ่วซางมองมาอย่างอยากรู้เต็มที่
สีหน้าที่เดิมเย็นเยียบของโม่เหลิ่งเหยียนพลันฉาบไปด้วยน้ำแข็งทันที เขาซัดฝ่ามือใส่หมิงจิ่วซางไปอย่างรวดเร็ว
หมิงจิ่วซางรีบหลบ แต่ชุดคลุมยังคงโดนฝ่ามือของโม่เหลิ่งเหยียนทำจนเป็นรู
“เจ้านี่ทำเกินไปกระมัง นี่เป็นชุดคลุมที่ข้าพึ่งทำมาใหม่เลยนะ ใช้คืนให้ข้าเลย!” หมิงจิ่วซางบ่น
“หากมิใช่เพราะเจ้าพูดจาซี้ซั้ว ข้าจะทำเช่นนี้รึ ต่อไปห้ามล้อเล่นเช่นนี้อีก!” โม่เหลิ่งเหยียนหมุนตัวเดินเข้าห้องหนังสือ
หมิงจิ่วซางรีบตามไปทันที “ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ อีกฝ่ายระบุชื่อหยุนหลี เจ้าไม่สนใจจริงรึ?”
“ทำไมข้าต้องสนใจด้วย?”
“มิน่าเจ้าถึงไม่มีเมียมาหลายปี มิรู้เรื่องระหว่างชายหญิงถึงเพียงนี้ ด้วยฐานะเช่นเจ้าเอ่ยปากขอให้ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ ฝ่าบาทต้องไม่ปฏิเสธแน่”
โม่เหลิ่งเหยียนเหล่มองเขา “พระราชทานสมรส?”
“เจ้าอยากเห็นนางไปแคว้นเป่ยลี่จริงรึ นั่นน่ะเป็นที่ที่ทุรกันดารนะ?” หมิงจิ่วซางถาม
“ข้าเคยบอกว่าจะแต่งกับหยุนหลีตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องเช่นนี้ต่อไปอย่าให้ข้าได้ยินอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อให้คู่แต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีเป็นหยุนหลีจริง หยุนถิงต้องมีหนทางแน่ ข้าไม่ต้องยุ่งดอก” โม่เหลิ่งเหยียนเดินเข้าห้องหนังสือ สะบัดชายเสื้อปิดประตูห้องหนังสือดังปั้ง
หมิงจิ่วซางที่ตามมากำลังจะเข้าไป แต่กลับโดนประตูปิดกระแทกเข้าจมูก เจ็บจนเขาเดือดดาลนัก “อ๊าก เจ็บนะ จมูกข้า โม่เหลิ่งเหยียนเจ้าสารเลว หากให้คนที่อาศัยหน้าตาหากินเช่นข้าต้องเสียโฉม ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
“ตอนนี้การจัดการขนส่งทางทะเลกำลังขาดคน” มีเสียงเย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียนลอยออกมาจากในห้อง
“หยุดเลย เจ้าก็รู้ว่าข้าเกลียดน้ำที่สุด ให้ข้าไปทะเล เจ้าอยากให้ข้าตากแดดจนกลายเป็นปลาแดดเดียวรึ ข้ามีธุระ ไปก่อนล่ะ!” หมิงจิ่วซางตัดบทคำพูดของโม่เหลิ่งเหยียน ใช้วิชาตัวเบาหายไปทันที
โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ในห้องสงบลงทันที พอคิดถึงคำพูดหมิงจิ่วซาง มือที่ถือหนังสือออกแรงเล็กน้อย สายตาหม่นหมอง ทำให้คนคาดเดาว่าเขาคิดอะไรไม่ออกเลย
….
