จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 538 ข้ามาคุยเรื่องสู่ขอ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 538 ข้ามาคุยเรื่องสู่ขอ
ที่บ้านตระกูลซู
พอซูโหวเย่ได้ยินว่าคุณชายของตระกูลหยุนมา ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และนึกว่าเป็นหยุนไห่เทียนสักอีก จึงรีบออกมาต้อนรับ
ผลปรากฏว่ามองเห็นเป็นหยุนเสี่ยวลิ่ว ซูโหวเย่มีสีหน้าผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังเปิดปากพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น “เจ้าเด็กผี ตระกูลหยุนส่งเจ้ามามีเรื่องสำคัญอะไรหรือ?”
หยุนเสี่ยวลิ่วทำความเคารพต่อซูโหวเย่ไปทีหนึ่ง “คารวะซูโหวเย่ ข้าจะมาคุยเรื่องสู่ขอขอรับ”
“สู่ขอหรือ?” ซูโหวเย่นิ่งอึ้งไปทั้งตัวเลย
“ใช่ขอรับ ข้าอยากแต่งงานกับพี่หญิงซูชิงโยว หวังว่าท่านจะยอมตอบตกลงขอรับ!” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดออกไปตามตรง
ซูโหวเย่สำลักน้ำลายตัวเองขึ้นมาทันทีเลย แล้วก็ไออย่างรุนแรงขึ้นมา พ่อบ้านจึงรีบยื่นถ้วยชามาให้
ซูโหวเย่รับไปแล้ว ก็ดื่มไปหลายคำ ถึงได้ดีขึ้นมาหน่อย จากนั้นก็ยื่นมือไปลูบหัวหยุนเสี่ยวลิ่วเล็กน้อย
“ก็ไม่ได้เป็นไข้นี่ เจ้าเด็กอย่างเจ้าทำไมถึงพูดจาไปเรื่อยล่ะ?”
หยุนเสี่ยวลิ่วผลักตัวเขาออก “ข้าสบายดีขอรับ ข้าชอบพี่หญิงซูจริง ๆ ถึงแม้ตอนนี้ข้ายังเด็กคนหนึ่งอยู่ แต่ถ้าข้าผ่านพิธีการเป็นหนุ่มแล้วก็จะแต่งงานกับพี่หญิงซูได้แล้ว
ถึงแม้ว่าข้ายังเด็ก แต่ความสามารถของข้าก็เก่งกาจมาก เมื่อไม่นานมานี้ข้าเพิ่งรบชนะแคว้นเป่ยลี่มา หลีอ๋องยังถูกข้าเล่นงานจนดึงกางเกงขึ้น ส่วนพี่โม่หลานก็ฟังความคิดเห็นข้าจับตัวเซียจิ่วเซียวมาเป็น ๆ แม้แต่เป่ยหมิงฉี่ก็ยังต้องเกรงใจข้าเลย
ตอนนี้ข้ากำลังล่ำเรียนวิชาสงครามกับท่านพี่อยู่ และฝึกฝนอยู่ในค่ายของพี่ใหญ่ แม้แต่พี่เขยซื่อจื่อ ก็ยังบอกว่าในอนาคตข้ามีความสามารถจะได้เป็นถึงหัวหน้าแน่ ข้าจะต้องเป็นม้ามืดแน่ ๆ ดังนั้นซูโหวเย่ท่านจะต้องจับตาดูข้าไว้ให้ดี ๆ นะ”
พอได้ยินคำพูดชื่นชมที่โม้ออกมาทั้งหมดของเขาแล้ว ซูโหวเย่ก็รู้สึกว่าพอมีเหตุผลอยู่บ้าง
“แต่ว่าชิงโยวอายุพอ ๆ กับพี่สาวเจ้า เรื่องนี้มันดูยังไงก็ไม่เหมาะสมนะ?” ซูโหวเย่พูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
“หญิงอายุโตกว่าสามปีจะได้อุ้มทองคำ พี่หญิงซูโตกว่าข้ามากขนาดนี้ ข้าจะได้อุ้มทองตั้งเท่าไหร่กัน ถ้าเกิดพี่หญิงซูแต่งงานกับข้า ต่อไปเรื่องในบ้านก็ให้นางคุมเลย
