จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 514 วางใจเถอะ มีข้าอยู่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 514 วางใจเถอะ มีข้าอยู่
“อ๊าก!” ได้ยินเพียงอ๋องเก้าร้องเสียงหลง ร่างลอยกระเด็นไปสองสามเมตร จนชนกับโต๊ะข้างๆ จากนั้นก็ล้มลงพื้น ทำให้เกี๊ยวน้ำแกงร้อนบนโต๊ะสาดหล่นใส่ร่างเขาไปด้วย
“เจ็บนัก ช่วยด้วย รีบมาช่วยข้าเร็ว!” อ๋องเก้าเจ็บจนอยากตาย คืบคลานหนีห่างจากเกี๊ยวตรงนั้น
ลูกน้องรีบพุ่งเข้าไปพยุงเขา “ท่านอ๋อง ไม่เป็นไรกระมัง?”
“เจ้าตาบอดรึ ข้าจะไม่เป็นไรได้ยังไง!” อ๋องเก้าเดือดดาลนัก หันไปมองหยุนหลี พอเห็นใบหน้างดงามสดใสของนางแล้ว ก็อดตะลึงไม่ได้
อ๋องเก้าที่เคยเจอสาวงามมานับไม่ถ้วน นี่เป็นครั้งแรกที่เจอสาวน้อยสดใสเยี่ยงนี้ แค่ดูก็รู้ว่ายังละอ่อนนัก
อ๋องเก้าที่เดิมเดือดดาลเคียดแค้นนัก มองหยุนหลีด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ทำทีกระแอมสองคำ
“นังหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ขอเพียงเจ้ายอมคุกเข่าขอโทษข้า จากนั้นตามข้ากลับไปเป็นสาวใช้ ข้าจะไม่ถือสาหาความ ยกโทษให้เจ้าล่ะ!”
อย่าว่าแต่หยุนหลีเลย คนแถวนั้นได้ยินก็เดือดดาลนัก เดิมเถ้าแก่ยังอยากเข้าไปห้ามปราม แต่เจ้าคนน่าตายนี่กลับลวนลามคุณหนูหลี หาเรื่องตายชัดๆ!
ท่ามกลางฝูงชน มีคนวิ่งไปบอกข่าวที่จวนซื่อจื่อแล้ว
หยุนถิงเป็นเทพธิดาในใจของทุกคน จิตใจมีเมตตากรุณา ช่วยเหลือชาวบ้านอย่างพวกเขาเสมอ ไม่เคยวางท่า ดังนั้นในใจชาวบ้านล้วนซาบซึ้งหยุนถิงนัก ตอนนี้คุณหนูหลีโดนรังแก ทุกคนย่อมไม่อาจนิ่งดูดายได้
หยุนหลีมองอ๋องเก้าด้วยสีหน้าสงสัย “เจ้าบอกว่า จะให้ข้าไปเป็นสาวใช้?”
อ๋องเก้าทำหน้าผยอง “ใช่ อย่างเจ้าน่ะยังไม่คู่ควรถือรองเท้าให้ข้าเลย หากเจ้ารู้ตัวดี รับใช้ข้าจนพอใจ ข้าอาจจะให้หนทางรอ—–“
อ๋องเก้ายังพูดไม่ทันจบ หมัดหยุนหลีก็เข้ามาหาแล้ว “อยากให้ข้าไปเป็นสาวรับใช้ ไม่ดูตนเองเลยว่าเป็นอย่างไร คางคกอย่างเจ้าริอาจฝันกลางวัน ข้าจะอัดเจ้าให้ตายเลย!”
แต่ละหมัดไม่ออมมือเลยสักนิด ทุกหมัดใช้แรงสิบส่วนของหยุนหลี เรียกได้ว่าไม่ใจอ่อนเลย
“อ๊าก เจ็บนะ หน้าข้า นังหนูหยุดเดี๋ยวนี้นะ คนมา จับตัวนางไว้ ข้าจะให้นางอยู่มิสู้ตาย—“
ลูกน้องพึ่งพุ่งเข้ามา ชาวบ้านที่มุงดูอยู่รีบห้อมล้อมพวกลูกน้องไว้ บางคนที่เป็นวรยุทธ์ก็ต่อสู้กับลูกน้องของอ๋องเก้าเลย
พอฝูงชนกลายเป็นกำแพงเนื้อ ต่อให้วรยุทธ์เจ้าดีแค่ไหน ก็ต้านทานคนไม่กลัวตายมากขนาดนี้ไม่ไหวหรอก ดังนั้นไม่นานเหล่าลูกน้องก็โดนอัดจนคุกเข่าอ้อนวอน ขยับตัวไม่ได้เลย
อ๋องเก้าตะลึงไปเลย “สวรรค์ คนแคว้นต้าเยียนนี่ช่างกักขฬะเสียจริง ข้าจะกลับบ้าน!”
