จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 534 ต่อไปห้ามเรียกว่าซื่อจื่อ ให้เรียกว่าฟูจวิน
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 534 ต่อไปห้ามเรียกว่าซื่อจื่อ ให้เรียกว่าฟูจวิน
“จะไปมีแผนการอะไรได้ล่ะ ก็เป็นหญิงโง่เขลาน่าเกลียดในพระราชวังต่อไป ใช้เวลาเสียเปล่าไปเรื่อย ๆ คาดว่าถ้าไม่แต่งงานกับใครสักคน เสด็จพี่ก็คงไม่มีทางให้ข้าออกจากพระราชวังหรอก!” องค์หญิงซินฉิงพูดแล้วถอดถอนใจออกมา
หยุนถิงจะไม่รู้ได้ยังไงกัน องค์หญิงดูเหมือนว่าจะสง่างามไม่มีที่สิ้นสุด แต่ความจริงแล้วก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เท่านั้น
“ถ้าเกิดเจ้ายินดี จะมาช่วยงานข้าก็ได้นะ!”
แค่คำพูดประโยคเดียว ก็ทำให้องค์หญิงซินฉิงตกตะลึงเป็นอย่างมาก แล้วมองไปที่หยุนถิงอย่างเหลือเชื่อ “เจ้า เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ข้าบอกว่า ข้ากำลังต้องการลูกมือมาช่วยงานข้าสักคนอยู่พอดี ถ้าหากว่าเจ้ายินดี ข้าสามารถไปบอกกับฝ่าบาทได้ว่าให้เจ้าอยู่ที่จวนซื่อจื่อไปชั่วคราวก่อน!” หยุนถิงตอบกลับมา
วินาทีนี้ องค์หญิงซินฉิงตื่นเต้นจนมาจับมือหยุนถิงเอาไว้ “จริงหรือ ข้าอยู่ได้จริง ๆ หรือ?”
“ข้าสามารถไปบอกกับฝ่าบาทได้ ว่าการรักษาใบหน้าเจ้านั้นยุ่งยากมาก จำเป็นต้องมาอยู่ในจวนซื่อจื่อชั่วคราว สำหรับเรื่องอื่นนั้นต่อไปค่อยคิดกันอีกที!”
“ขอบคุณเจ้ามากหยุนถิง บุญคุณใหญ่หลวงนัก ชีวิตนี้ข้าไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนยังไงแล้ว ขอบคุณมาก!” องค์หญิงซินฉิงซาบซึ้งจนนอกจากคำว่าขอบคุณแล้ว ก็หาคำอื่นไม่เจออีกเลย
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ข้าไม่ได้ให้เจ้ามาอยู่เฉย ๆ จะต้องมาทำงานให้ข้าด้วย และที่สำคัญในจวนซื่อจื่อก็ไม่มีใครเห็นว่าเจ้าเป็นองค์หญิงด้วย” หยุนถิงพูดติดตลกขึ้นมา
“ขอแค่ให้ข้าออกจากวังได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรข้าก็ยินดีทั้งนั้น!”
หยุนถิงรีบส่งองครักษ์ไปส่งข่าวในพระราชวังทันที ไม่นานองครักษ์ก็กลับมาแล้ว “ซื่อจื่อเฟย ฝ่าบาทยอมตอบตกลงแล้ว และบอกว่าขอแค่ให้รักษาใบหน้าขององค์หญิงสามให้หาย นางจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ถ้าต้องการยาแพงหรือหายากอะไรก็ไปเอาในพระราชวังได้เลย!”