ท่านโหวเย่มีลูกสาวอย่างนี้แค่คนเดียว คงจะไม่อยากให้นางแต่งไปไกล ข้าสามารถเป็นสามีเด็กได้ หรือเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านให้ท่านก็ได้ ยังไงบ้านข้าก็มีลูกชายตั้งหลายคน ขาดข้าไปคนเดียวไม่เป็นไรหรอก” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดต่อไป
คำพูดนี้ทำให้ซูโหวเย่หวั่นไหวขึ้นมาแล้วจริง ๆ “สามีเด็กหรือ ข้อเสนอนี้ไม่เลว ข้าเห็น……”
“เจ้าเด็กชั่ว กล้ามาก่อกวนถึงจวนตระกูลซูเลยหรือ ดูซิข้าจะถลกหนังเจ้ายังไง!” เสียงดุดันเสียงหนึ่งดังลอยมา หยุนไห่เทียนพุ่งเข้ามาด้วยฝีเท้ารวดเร็วราวกับบินได้
หยุนเสี่ยวลิ่วตกใจจนตัวสั่น รีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังซูโหวเย่ “ท่านพ่อตาในอนาคต ท่านต้องคุ้มครองข้านะ!”
ซูโหวเย่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกพึงพอใจต่อการเรียกของเจ้าเด็กนี่มาก มันดีกว่าพี่ชายของเขาที่เหมือนท่อนไม้นี้เยอะมาก
จากนั้นซูโหวเย่ก็ตั้งใจทำหน้าบึ้งตึง “ไม่ทราบว่าที่แม่ทัพหยุนมาจวนตระกูลซู มีเรื่องอะไรหรือ?”
“มารบกวนโหวเย่แล้ว น้องชายข้าปกติชอบล้อเล่นไปเรื่อย วันนี้ก็มาโอหังที่จวนตระกูลซู ขอให้โหวเย่อย่าถือสาเลยนะขอรับ!” หยุนไห่เทียนกล่าวขอโทษขึ้นมา
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน ข้ารู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ดีออก” ซูโหวเย่พูดขึ้นมาอย่างเห็นใจ
“โหวเย่ เรื่องในวันนี้คงล่วงเกินไปแล้ว ไว้วันหลังข้าค่อยมาขออภัยอีกครั้ง ขอตัวก่อนนะขอรับ!” หยุนไห่เทียนลากตัวหยุนเสี่ยวลิ่วมา แล้วก็แบกเขาขึ้นหลังแล้วจากไป
ซูชิงโยวมาเห็นภาพนี้เข้าพอดี “แม่ทัพหยุน นี่ท่าน?”
“พี่หญิงซู ข้ามาคุยเรื่องสู่ขอท่าน ข้าชอบท่าน ข้าอยากเป็นสามีเด็กให้ท่าน!” หยุนเสี่ยวลิ่วรีบเปิดปากพูดขึ้นมา
สีหน้าของหยุนไห่เทียนหงุดหงิดและดำคล้ำ แล้วตีลงไปบนตูดหยุนเสี่ยวลิ่วหนึ่งฝ่ามือ เจ็บจนเขาร้องอ๊ากขึ้นมา
“หุบปาก ถ้ายังกล้าพูดไปเรื่อยอีก ข้าจะทำให้เจ้าพูดไม่ได้อีกตลอดชีวิตเลย!” หยุนไห่เทียนตะคอกขึ้นมาอย่างโกรธเคืองประโยคหนึ่ง
หยุนเสี่ยวลิ่วรีบหุบปากลงทันที
“คุณหนูซู น้องชายข้าปากไม่มีหูรูด ท่านอย่าได้ใส่ใจเลยนะ เดี๋ยวข้าจะพอเขาจากไปก่อน วันหลังค่อยมาขอโทษนะ” หยุนไห่เทียนพูดขึ้นมาอย่างอึดอัด
จ้องมองหยุนไห่เทียนพาตัวหยุนเสี่ยวลิ่วจากไป ซูชิงโยวก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ “ท่านพ่อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?”