“เหยียดหยามข้าเสร็จก็จะกลับบ้าน คิดง่ายไปหรือไม่ ไม่มีทาง!” หยุนหลีซัดอ๋องเก้าอีกยกหนึ่ง
ทำเอาอ๋องเก้าเจ็บจนร้องโอดโอย ไม่มีเวลาสนใจหน้าตาละ รีบมุดไปหลบใต้โต๊ะทันที
หยุนหลีไม่ปล่อยเขาหรอก ซัดจนเขาวิ่งหนีพล่านไปทั่วโรงเตี๊ยม และตอนนี้ชาวบ้านก็อุดช่องโหว่หน้าประตูไว้อยู่ อ๋องเก้าหนีออกไปไม่ได้ และก็สู้ไม่ได้ ได้แต่ยอมโดนอัด
อ๋องเก้าในตอนนี้เสียใจยิ่งนัก เขาไปหาเรื่องนังหนูนี่ทำไมกัน ช่างเป็นแม่ค้าปากตลาดเสียจริง
ทุกคนพากันปรบมือชมเชย สะใจยิ่งนัก
ท่ามกลางฝูงชน รถม้าของซวนอ๋องผ่านมาพอดี และเห็นหยุนหลีไล่ตามอัดอ๋องเก้าแห่งแคว้นเป่ยลี่ เขายิ้มมุมปากน้อยๆ ให้คนขับแล่นรถม้าจากไป
จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงได้ยินข่าวว่า น้องหญิงสี่โดนคนลวนลาม แต่กลับไม่มี่วี่แววโกรธหรือเดือดดาลเลย กลับสงบนิ่งมาก เธอให้พ่อบ้านตกรางวัลขอบคุณชาวบ้านที่มาส่งข่าว และลงมือวาดภาพต่อไป
“ไม่ไปดูรึ?” จวินหย่วนโยวที่รับหน้าที่ฝนหมึกถาม
“ไม่ต้องหรอก หยุนหลีไม่อ่อนแอขนาดนั้น เพียงแต่ไม่คิดว่าอ๋องเก้าคนนี้จะตาไม่มีแวว กล้ามาบังอาจโอหังอย่างนี้ในแคว้นต้าเยียน เป่ยหมิงฉี่กลับส่งเขามาแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีเสียนี่” หยุนถิงบอกอย่างไม่แคร์
“บางทีเป่ยหมิงฉี่คงแค่อยากให้เขาลำบากสักหน่อย เป่ยจิ่วฉิงพึ่งตาย หากเป่ยหมิงฉี่ทำไม่ดีต่ออ๋องเก้า จะทำให้คนคิดว่าเขาชั่วร้าย ไม่ยอมละเว้นพี่น้อง ต้องการฆ่าล้างให้สิ้นซาก” จวินหย่วนโยวอธิบาย
“แบบนี้เหล่าขุนนางของแคว้นเป่ยลี่ก็จะรู้สึกว่าเป่ยหมิงฉี่ให้ความสำคัญกับอ๋องเก้า ไม่เพียงสามารถซื้อใจคนได้ ยังให้พวกเราจัดการอ๋องเก้าแทนเขาอีก หมอนี่เจ้าเล่ห์ชั่วร้ายจริงๆ!”
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงหึ
“พูดไปก็จริง คนโง่อย่างนี้มิต้องสนใจดอก องค์หญิงใหญ่ต่างหากที่สำคัญกว่า!”