แคว้นชางเยว่
กลางดึก ร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้นที่จวนองค์ชายสี่ คือชางหลันเย่และเจว๋เฟิง
“ท่านพี่ไท่จื่อ ท่านมาจนได้นะ หากท่านยังไม่มาอีก หยกเย็นนี่ต้องโดนข้าเล่นจนพังแน่” องค์ชายสี่ชางหลัวเจว๋บอก
คนนอกรู้เพียงว่าองค์ชายสี่แห่งแคว้นชางเยว่ไม่สนใจงานราชกิจ เป็นคนดื้อรั้น ชอบค้นคว้าวิจัย ไม่ว่าจะเป็นโบราณวัตถุ หรืออาวุธยา ต่อให้เป็นร่างคนตาย ขอเพียงเขาสนใจขึ้นมา ก็จะค้นคว้าจนถึงที่สุด
ในสายตาคนนอก ชางหลัวเจว๋คือคนบ้า ดังนั้นองค์ชายรองและหยางเฟยเลยไม่เคยเห็นเขาเป็นตัวอันตราย แน่นอนว่าไม่เคยต่อกรกับเขา
แต่ใครเลยจะคิดว่า คนบ้าแบบนี้กลับเป็นคนของไท่จื่อชางหลันเย่
เพียงเพราะตอนเด็ก ชางหลันเย่เคยช่วยเขา
ชางหลันเย่เหล่มองหยกเย็นที่ชางหลัวเจว๋เล่นอยู่ในมือ “ตอนนี้คืนของได้แล้ว!”
ชางหลัวเจว๋รีบยื่นให้อย่างนอบน้อมทันที “ท่านพี่ไท่จื่อ นี่เป็นสมบัติล้ำค่านะ คนที่ให้ของเช่นนี้แก่ท่านต้องสนิทสนมกับท่านกระมัง”
พอคิดถึงหยุนถิง คิ้วงามเย็นชาของชางหลันเย่พลันคลายลงเล็กน้อย “นางดีกับข้าไม่น้อย”
“ไอ้โหย ดูสีหน้าท่านพี่ไท่จื่อสิ ต้องเป็นสตรีแน่กระมัง ไม่แน่อีกไม่นานท่านก็จะมีไท่จื่อเฟยแล้วใช่หรือไม่?” ชางหลัวเจว๋กระเซ้า
“อย่าพูดเหลวไหล นางแต่งงานนานแล้ว” เสียงชางหลันเย่มีแววทอดถอนใจ
หากหยุนถิงมิได้แต่งงานกับจวินหย่วนโยว สตรีงดงามมากด้วยฝีมือผู้นั้น บุรุษผู้ใดก็คงหวั่นไหวกระมัง
“ที่แท้ท่านก็แอบรักนางนี่นา พวกเราไปแย่งนางมาดีหรือไม่?”
“หุบปาก นางเห็นข้าเป็นสหาย ข้าจะกระทำการต่ำช้าเช่นนั้นได้เยี่ยงไรกัน อย่าบอกนะว่านี่คือเรื่องสำคัญที่เจ้าจะพูดในคืนนี้?” ชางหลันเย่พูดเสียงเย็น
ชางหลัวเจว๋เบ้ปาก “แน่นอนว่ามิใช่ คืนนี้จู่ๆก็มีคนมาที่จวนข้าสามคน บอกว่าจะหาท่านพี่ไท่จื่อ ดูท่าจะรู้ความสัมพันธ์ของท่านกับข้าดี ดังนั้นข้าเลยเสี่ยงให้ท่านมาหาครั้งนี้”
คนรับใช้ไปพาสามคนนั้นมาทันที หนึ่งในนั้นชางหลันเย่รู้จัก เขาเป็นคนของหยุนถิง
“นายท่านของข้าบอกว่าชางไท่จื่อกลับแคว้นต้องเคลื่อนไหวลำบากแน่ เลยให้พวกข้านำหนทางหาเงินมาบอกชางไท่จื่อ หากจะไปพระราชวัง ต้องเป็นเป้าสายตาคนแน่ ดังนั้นพวกจ้าเลยมาที่จวนองค์ชายสี่” คนหนึ่งในนั้นบอก
“หยุนถิงให้พวกเจ้านำมารึ” ชางหลันเย่อบอุ่นใจนัก
“ขอรับ” พวกเขาพูดความคิดเรื่องเกี๊ยวสายรุ้งออกมาอย่างง่ายๆทันที
ทำเอาองค์ชายสี่ชางหลัวเจว๋ตะลึงยิ่งนัก “มีคนทำเกี๊ยวเช่นนี้ด้วย ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