หยุนถิงจ้องมองไปทางซินฉิง “ได้ยินแล้วใช่ไหม คราวนี้ก็วางใจอยู่ต่อไปได้แล้วนะ”
“คาดว่าเสด็จพี่เองก็คงจะรู้สึกว่า ในที่สุดก็ไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับใบหน้าที่น่าเกลียดของข้าแล้ว หยุนถิงครั้งนี้ต้องขอบใจเจ้ามาก ทำให้ข้าได้หลุดออกมาจากกรงทองนั่นสักที!” องค์หญิงซินฉิงพูดอย่างซาบซึ้งขึ้นมา
“เอาล่ะ เดี๋ยวข้าให้คนพาเจ้าไปที่พัก แล้วค่ำ ๆ ค่อยมาช่วยงานข้า” หยุนถิงกำชับกับองครักษ์ไปไม่กี่คำ แล้วองครักษ์ก็พาองค์หญิงซินฉิงออกไปเลย
จวินหย่วนโยวเดินเข้ามาจากด้านนอก ถือบะหมี่น้ำมันต้นหอมอุ่นร้อนมาด้วยถ้วยหนึ่ง “ได้ยินมาว่าเจ้าให้องค์หญิงสามมาพักในจวนชั่วคราวหรือ?”
“อืม ข้าแค่รู้สึกสงสารนางเท่านั้น ในฐานะที่เป็นองค์หญิงแต่เพื่อต้องการหลบเลี่ยงการแต่งงาน ถึงขนาดต้องตั้งใจทำให้ตัวเองน่าเกลียดไป!” หยุนถิงตอบกลับมา
“ตั้งแต่สมัยโบราณมา ราชวงศ์ก็ไร้เยื่อใยกันทั้งนั้น เจ้าตัดสินใจเองก็ดีแล้ว ถิงเอ๋อร์ของข้าเป็นคนที่ดีที่สุดเลย รีบมากินตอนร้อน ๆ เถอะ” จวินหย่วนโยวถือถ้วยมา แล้วก็เอาตะเกียบคีบบะหมี่ขึ้นมาเป่าคำหนึ่ง แล้วส่งไปที่ข้าง ๆ ปากของหยุนถิง
หยุนถิงอ้าปากกินไปคำหนึ่ง “อร่อยจัง สมแล้วที่เป็นฝีมือของซื่อจื่อของข้า”
“เจ้ารู้ได้ยังไงกัน?”
“บนตัวท่านมีแต่กลิ่นน้ำมันต้นหอม ข้าไม่อยากดมก็ยังยากเลย!” หยุนถิงตอบกลับมา
จวินหย่วนโยวยิ้มอย่างเขรอะเขินขึ้นมา “ก็ข้ากลัวว่าเจ้าจะหิวไง คราวหน้าข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยมา”
หยุนถิงรู้สึกซาบซึ้ง “ซื่อจื่อ ท่านเข้าครัวเองกับมือเพื่อข้า ข้ารู้สึกซาบซึ้งมาก ที่จริงท่านไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้เลย ข้ากินอะไรก็ได้”
“แบบนั้นจะไปได้ยังไง เรื่องอาหารการกินของเจ้าสำคัญที่สุด ข้าช่วยเหลือทางด้านการแพทย์ไม่ได้ ก็ได้แต่ทำอาหารให้เท่านั้น ขอแค่เจ้าชอบกินก็พอแล้ว!”
“แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เจ้าต้องยุ่งขนาดนี้ทุกวัน จะให้ลูกชายเราหิวไม่ได้นะ คาดว่าอีกหน่อยถ้าเจ้าเด็กนี่ออกมา คงจะปากคอเราะรายแน่ เพราะว่าถูกข้าเลี้ยงให้เป็นเอง” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างรักใคร่
หยุนถิงส่งเสียงหัวเราะออกมา แล้วก็ถูกจวินหย่วนโยวป้อนไปแบบนี้จนกินบะหมี่ทั้งชามหมดไป
จวินหย่วนโยวเห็นมุมปากของนางเปื้อนน้ำซุปอยู่ ดวงตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา แล้วก็ชิดเข้าไปใกล้เลย
หยุนถิงยังไม่ทันจะตั้งสติได้ จวินหย่วนโยวก็จูบมาที่มุมปากของนางแล้ว
“ว๊าย ซื่อจื่ออย่าเล่นซิเจ้าคะ!”