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปดึงหยุนถิงเข้าอ้อมกอดตน “วางใจเถอะ มีข้าอยู่ เจ้าดูแลตัวเองดีๆก็พอแล้ว”
“อืม ได้” หยุนถิงพยักหน้าเบาๆ
หลายวันต่อมา หยุนถิงพักผ่อนอยู่ที่บ้านตลอด พริบตาเดียวก็มาถึงงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง
ฟ้ายังไม่มืด พระราชวังที่กว้างใหญ่ครึกครื้นยิ่งนัก เหล่าคุณหนูตระกูลดัง เครือญาติของราชวงศ์ในเมืองหลวงต่างมากันพร้อมพรัก เรียกได้ว่าหนุ่มสาวที่มิมีสัญญาหมั้นหมายแต่งงานหรือยังมิมีคู่ครองนั้นล้วนมารวมกันที่หน้าประตูพระราชวังหมดแล้ว ทุกคนต่างทักทายกัน ครึกครื้นยิ่งนัก
“พี่หญิงสาม ท่านว่า ทำไมหลิ่วเฟยเหนียงเหนียงเชิญพวกเรามาร่วมงานด้วยล่ะ ตามหลักแล้วพวกเราเป็นบุตรสาวเมียรอง งานเลี้ยงเช่นนี้ไม่ควรจะมาถึงพวกเราได้นี่นา?” หยุนหลีถามอย่างไม่เข้าใจ
หยุนซูเองก็คิดไม่ตก “ในเมื่อหลิ่วเฟยเหนียงเหนียงให้คนมาสั่ง เจ้ากับข้าทำตามก็พอแล้ว อีกครู่เจ้าอย่าได้ก่อเรื่องเป็นอันขาดนะ ต้องระมัดระวังให้ดี”
“รู้แล้วน่า นั่นพี่ชิงโยวมิใช่รึ พวกเราไปทักทายนางกันเถอะ” หยุนหลีกับหยุนซูเดินเข้าไป
เดิมซูชิงโยวไม่อยากมาก แต่หลิ่วเฟยระบุชื่อให้นางเข้าร่วม ซูชิงโยวได้แต่ทำตาม
คุณหนูหลายคนเดินไปคุยไป พวกนางพึ่งจะถึงอุทยานหลวง ก็เจอกับหยุนไห่เทียนเข้า
ซูชิงโยวสีหน้ากระดากอายนัก อยากจะหลบหลีก แต่หยุนหลีกลับเอ่ยปากขึ้นแล้ว “พี่ใหญ่ ท่านก็มาร่วมงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงด้วยรึ?”
“ข้ามารายงานสถานการณ์ของกองทัพกับฝ่าบาท ฝ่าบาทให้ข้ารับผิดชอบความปลอดภัยในคืนนี้ พวกเจ้าสนุกกันตามสบายเถิด” หยุนไห่เทียนบอก
พอเห็นซูชิงโยวก้มหน้าไม่กล้ามองตน หยุนไห่เทียนไม่เข้าใจจึงถาม “คุณหนูหยุน บังเอิญจริงนะ?”
ซูชิงโยวยิ้มกระดาก พลางทำการคารวะ “คารวะแม่ทัพหยุน”
พูดจบ ซูชิงโยวก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใดต่ออีก
“เช่นนี้พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยนะ พวกข้าไปก่อนล่ะ” หยุนซูลากซูชิงโยวจากไป พวกเขาสองคนจะได้ไม่กระดากอีก
นางกำนัลคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ไม่ไกล รีบกลับไปรายงานหลิ่วเฟยทันที
ไม่นาน นางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามา บอกกับซูชิงโยวว่า หลิ่วเฟยต้องการพบนาง ถึงซูชิงโยวจะประหลาดใจ แต่ก็เดินตามนางกำนัลคนนั้นออกไป
เพียงแต่นางกำนัลคนนั้นพาซูชิงโยวเดินไปในทางที่ยิ่งเดินยิ่งมืด ยิ่งเดินยิ่งวังเวง ซูชิงโยวจับสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลได้เช่นกัน
นางเคยมาพระราชวังก็หลายครั้ง ถึงจะไม่เคยไปตำหนักของหลิ่วเฟย แต่ก็ได้ยินมาบ้างว่า ตอนนี้หลิ่วเฟยกำลังเป็นที่โปรดปราน ไม่น่าจะมาอยู่ในเขตที่วังเวงห่างไกลเช่นนี้
“ขอถามหน่อยว่า อีกนานเท่าไหร่ถึงจะถึงรึ?” ซูชิงโยวถามเสียงเบา
“ใกล้แล้ว คุณหนูซูเร่งฝีเท้าหน่อยเถิด” นางกำนัลตอบโดยไม่หันกลับมา และเดินต่อไป
ข้างๆทางเดินเป็นแม่น้ำสายหนึ่ง ซูชิงโยวมองเงาร่างนางกำนัลที่สะท้อนเหนือผิวน้ำ และเห็นมีดสั้นในมือนางพอดี ซูชิงโยวใจกระตุก หมุนตัววิ่งหนีทันที
แต่นางไม่มีวรยุทธ์ นางกำนัลได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านหลัง รีบตามไปทันที มีดสั้นในมือทำท่าจะแทงหลังซูชิงโยว