จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 527 หากเจ้ากล้าทำอะไรข้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 527 หากเจ้ากล้าทำอะไรข้า
“ซวนอ๋องเจ้าส่งคนสนิทที่เชื่อใจได้สองสามคน ขนส่งแป้งจี่ทั้งหมดพวกนั้นไปที่ชายแดนระหว่างแคว้นเทียนจิ่วกับแคว้นต้าเยียนทันที หากสองแคว้นเปิดศึกกัน แป้งจี่พวกนี้จะเป็นดั่งเสือที่ติดปีกอย่างแน่นอน! อีกอย่าง จู่ๆวันนี้พระราชวังก็มีมือสังหารปรากฏขึ้นมากะทันหัน เจ้าเป็นคนตรวจสอบ จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนให้ได้!” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” ซวนอ๋องรับพระบัญชา
ทางด้านนี้ องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วกำลังเล่นหมากรุกกับคนสนิทของตัวเอง นางหยิบเบี้ยหมากสีดำวางลงไปบนกระดานหมากรุก “เจ้าแพ้แล้ว!”
คนสนิทวี่หรูเอ่ยปากด้วยความเคารพนบนอบ “ทักษะการเล่นหมากรุกขององค์หญิงใหญ่ยอดเยี่ยม บ่าวนับถือ!”
“ไม่รู้ว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเยียนเป็นอย่างไรบ้าง?” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา
ถึงแม้นางจะถูกจัดให้อยู่ที่ลานอีกแห่ง แต่นับตั้งแต่นาทีที่นางเข้าวังมา ก็ส่งคนของตัวเองออกไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของพระราชวัง โดยเฉพาะฮ่องเต้แล้ว
บวกกับเบี้ยหมากที่นางจัดวางเอาไว้ในแคว้นต้าเยียนก่อนหน้านี้ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงรู้เหตุการณ์ทุกอย่างในพระราชวังเป็นอย่างดี
เมื่อครู่นี้ผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่า ฮ่องเต้ให้ซูกงกงระดมพลองครักษ์ทุกคน องค์หญิงใหญ่จึงส่งองครักษ์ลับของตัวเองออกไปทันที
คิดไม่ถึงว่า ฮ่องเต้จะถึงกับลงมือกับองครักษ์ของตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาโง่จริงๆ หรือว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงออกคำสั่ง ให้คนพวกนั้นลอบสังหารทันที
“พวกเขาล้วนเป็นหน่วยกล้าตายระดับหนึ่งทั้งนั้น จะต้องทำสุดความสามารถอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจู่ๆทำไมฮ่องเต้ของแคว้นต้าเยียนถึงได้ลงมือกับคนของตัวเองได้?” วี่หรูถามด้วยความงุนงง
“ไร้น้ำใจที่สุดคือจักรพรรดิ ตอนนั้นฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าเยียนขึ้นครองราชย์ มือก็เปื้อนเลือดไปไม่น้อย ตอนนี้ก็แค่องครักษ์กลุ่มเดียว เขาจะใส่ใจได้อย่างไร” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา
นอกประตู ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานด้วยความตื่นตระหนก “องค์หญิงใหญ่แย่แล้ว คนของเราถูกจับแล้ว”
หลันหลินผู้ใต้บังคับบัญชาจับตามองอยู่ในที่ลับตลอด รีบเล่าความเป็นมาของเหตุการณ์ทันที
สีหน้าของวี่หรูตึงเครียด “องค์หญิง ตอนนี้เกรงว่าเราคงไม่มีโอกาสแล้ว!”
“เดิมทีก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะลอบสังหารสำเร็จอยู่แล้ว หากสังหารฮ่องเต้แคว้นต้าเยียนได้ง่ายดายขนาดนี้ เช่นนั้นเขาจะไม่ใช่ขยะไร้ค่าหรอกหรือ ตอนนี้รู้ความสามารถที่แท้จริงของฮ่องเต้แคว้นต้าเยียนแล้ว ข้าก็ต้องวางแผนใหม่ ส่วนคนที่ถูกจับพวกนั้น ครอบครัวของพวกเขาก็ไม่ต้องมีชีวิตต่อไปแล้ว!” เสียงที่เย็นชาดุร้ายขององค์หญิงใหญ่ ทำให้คนฟังรู้สึกหวาดกลัว
“เจ้าค่ะ!” วี่หรูรีบไปดำเนินการทันที
หลันหลินเห็นวี่หรูจากไปแล้ว ก็รีบเอ่ยปากทันที “องค์หญิงใหญ่ ข้าน้อยสืบชัดเจนแล้ว ท่านอ๋องน้อยถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของแคว้นต้าเยียน การคุ้มกันของคุกใต้ดินหนาแน่น เปลี่ยนเวรวันละสามครั้ง และเป็นคนของฮ่องเต้ทั้งนั้น หากต้องการเข้าไปเกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ยากมาก”
ดวงตาคู่สวยขององค์หญิงใหญ่หรี่ลงเล็กน้อย นิ้วมือที่เรียวยาววางประสานกันไว้บนโต๊ะเบาๆ “ข้าจำได้ว่าคนผู้นั้นยังถูกกุมขังอยู่ในคุกของแคว้นต้าเยียนใช่ไหม?”