ชางหลันเย่รู้ฝีมือของหยุนถิงดีมาตลอด เลยไม่ได้ให้พวกเขาทำให้ตรงนั้น แต่ให้เจว๋เฟิงพาพวกเขาไปอยู่ในร้านของเมืองหลวงแห่งแคว้นชางเยว่ จากนั้นก็เรียกรวมพลคนสนิทมาเรียนกลางดึกเลย
อีกสามวันให้หลัง เกี๊ยวสีรุ้งจู่ๆก็โผล่ขึ้นมาหลายร้านมากมายอย่างเงียบเชียบ
ร้านไม่ใหญ่มาก ใช้ห้าหกคนดูแล ราคาชาวบ้าน องค์ชายสี่ชางหลัวเจว๋เคยไปกินครั้งหนึ่ง ก็โดนสีสันดึงดูดเข้าทันที รสชาติยิ่งเลิศรส ออกปากพูดเลยว่า ต่อไปนี้อาหารของจวนองค์ชายสี่ให้เปลี่ยนเป็นเกี๊ยวให้หมด
พอได้ยินลูกน้องรายงานว่าค้าขายดี ชางหลันเย่พอใจมาก ความคิดของหยุนถิงไม่มีทางแย่หรอก
ส่วนเป่ยหมิงฉี่ที่อยู่ไกลถึงแคว้นเป่ยลี่ได้ฟังข่าวที่สายลับในแคว้นชางเยว่ส่งกลับไปว่า เมืองหลวงแคว้นชางเยว่พลันมีร้านเกี๊ยวสีรุ้งเปิดขึ้นมาหลายสิบร้าน เป่ยหมิงฉี่ออกคำสั่งทันที ร้านเกี๊ยวทั่วแคว้นของแคว้นเป่ยลี่พร้อมใจกันเปิดขึ้นมา
หลายวันก่อนเป่ยหมิงฉี่ได้รับสาสน์จากหยุนถิง ให้ความคิดในการหาเงินกับเขาอย่างไม่คิดเงิน ก็คือเกี๊ยวสีรุ้ง ถือเป็นการชดเชยที่ก่อนหน้านี้จวินหย่วนโยวทำชาวบ้านลำบากเพื่อแก้แค้นเป่ยจิ่วฉิงแล้วกัน
ระยะนี้เป่ยหมิงฉี่ยุ่งกับการสร้างและฟื้นฟูแคว้นเป่ยลี่ พอตรวจสอบแล้วถึงรู้ว่า ถึงแคว้นเป่ยลี่จะวุ่นวายภายใน เหล่าขุนนางมากมายล้วนโดนปล้นเงิน แต่ชาวบ้านกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย
เพราะมีคนแอบเอาเสบียงอาหารมาให้พวกเขากลางดึก เอามาโยนเข้าเรือนแล้วก็ไป ไม่เห็นคนมาให้ด้วยซ้ำ
เดาได้เลยว่า เป็นฝีมือจวินหย่วนโยวแน่
เขายังนึกว่าจวินหย่วนโยวจะโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่สนใจความเป็นความตายของชาวบ้านเสียอีก ที่แท้เขาก็มีมุมเมตตาอยู่
เป่ยหมิงฉี่ออกคำสั่งลงมา เกี๊ยวสีรุ้งเปิดผุดเป็นดอกเห็ดไปทั่วแคว้นเป่ยลี่ทันที ครอบคลุมไปทั่วแคว้นเป่ยลี่
อ๋องเก้าที่มาถึงแคว้นต้าเยียนแล้ว พอไดยินว่า ระยะนี้เมืองหลวงแคว้นต้าเยียนมีเกี๊ยวสีรุ้งชนิดหนึ่งออกมา ก็แปลกใจมาก รีบพาคนไปชิมทันที
การค้าของร้านดีมาก เถ้าแก่วุ่นวายหนักหนา เถ้าแก่ที่ยกเกี๊ยวออกมาไม่ทันระวังสะดุดล้ม เกี๊ยวถาดหนึ่งลงบนตัวอ๋องเก้าทันที
“อ๊าก ร้อนนัก เจ้าหาเรื่องตาย กล้าทำร้ายข้า คนมา อัดมันให้ตายเลย!” อ๋องเก้าตะคอกอย่างเดือดดาล
เถ้าแก่รีบขอโทษขอโพย แต่ลูกน้องพวกนั้นของอ๋องเก้ามีหรือจะยอม ซัดหมัดเตะต่อยใส่เถ้าแก่ทันที
ผู้คนที่ห้อมล้อมมุงดูมากนัก แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย
หยุนหลีผ่านมากินเกี๊ยวพอดี เลยได้เห็นภาพนี้ ทำเอานางโกรธจนหน้ามืด พุ่งเข้าไปเตะอ๋องเก้ากระเด็นทันที
“ข้าเกลียดคนที่รังแกคนอ่อนแอกว่าที่สุด หาเรื่องโดนอัด!”