ซูโหวเย่เล่าเรื่องราวออกไปรอบหนึ่ง แถมยังไม่ลืมพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งด้วยว่า “ข้ารู้สึกว่าความคิดของเสี่ยวลิ่วคนนี้ไม่เลวเลย เจ้าจะลองเก็บไปคิดดูหน่อยไหม?”
“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงได้ล้อเล่นไปด้วยแล้วเจ้าคะ ข้าอายุเยอะกว่าเสี่ยวลิ่วมากขนาดนี้ มันไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยซ้ำ” ซูชิงโยวพูดอย่างรู้สึกหมดคำพูดขึ้นมา
ทางด้านนี้ พอหยุนไห่เทียนออกมาจากจวนตระกูลซู เดินผ่านถนนหลายสาย แล้วหามุมที่ไม่มีคนอยู่ แล้วโยนหยุนเสี่ยวลิ่วลงพื้น
“โอ๊ย เจ็บจังเลย ท่านเป็นพี่ใหญ่แท้ ๆ ของข้าหรือเปล่าเนี่ย จะโยนข้าให้ตายหรือยังไง?” หยุนเสี่ยวลิ่วกัดฟันพูดขึ้นมา
“ต่อไปห้ามมาล้อเล่นอีก ถ้ามีครั้งต่อไป ข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!” หยุนไห่เทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
“พี่ใหญ่ ที่ท่านโกรธมากขนาดนี้ เพราะว่าหึงหรือ?”
“ห้ามพูดไปเรื่อย ข้าจะไปหึงอะไรกัน เจ้าทำแบบนี้จะทำให้ชื่อเสียงของคุณหนูซูเสียหายได้นะ”
“งั้นข้าแต่งงานกับนางก็พอแล้วนี่” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
“พวกเจ้าไม่เหมาะสม” หยุนไห่เทียนตอบกลับมาโดยไม่ได้ครุ่นคิดเลย
เมื่อกี้พอเขาได้ยินว่าหยุนเสี่ยวลิ่วไปที่จวนตระกูลซูแล้ว ก็โกรธเคืองขึ้นมาอย่างรุนแรง แล้วก็ควบม้าตามมาเลย ใช่ซิ ม้าของเข้าล่ะ พอคิดถึงตรงนี้หยุนไห่เทียนก็ถลึงตาใส่หยุนเสี่ยวลิ่วทีหนึ่ง แล้วก็หมุนตัวเดินกลับไปเลย
เพียงแต่ว่าหยุนไห่เทียนยังกลับไปไม่ถึงจวนตระกูลซูเลย จากที่ไกล ๆ ก็เห็นซูชิงโยวเดินมากับชายคนหนึ่งแล้ว พูดคุยและยิ้มแย้มให้กัน
ตอนที่ซูชิงโยวขึ้นรถม้า ผู้ชายคนนั้นก็ยื่นมือมาประคองตัวนางไว้ ส่วนซูชิงโยวก็ไม่ได้ปฏิเสธ จับมือเขาไว้แล้วก็ปีนขึ้นรถม้าไป จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็ขึ้นรถม้าตามไปด้วย
ใบหน้าของหยุนไห่เทียนดำมืดราวกับก้นหม้อ ในอกรู้สึกอัดอั้นอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร
ทหารที่หน้าประตูจวนตระกูลซูเห็นหยุนไห่เทียนเดินมา ถึงแม้ว่าจะแปลกใจ แต่ก็รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม “แม่ทัพหยุน!”