“เรียนองค์หญิง ใช่ขอรับ!”
“ในเมื่อข้าเข้าไปไม่ได้ เช่นนั้นก็ให้เขาตอบแทนบุญคุณของข้าในตอนนั้นแล้วกัน” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา
หลันหลินรับคำสั่งทันที “ขอรับ!”
คืนนั้น ด้านนอกคุกพระราชวังก็มีเพลงดังขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ เหมือนเสียงนกร้อง และก็เหมือนเสียงแมวร้อง ขาดๆหายๆ แสบแก้วหูเล็กน้อย
ฮ่องเต้สั่งให้คนไปสืบหาโดยเฉพาะ แต่บรรดาองครักษ์ค้นหาทั่วทั้งพระราชวังแล้ว แต่ก็หาที่มาของเสียงไม่พบ ได้แต่เลยตามเลยไปเท่านั้น
และด้านในคุก
มุมบางแห่ง เสวี่ยเชียนโฉวที่เดิมทีกำลังนอนหลับอยู่หลังจากที่ได้ยินเสียงเพลงนั่นแล้ว ก็ลืมตาขึ้นมากะทันหัน
นัยน์ตาสีดำคู่นั้นประกายแสงความกระหายเลือด เฉือนคมและเย็นชา เป็นเพราะตื่นเต้นมากเกินไป เขาเอาศีรษะชนไปบนกำแพง รู้สึกถึงความเจ็บปวด ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งทันที
ดีจริงๆ ในที่สุดเขาก็รอจนถึงวันนี้ องค์หญิงใหญ่ต้องการใช้เขาจริงๆแล้ว
เซียจิ่วเซียวที่ถูกขังอยู่ด้านข้างกลับเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “เพลงบ้าบออะไรกัน ไม่น่าฟังขนาดนี้ หนวกหูจริงๆ!”
เขาเพิ่งจะกล่าวจบ จู่ๆก็ได้ยินเสียงเพียะดังขึ้นมา เซียจิ่วเซียวสะดุ้งตกใจ รีบลืมตาขึ้นมาทันที
จู่ๆตรงหน้าก็มีศีรษะคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นมา สยายผมเผ้า มองไม่เห็นหน้าตา ดวงตาด้านหลังเส้นผมคู่นั้นจ้องมองดูเขาอย่างมืดมนและอันตราย
สายตานั่น ดูเหมือนจะกลืนกินเขาทั้งเป็น เซียจิ่วเซียวตกใจจนกลิ้งไปบนพื้นโดยตรง
“อ๊าก เจ้าเป็นใคร เจ้าจะทำอะไร พระมารดาข้าเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ของแคว้นเทียนจิ่ว หากเจ้ากล้าทำอะไรข้า——-”
เซียจิ่วเซียวยังไม่ทันได้พูดจบ เสวี่ยเชียนโฉวก็บีบปากของเขาเอาไว้ “คำพูดไร้สาระมากมายจริงๆ!” ขณะที่กล่าวไป ก็ยัดยาเม็ดเข้าไปในปากของเขาหนึ่งเม็ด ให้เขาจำต้องกลืนเข้าไป ถึงได้ปล่อยมือออก
“แค่กๆ เมื่อครู่เจ้าให้ข้ากินอะไร เจ้าจะทำอะไรกันแน่ เจ้า——” เซียจิ่วเซียวยังอยากจะพูดอะไร จู่ๆก็หายใจลำบาก คนทั้งคนสีหน้าแดงก่ำ ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่หายใจแล้ว
คนคนนี้ก็คือคนที่ถูกพิษไฟที่หยุนถิงมอบยาเม็ดให้เขาในคุกก่อนหน้านี้ ชื่อจริงๆของเขาคือเสวี่ยเชียนโฉว ลูกชายของเจ้าอุทยานแห่งอุทยานตระกูลเสวี่ยแปดตระกูลใหญ่ หลายปีก่อนบิดาถูกคนหักหลัง ทำให้อุทยานถูกคนทำลายล้างในชั่วข้ามคืน
มีเพียงเสวี่ยเชียนโฉวคนเดียวที่หนีรอดมาได้ ถูกตามไล่ฆ่ามาตลอดทาง ระหว่างทางโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว ดังนั้นเสวี่ยเชียนโฉวจึงสาบานว่า ขอเพียงองค์หญิงใหญ่ต้องการใช้เขา ไม่มีปฏิเสธอย่างแน่นอน
สุดท้าย เพื่อความอยู่รอด เสวี่ยเชียนโฉวจงใจทำความผิดร้ายแรงที่แคว้นต้าเยียน ให้ตัวเองถูกจับกุม และซ่อนตัวอยู่ในคุกใต้ดินของพระราชวังแคว้นต้าเยียน
ด้วยประการนี้ เขาอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหกปีแล้ว