“เรียกว่าฟูจวิน!” จวินหย่วนโยวพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“ได้เจ้าค่ะ ฟูจวิน” หยุนถิงร้องเรียกออกมาคำหนึ่งอย่างเชื่อฟัง
จวินหย่วนโยวรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก มือใหญ่รวบตัวหยุนถิงเข้ามาไว้ในอก จากนั้นก็จูบลงมาบนปากนาง
ครั้งนี้ เขาไม่ได้อ่อนโยนและลึกซึ้งเหมือนอย่างปกติแล้ว แต่กลับแฝงไว้ด้วยความวางอำนาจและความแข็งแกร่ง
หยุนถิงรู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย ทำไมอยู่ดี ๆ เจ้าหมดนี่ก็เข้ามาจูบเลย นางกำลังจะผลักตัวจวินหย่วนโยวออกไป ก็ปรากฏว่าตรงริมฝีปากเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
“อ๊าก!” หยุนถิงร้องเสียงต่ำคำหนึ่งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
จวินหย่วนโยวฉวยโอกาสนี้ สอดลิ้นเข้าไป แล้วตวัดเกาะเกี่ยว ทั้งป่าเถื่อนและแข็งแกร่ง ไม่ยอมให้ปฏิเสธเลยสักนิด
หยุนถิงเองก็รู้ว่าช่วงนี้จวินหย่วนโยวต้องอดกลั้นอย่างยากลำบาก นางให้ความร่วมมือเป็นอย่างมากโดยการยื่นมือไปกอดคอจวินหย่วนโยวเอาไว้ แล้วปล่อยให้เขาหาความสุขเต็มที่
ในห้องที่กว้างใหญ่ ทั้งสองคนกอดรัดและจูบกันไป
พอผ่านไปพักใหญ่ จนกระทั่งหยุนถิงใกล้จะหายใจไม่ออกแล้ว จวินหย่วนโยวถึงคลายตัวนางออก แล้วยื่นมือไปแตะปลายจมูกหยุนถิงเล็กน้อย “เด็กโง่ ผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ยังไม่เปลี่ยนลมหายใจไม่เป็นอีก”
หยุนถิงที่ได้รับอิสระแล้ว หายใจหอบไป แล้วมองตาขาวใส่ทีหนึ่ง “ข้าก็อยากเหมือนกัน แต่ท่านไม่ปล่อยให้ข้ามีโอกาสเลย สัตว์ป่าเถื่อน!”
“ฮา ฮา บนโลกใบนี้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่กล้าพูดกับข้าแบบนี้ แต่ว่าถ้าคนคนนั้นคือเจ้า ข้าก็ยินดีที่จะเป็นสัตว์ป่าเถื่อน!” จวินหย่วนโยวพูดเสียงสูงเสียงต่ำขึ้นมา
ใบหน้าของหยุนถิงเขินอายจนแดงระเรื่อขึ้นมา แล้วไม่สนใจเขาอีก
“ทางด้านทุ่งเลี้ยงสัตว์มีวัวนมเข้ามาส่งใหม่ ข้าตั้งใจให้พวกเขาส่งวัวนมมาหลายตัว เอามาปล่อยไว้ที่สวนหลังจวนซื่อจื่อ เจ้าจะไปดูสักหน่อยไหม?” จวินหย่วนโยวเสนอความคิดเห็นขึ้นมา
“ได้ซิ พอดีเลยข้าอยากดื่มนมอยู่พอดี หลังตั้งครรภ์ดื่มนมมาก ๆ มันดีต่อร่างกายของลูก” หยุนถิงกำลังจะผละตัวออกไปจากอ้อมกอดของจวินหย่วนโยว
จวินหย่วนโยวกลับช้อนตัวนางอุ้มขึ้นมา “มีข้าอยู่ทั้งคน เจ้าไม่ต้องเดินเองหรอก!”
คำพูดนี้พูดออกมา ในใจหยุนถิงก็เบิกบานขึ้นมา ความรู้สึกที่โดนเอาอกเอาใจนี่มันดีมากจริง ๆ
“ซื่อจื่อช่างรู้ใจมากจริง ๆ”
“ต่อไปห้ามเรียกว่าซื่อจื่อ ให้เรียกฟูจวิน!” จวินหย่วนโยวแก้ไขให้ถูกต้อง
“เจ้าค่ะ ฟูจวิน!” หยุนถิงรีบร้องเรียกขึ้นมา
จวินหย่วนโยวรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก อุ้มตัวหยุนถิงไว้แล้วก็เดินออกนอกประตูไป
องค์หญิงซินฉิงที่เข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว ทีแรกก็อยากจะมาสอบถามหยุนถิงสักหน่อย ว่าจะนางจะต้องทำอะไรบ้าง แต่ปรากฏว่าจากที่ไกล ๆ ก็เห็นจวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงไว้
“ซื่อจื่อเฟยของพวกเจ้าไม่สบายหรือ?” องค์หญิงซินฉิงถามออกไป
“ไม่ใช่ขอรับ” องครักษ์ตอบกลับมา
“งั้นทำไมจวินหย่วนโยวต้องอุ้มนางด้วยล่ะ?”
องครักษ์ยังไม่ทันได้ตอบ รั่วจิ่งที่เดินผ่านมาก็ได้ยินเข้าพอดี จึงรีบตอบกลับมาว่า “นั่นคือการเอาใจใส่ที่ซื่อจื่อของเรามีให้ซื่อจื่อเฟยคนเดียว ถ้ามีซื่อจื่ออยู่ด้วย ซื่อจื่อเฟยของเราจะไม่ต้องเดินเอง ไม่ต้องกินข้าวเอง ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าเอง……แคร๊ก ๆ ยังไงก็แล้วแต่ หมายความก็คือซื่อจื่อเฟยของเราจะไม่ต้องลงมือทำอะไรด้วยตัวเองเลย”
ได้ยินว่าจวินซื่อจื่อตามใจหยุนถิงเพียงคนเดียว วันนี้พอได้มาเห็นเองกับตา ก็ทำให้องค์หญิงซินฉิงรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
ในใจนางแอบสาบานไปเงียบ ๆ ว่า ต่อไปตัวเองจะต้องหาผู้ชายที่รักและตามใจตัวเองเช่นนี้ให้ได้
รั่วจิ่งเดินเข้ามาเห็นหน้าองค์หญิงซินฉิงเข้า ก็ตกตะลึงไปจริง ๆ “องค์หญิงซินฉิง ทำไมถึงเป็นท่านไปได้? ใบหน้าของท่านนี่ช่างทำให้คนรู้สึกกลัวมากจริง ๆ”
ในฐานะที่เป็นองครักษ์ของจวนซื่อจื่อ แน่นอนว่ารั่วจิ่งต้องรู้จักคนทั้งเมืองหลวงอยู่แล้ว ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนตอนที่เห็นหน้าองค์หญิงซินฉิง หน้านางยังไม่เป็นแบบนี้เลย
“เสด็จพี่ให้ข้ามารักษาหน้ากับหยุนถิง!” องค์หญิงซินฉิงตอบกลับไปเรียบ ๆ
พอรั่วจิ่งเห็นองค์หญิงซินฉิงเรียบเฉยเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าเมื่อกี้ตัวเองทำเกินไปหน่อยจริง ๆ “ที่จริงท่านก็ไม่ต้องเสียใจมากเกินไปหรอก ซื่อจื่อเฟยของเรามีวิชาการแพทย์สูงส่ง จะต้องช่วยถอนพิษให้ท่านได้แน่นอน”
เพื่อเป็นการขอโทษ รั่วจิ่งจึงเอาขาหมูย่างที่ตัวเองขโมยมาจากห้องครัวยื่นออกไปให้ “อันนี้ให้ท่านกินก็แล้วกัน ความงามต้องมาจากการดูแลร่างกายด้วย มันอร่อยมากเลยนะ หาซื้อทั้งเมืองหลวงยังหาซื้อไม่ได้เลย”