“ผู้ชายคนเมื่อกี้คือใคร?”
“นั่นคือคุณชายอู๋ขอรับ เขาเติบโตมากับคุณหนูใหญ่ของเรา เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก อีกครึ่งเดือนก็จะเป็นวันเกิดของคุณหนูใหญ่เรา คุณชายอู๋จึงตั้งใจกลับมาจากที่ห่างไกล เพื่อจะมาฉลองวันเกิดกับคุณหนูใหญ่ ตอนนี้คุณหนูใหญ่จะพาเขาไปตลาดขอรับ!” ทหารตอบกลับมา
หัวคิ้วของหยุนไห่เทียนขมวดเข้าหากันมากยิ่งขึ้น แล้วหมุนตัวเดินไปทางม้าตัวนั้น แล้วจูงมันจากไป
เขาไม่ได้กลับไปในทันที แต่กลับเดินไปทางที่รถม้าวิ่งจากไป อยู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าร้านขายอาวุธของหยุนหลีก็อยู่ในถนนเส้นนี้นี่ หยุนไห่เทียนจึงรีบมุ่งหน้าไปที่ร้านของหยุนหลี
หยุนหลีกำลังจัดอาวุธอยู่ในร้าน พอเห็นพี่ใหญ่ก็รู้สึกแปลกใจมาก “พี่ใหญ่ ท่านมาได้ยังไงกัน?”
“ข้ามาดูร้านของเจ้าสักหน่อย กิจการเป็นยังไงบ้าง?” หยุนไห่เทียนกวาดตามองทีหนึ่ง
บนชั้นวางต่าง ๆ วางอาวุธไว้หลากหลายชนิด ดูเป็นการเป็นงานมากจริง ๆ
“กิจการก็ดีเจ้าค่ะ มีท่านพี่ช่วยนั่งควบคุมให้ข้าอยู่ มันก็ต้องไม่เลวอยู่แล้ว”
“วัน ๆ เจ้าเอาแต่อยู่ในร้าน ไม่ออกไปเดินเล่นหน่อยหรือ?” หยุนไห่เทียนถามขึ้นมา
“ข้าก็ออกไปทุกวันนะ แล้วเมื่อกี้ก็เพิ่งไปเดินในตลาดมารอบหนึ่ง ท่านพี่บอกข้าต้องรู้เขารู้เรา ดังนั้นห่างไปไม่กี่วันข้าก็ไปเดินดูร้านขายอาวุธทุกร้านในเมืองหลวงรอบหนึ่ง แบบนี้ข้าก็จะได้เข้าใจคนในสายงานเดียวกันได้แล้ว” หยุนหลีตอบกลับมา
“เดี๋ยววันนี้ข้าจะไปเดินเป็นเพื่อนเจ้าสักหน่อย!” หยุนไห่เทียนพูดจบก็เดินออกไปเลย
“ปกติท่านจะยุ่งมากเลยไม่ใช่หรือ ทำไมวันนี้ถึงมีเวลามาเดินเป็นเพื่อนข้าได้ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันไม่สมใจเลยล่ำ” หยุนหลียังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นพี่ใหญ่เดินไปแล้ว จึงรีบตามออกไป
พอเดินไปสองเส้นถนน หยุนไห่เทียนก็มาพบเจอกับซูชิงโยวกับอู๋ซงเข้าจริง ๆ ทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ตรงร้านค้าริมทางแห่งหนึ่ง
ในมืออู๋ซงถือจิ๊บอันหนึ่งไว้และกำลังติดให้กับซูชิงโยว สีหน้าของหยุนไห่เทียนก็มืดครึ้มลงทันที
“หยุนหลี เจ้าไม่มีจิ๊บไม่ใช่หรือ ไปเลือกไป!”
หยุนหลีนิ่งไปครู่หนึ่ง “พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้อยากได้นี่?”