ตอนนี้ได้ยินเสียงเพลงนี้ เสวี่ยเชียนโฉวรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง ได้เวลาที่เขาจะออกไปแล้วเช่นกัน
ดังนั้น เสวี่ยเชียนโฉวป้อนยาแกล้งตายที่หยุนถิงให้เขาให้กับเซียจิ่วเซียว จากนั้นถึงได้เรียกคน
เมื่อผู้คุมในคุกได้ยินว่าเซียจิ่วเซียวหมดลมแล้ว ก็พากันตกใจอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นท่านอ๋องน้อยแห่งแคว้นเทียนจิ่ว ตอนนี้องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วก็อยู่ในพระราชวัง
บรรดาองครักษ์รีบไปรายงานต่อฝ่าบาททันที ไม่นานนักฮ่องเต้ก็พาหมอหลวงมาด้วยพระองค์เอง หมอหลวงหลิวจับชีพจรให้กับเซียจิ่วเซียว ยืนยันว่าเขาหมดลมแล้ว ฮ่องเต้ก็ตั้งตัวไม่ทัน
“ยกคนไปที่จวนซื่อจื่อเดี๋ยวนี้ หยุนถิงต้องมีวิธีอย่างแน่นอน ให้องครักษ์ลับปกป้องอย่างลับๆ จะปล่อยให้เซียจิ่วเซียวเกิดอุบัติเหตุขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!” เสียงที่เข้มงวดของฮ่องเต้ แฝงไปด้วยความวิตกกังวล
เซียจิ่วเซียวพิการ หรือได้รับบาดเจ็บล้วนไม่สำคัญทั้งนั้น ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ เขาก็สามารถแสร้งทำเป็นไม่เกี่ยวข้อง เจรจาเงื่อนไขกับองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว แต่หากคนเสียชีวิตแล้ว แคว้นเทียนจิ่วจะต้องคิดแค้นอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นสองแคว้นเปิดศึกกัน ผลที่ตามมาเลวร้ายจนไม่กล้าจะคิดเลย
“พ่ะย่ะค่ะ!” ผู้คุมกับองครักษ์รีบเข้ามายกคนทันที
ฮ่องเต้กับหมอหลวงหลิวก็ตามไปทันที ใครก็ไม่มีเวลาสนใจคนอื่นๆในเรือนจำ
เสวี่ยเชียนโฉวที่นอนอยู่ในมุมเห็นฮ่องเต้จากไปแล้ว มุมปากยกขึ้นมาอย่างเย้ยหยันเล็กน้อย ลุกขึ้นมาสะบัดโซ่ตรวนที่พันธนาการมือและเท้าเอาไว้สองสามครั้ง แม่กุญแจถูกเปิดออกในชั่วพริบตา มือและเท้าของเสวี่ยเชียนโฉวได้รับอิสระ ก้าวเท้าก็เดินออกไป
หกปีมานี้เขาศึกษาโครงสร้างของคุกใต้ดินมาตลอด จำทุกรายละเอียดได้อย่างแม่นยำหมดแล้ว
ตอนนี้องครักษ์ผู้คุมเรือนจำบางตา พบกับองครักษ์ไม่กี่คน เสวี่ยเชียนโฉวตีสสบไปโดยตรง เขาหลบจากผู้คุมของคุกใต้ดิน หนีออกไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็หนีไปทางกำแพงด้านหลังคุกใต้ดิน
ทางด้านนี้ ฮ่องเต้พาเซียจิ่วเซียวที่ไร้ลมหายใจมุ่งหน้าไปที่จวนซื่อจื่อด้วยพระองค์เอง
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวได้ยินว่าฝ่าบาทเสด็จมากลางดึก ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก สามารถทำให้ฝ่าบาทมาด้วยพระองค์เอง ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นทั้งสองคนจึงรีบลุกจากเตียงทันที
ในตอนที่เห็นเซียจิ่วเซียวนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกสุดขีด
“หยุนถิง ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีไหน ยาสมุนไพรล้ำค่าอะไร เจ้าจะต้องหาวิธีช่วยชีวิตเซียจิ่วเซียวให้ได้ จะปล่อยให้เขาตายไปเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความกังวล