จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 515 พี่ใหญ่ ท่านทำอะไรชิงโยวน่ะ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 515 พี่ใหญ่ ท่านทำอะไรชิงโยวน่ะ
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!” ซูชิงโยวร้องเสียงดัง
แต่ที่นี่ห่างไกลออกมามากนัก อย่าว่าแต่คนเลย ขนาดทหารลาดตระเวนยังไม่มี คราวนี้ซูชิงโยวตกใจมาก
“ต่อให้เจ้าร้องจนคอแตกก็ไร้ประโยชน์ ตายซะเถอะ!” นางกำนัลแทงลงมาทันที
ซูชิงโยวตกใจใบหน้าซีดเผือด แต่นางจำได้ว่า หยุนถิงเคยบอกว่า ยิ่งอยู่ในยามคับขันยิ่งต้องใจเย็นเข้าไว้ นางหลบหลีกไปอีกด้านทันที
นางกำนัลแทงไม่โดนเป้า ก็เคียดแค้นยิ่งนัก
ระหว่างที่ซูชิงโยวหลบหนีอย่างล้มลุกคลุกคลานนั้น เกิดไม่ทันระวังสะดุดล้มลง ฝ่ามือกระแทกพื้นจนมีเลือดออก เจ็บจนแทบร้องไห้อยู่แล้ว
“ใครกันแน่ ใครกันส่งเจ้ามาฆ่าข้า ข้ารู้ดีว่าไม่รอดเป็นแน่ แต่เจ้าให้ข้าตายตาหลับได้กระมัง?” ซูชิงโยวถามอย่างร้อนรน
นางมองนางกำนัลอย่างตกใจ ท่าทางตกใจแทบตายแล้ว อาศัยจังหวะนางกำนัลเผลอ ลูบกำไลที่ข้อมือ
นางกำนัลทำหน้าได้ใจ อาจเพราะคิดว่าที่นี่ห่างไกลออกมามากนัก ไม่มีทางมีคนมาแน่ ซูชิงโยวต้องตายแน่แท้ เลยตอบออกมา
“ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่เจ้ารักชอบคนที่ไม่ควรรัก คนบางคนมิใช่ใครที่เจ้าจะใฝ่ฝันถึงได้ ตายซะเถอะ!” แววตานางกำนัลมีประกายเหี้ยมวาบผ่าน พุ่งมีดสั้นในมือแทงใส่หน้าอกซูชิงโยวทันที
“อ๊า!” ซูชิงโยวหวีดร้องเสียงดัง ขยับกำไลที่ข้อมือในบัดดล
ร่างหนึ่งปราดเข้ามา เตะนางกำนัลคนนั้นกระเด็นออกไป
“คุณหนูซู เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนไห่เทียนมองมาอย่างเป็นห่วงง
เมื่อครู่เขาพึ่งรายงานกับฝ่าบาทเสร็จ ผ่านมาทางนี้ได้ยินเสียงพอดี เลยแวะมาดู แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นซูชิงโยวจะโดนแทง
พอได้ยินเสียงคุ้นเคย ซูชิงโยวเงยหน้าขึ้นมาเห็นหยุนไห่เทียน ความหวาดกลัวและน้อยเนื้อต่ำใจในใจนั้นพลันพุ่งขึ้นมา นางคลานขึ้นจากพื้น พุ่งเข้าไปกอดหยุนไห่เทียนพลางร้องไห้โฮทันที
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อครู่นางหวาดกลัวแค่ไหน นางเกือบตายแล้วนะ
โชคดีที่หยุนถิงให้กำไลนางไว้ป้องกันตัว โชคดีที่หยุนไห่เทียนปรากฏตัว
วินาทีนี้หยุนไห่เทียนเหมือนเทพที่ลงมาจากสวรรค์ ทำให้ซูชิงโยวรู้สึกปลอดภัย กอดเขาแล้วเหมือนโอบกอดทั้งโลกเอาไว้
หยุนไห่เทียนตัวแข็งค้าง นี่เป็นครั้งแรกที่มีสตรีกอดเขา พอได้ยินซูชิงโยวร้องไห้โฮ เขารับรู้ถึงร่างกายสั่นเทาเพราะความหวาดกลัวของนาง ดวงตาเย็นชาดุจน้ำแข็งของหยุนไห่เทียนมีประกายสงสารวาบผ่าน
เขาไม่ได้ผลักซูชิงโยวออก ยอมให้นางร้องไห้โฮในอ้อมกอดตนต่อไป หากเป็นผู้อื่นเจอเรื่องเช่นนี้เข้าก็ต้องตกใจกลัวเป็นแน่แท้
หยุนไห่เทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยื่นมือออกมาตบหลังซูชิงโยวแผ่วเบา “อย่ากลัวไปเลย ไม่เป็นไรแล้ว มีข้าอยู่!”
น้ำเสียงน่าฟังลอยเข้าหู เสียงร้องไห้ของซูชิงโยวถึงค่อยเบาลง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูชิงโยวถึงระงับอารมณ์ได้ และออกจากอ้อมกอดของหยุนไห่เทียน “ขอบคุณแม่ทัพหยุนมาก หากมิใช่ท่านผ่านมา ตอนนี้ข้าคงกลายเป็นศพไปแล้วแน่”
“คุณหนูซูมิต้องเกรงใจ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมถึงมีคนคิดจะฆ่าท่าน?” หยุนไห่เทียนถาม
“ข้ากับหยุนหลีและหยุนซูเข้าไปนั่งในงานด้วยกัน มีนางกำนัลคนหนึ่งมาบอกข้าว่า หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงต้องการพบข้า จากนั้นข้าก็ตามนางกำนัลผู้นั้นมา
เดินไปเดินมา ข้าก็ผิดสังเกต หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงบัดนี้กำลังเป็นที่โปรดปราน เหตุใดจึงมาพำนักตำหนักห่างไกลเยี่ยงนี้ และพอจับได้ว่าข้าคิดหนี นางกำนัลจึงจะฆ่าข้า” ซูชิงโยวเล่าเหตุการณ์อย่างหวาดหวั่น
สายตาหยุนไห่เทียนมีแววตะลึง “หลิ่วเฟย?”
หลิ่วเฟยนิสัยดีมีเมตตา และได้รับความช่วยเหลือจากถิงเอ๋อร์ นางอยู่ในตำหนักหลังเป็นคนที่ไม่แย่งชิงใดๆเลย ไม่น่าจะเป็นนางนี่นา
แต่เมื่อครู่นางกำนัลคนนั้นจะฆ่าซูชิงโยวก็เป็นเรื่องจริง เขาเห็นกับตาตนเอง มองดูใบหน้าซีดเผือดอีกทั้งเคลือบหยดน้ำตาของซูชิงโยว ก็ไม่เหมือนว่ากำลังโกหก
“นางกำนัลพูดเช่นนี้จริงๆ” ซูชิงโยวตอบ
“เรื่องนี้ต้องสืบให้แน่ชัด ต่อไประวังตัวหน่อย!” หยุนไห่เทียนพูดจบ ก็เดินไปหานางกำนัลคนนั้น แต่กลับพบว่านางขาดใจตายแล้ว
“การเตะของข้าเมื่อครู่ไม่น่าจะทำให้นางตายนี่นา?” หยุนไห่เทียนขมวดคิ้ว
“เมื่อครู่ตอนนางจะฆ่าข้า ระหว่างชุลมุนข้ากดกลไกบนกำไลนี้ หยุนถิงให้ข้ามา บอกว่าให้เอามาใช้ป้องกันตัวเอง ข้าไม่รู้ว่าท่านจะปรากฏตัว” ซูชิงโยวรีบยกมือขึ้น
หยุนไห่เทียนเห็นกำไลที่ข้อมืองนาง แน่ใจทันทีว่าเป็นของที่ถิงเอ๋อร์ทำ ก่อนหน้านี้หยุนถิงเคยช่วยหยุนไห่เทียนทำแบบฉบับของบุรุษ ดังนั้นหยุนไห่เทียนเลยดูออกในทันที
“เจ้าทำดีมาก เวลาสำคัญต้องรักษาชีวิตไว้ให้ได้ ข้าจะส่งเจ้ากลับไปก่อน” หยุนไห่เทียนบอก
“ขอบคุณแม่ทัพหยุนมาก!” ซูชิงโยวรีบตามไปทันที
ไม่นานหยุนไห่เทียนก็พาซูชิงโยวกลับไปที่งานเลี้ยง ระหว่างทางผ่านอุทยานหลวง ก็เจอกับหยุนถิงและจวินหย่วนโยวพอดี
พอเห็นซูชิงโยวดวงตาแดงก่ำ เสื้อผ้ารกรุงรัง ผมเผ้ายุ่งเหยิง หยุนถิงชะงักกึก หันมองหยุนไห่เทียนโดยอัตโนมัติ
“พี่ใหญ่ ท่านทำอะไรซูชิงโยวน่ะ ที่นี่เป็นพระราชวังนะ?”
หยุนไห่เทียนสีหน้าเย็นชาทันที “อย่าพูดเหลวไหล ข้ากับคุณหนูซูบริสุทธิ์ใจต่อกัน เมื่อครู่มีคนจะลอบฆ่านาง โชคดีข้าผ่านไปช่วยไว้ได้ทันพอดี เพียงแค่นี้เท่านั้นเอง!”
“ลอบฆ่า มีคนจะฆ่าชิงโยว ชิงโยวเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” หยุนถิงมองมาอย่างเป็นห่วง
ซูชิงโยวคิดแล้วก็หวาดกลัวนัก รีบเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา และยังไม่ลืมขอบคุณแม่ทัพหยุน
ทำเอาหยุนถิงสายตาเย็นเยียบ กล้ามีคนลงมือในพระราชวัง
ซุชิงโยวมีนิสัยเรียบง่ายอ่อนหวานมาตลอด ตามหลักแล้วไม่น่าจะมีศัตรูในพระราชวังนี่นา
“ถิงเอ๋อร์ เจ้าดูแลคุณหนูซูให้ดี ข้าจะไปสืบให้แน่ชัด!” หยุนไห่เทียนบอก
“ได้ แต่พี่ใหญ่ ไหล่ท่านเปียกชื้นไปทั้งแถบ ไม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนจริงๆรึ?” หยุนถิงแกล้งกระเซ้าเขา
ใบหน้าซูชิงโยวแดงทันที “ขอโทษด้วยแม่ทัพหยุน ถ้าไงอีกเดี๋ยวท่านเอาเสื้อผ้าให้ข้า ข้าช่วยท่านซักให้สะอาดเถิด”
เมื่อครู่นางมัวแต่ร้องไห้ ลืมเรื่องนี้ไปเลย
“ไม่ต้อง เจ้าตามถิงเอ๋อร์ให้ดี ข้าไปก่อนล่ะ” หยุนไห่เทียนหมุนตัวจากไป
หยุนถิงเห็นซูชิงโยวมองตามแผ่นหลังพี่ใหญ่ไป ดวงตางามฉายแววพอใจ ส่งสายตาให้หลงเอ้อร์ หลงเอ้อร์เข้าใจรีบไปตรวจสอบทันที
“ชิงโยว ข้าส่งคนพาเจ้ากลับบ้านก่อนดีหรือไม่?” หยุนถิงถาม
“ข้าไม่เป็นไร ข้าอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงในคืนนี้” ซูชิงโยวตอบ
ถึงจะพึ่งผ่านความเป็นความตายมา นางหวาดหวั่นนัก แต่ขอเพียงตามติดหยุนถิงก็ย่อมปลอดภัยที่สุดแน่นอน ซูชิงโยวอยากเจอหยุนไห่เทียนอีก ไม่อย่างนั้นผ่านคืนนี้ไป ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอแม่ทัพหยุนอีก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าพาเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน”
“ได้”
ทั้งสองคนถามขุนนางหญิงในวัง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องแห่งหนึ่ง หยุนถิงไม่ได้ให้ซูชิงโยวใส่เสื้อผ้าที่เตรียมไว้แล้วในห้อง แต่อาศัยจังหวะตอนซูชิงโยวถอดเสื้อผ้า แอบเข้าไปหยิบอีกตัวที่คล้ายๆกันมาจากในมิติมาให้ซูชิงโยวเปลี่ยน ส่วนชุดนั้นที่เตรียมไว้แล้วกลับถูกหยุนถิงเก็บเข้ามิติ
จวินหย่วนโยวและหลิงเฟิงรออยู่ด้านนอก ซูชิงโยวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ระหว่างที่พวกเขาเข้าไป งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว
งานเลี้ยงคืนนี้ส่วนมากเป็นชายหญิงยังมิแต่งงานของเมืองหลวง ตอนนี้ทุกคนเข้าประจำที่นั่งแล้ว และชื่นชมการแสดงต่างๆ กินอาหารเลิศรส ครึกครื้นยิ่งนัก
“คุณหนูหยุนและจวินซื่อจื่อช่างยิ่งใหญ่เสียจริงนะ ฝ่าบาทเสด็จมาแล้ว พวกเจ้ากลับพึ่งมา นี่ไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตาเลยงั้นรึ?” น้ำเสียงหวีดแสบแก้วหูดังมา คนที่พูดคือเฟิ่งจาวหยี