จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 554 ไม่ว่าเจ้าจะให้ทำอะไรข้าล้วนยินดีทั้งนั้น
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 554 ไม่ว่าเจ้าจะให้ทำอะไรข้าล้วนยินดีทั้งนั้น
“ยังต้องถามอีกหรือ เขาต้องไม่ยอมส่งมาแต่โดยดีอยู่แล้ว พี่น้องทั้งหลายสองสามวันนี้ซ่อนตัวให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการแก้แค้นของเฟิ่งหยวน!” หน้าบากหลิวกำชับ
“ขอรับ!” พี่น้องสิบกว่านายที่อยู่ด้านหลังแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
หน้าบากหลิวหันหลังเดินเข้าไปในบ่อนพนัน ที่นี่คือถิ่นของซวนอ๋อง เฟิ่งหยวนย่อมไม่กล้ากำเริบเสิบสานอยู่แล้ว
และทางด้านนี้เฟิ่งหยวนกลับจวนตระกูลเฟิ่งอย่างทุลักทุเล เมื่อเฟิ่งไท่เว่ยเห็นลูกชายของตัวเองมีท่าทางเช่นนี้ ก็โกรธสุดขีด
“ไอ้สารเลวคนไหนมันทุบตีเจ้าจนกลายเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้คนไปกำจัดเขาให้สิ้นซากเดี๋ยวนี้?”
“ท่านพ่อ คือหน้าบากหลิว เขาวางแผนใส่ร้ายข้า ใช้กลอุบายหลอกเงินของข้า ท่านต้องออกหน้าให้ข้าให้ได้นะ!” เฟิ่งหยวนร้องไห้และคร่ำครวญอย่างน่าเวทนา
“เด็กๆ ไปจับตัวหน้าบากหลิวคนนั้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ กล้าทำร้ายลูกชายของข้า รนหาที่ตาย!” เฟิ่งไท่เว่ยคำรามด้วยความโกรธ
“ขอรับ!” เมื่อผู้คุ้มกันที่อยู่หน้าประตูได้ยิน ก็นำคนไปจับกุมคนทันที
เฟิ่งหยวนถึงได้รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ขอเพียงจับตัวหน้าบากหลิวได้ เขาก็ไม่ต้องคืนเงินแล้ว
“พ่อบ้าน ไปเชิญหมอมาเดี๋ยวนี้!” เฟิ่งไท่เว่ยกล่าวด้วยความเอ็นดูสงสาร
“ขอรับ นายท่าน”
“ท่านพ่อ ท่านดีต่อข้าที่สุดจริงๆ!” เฟิ่งหยวนซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
เฟิ่งไท่เว่ยจ้องมองไปทางลูกชายด้วยความโกรธ“ทำไมข้าถึงให้กำเนิดลูกชายที่ขี้ขลาดไร้ความสามารถอย่างเจ้าได้ ไม่มีความรู้ความสามารถในเวลาปกติก็ช่างมันเถอะ นึกไม่ถึงว่าจะถูกคนซ้อมจนกลายเป็นเช่นนี้ได้ เจ้าไม่รู้จักตอบโต้กลับไปหรือ?”
“ท่านพ่อ ข้ามีแค่คนเดียว อีกฝ่ายมีตั้งสิบกว่าคน ข้าสู้ไม่ไหวนี่นา!”
“ปัญญาอ่อน สู้ไม่ไหวเจ้าไม่รู้จักเรียกคนหรือ?” เฟิ่งไท่เว่ยกล่าวด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้
“ข้าก็กลับมาแล้วนี่ไง หากไม่ใช่เพราะข้ามีไหวพริบ เกรงว่าคงจะไม่สามารถกลับมาได้แล้ว” เฟิ่งหยวนกล่าวด้วยความคับข้องใจ
“เช่นนั้นทำไมเขาไม่ซ้อมคนอื่น ดันซ้อมแต่เจ้า ทำความผิดอะไรมากันแน่ สารภาพมาตามตรงเดี๋ยวนี้!”
เฟิ่งหยวนเห็นพ่อโกรธแล้วจริงๆ ไหนเลยจะกล้าพูดความจริง“ก็คือข้าไปเสียเงินที่บ่อนพนัน จากนั้นระหว่างทางก็พบกับหน้าบากหลิว เขาบอกว่าเป็นการแสดงความเคารพข้า ยังยุยงให้ข้าเล่นพนัน ในตอนแรกข้าก็เล่นได้อยู่ ต่อมาก็เสียตลอด แต่แล้วสุดท้ายก็เสียเงินไปจนหมด หน้าบากหลิวก็เปลี่ยนท่าทีจะให้ข้าคืนเงินแล้วก็ดอกเบี้ยให้ได้!”
“เท่าไหร่?”
“หนึ่ง หนึ่งแสนตำลึง!” ไหนเลยที่เฟิ่งหยวนจะกล้าพูดความจริง
เฟิ่งไท่เว่ยระเบิดอารมณ์ในทันที“บัดซบ คลุกคลีอยู่ในบ่อนทุกวัน ไม่รู้หรือว่านั่นล้วนเป็นกลลวงทั้งนั้น โง่เขลาเบาปัญญาอย่างยิ่ง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอยู่บ้านให้ดีๆ หากกล้าออกไปมั่วสุมอีก ข้าจะตีขาเจ้าให้หักเลย!”
“ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ต่อไปข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!” เฟิ่งหยวนยอมรับผิดทันที
พ่อบ้านเข้ามาจากด้านนอก“นายท่าน หมอมาแล้ว!”
“พาคุณชายไปรักษา เห็นเขาแล้วข้าก็รู้สึกอัดอึดใจ!”
“ขอรับ!”
และทางด้านนี้ ผู้คุ้มกันของตระกูลเฟิ่งที่ออกมาจับกุมคน ตรวจค้นสถานที่ทุกแห่งที่พวกอันธพาลทุกคนพักอาศัยอยู่ ก็หาหน้าบากหลิวไม่เจอ จนกระทั่งวันที่สองก็หาไม่เจอ ราวกับว่าหน้าบากหลิวหายตัวไป
เมื่อเห็นว่าถึงเวลานัดหมายแล้ว ก็ยังจับกุมคนไม่ได้อีก เฟิ่งหยวนกลับไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้จวนตระกูลเฟิ่งเพิ่มการป้องกันแล้ว ถึงแม้หน้าบากหลิวจะมีความสามารถแค่ไหน ก็ไม่สามารถเข้ามาได้แล้ว
เฟิ่งหยวนในเวลากำลังพิงอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ นั่งไขว่ห้าง ถือจานผลไม้เอาไว้ กำลังกินอย่างได้ใจ
บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งก้มหน้าเอาไว้ ยกน้ำชาเข้ามา“คุณชายเฟิ่ง ท่านใจแคบเกินไปแล้ว ถึงกับส่งคนมาจับกุมข้า?”
ทันทีที่เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นมา จานผลไม้ในมือของเฟิ่งหยวนก็ร่วงหล่นลงพื้น ไหนเลยที่เขาจะยังมีเวลามาสนใจ กระโดดตัวขึ้นจากเก้าอี้ไท่ซือด้วยความตกใจ ก็กำลังจะเรียกคน
หน้าบากหลิวกลับเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง มือข้างหนึ่งปิดปากเขาเอาไว้ อีกข้างหนึ่งก็สกัดจุดและจุดใบ้ของเขาโดยตรง
“วู้ๆ——” จู่ๆเฟิ่งหยวนก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ปากก็ไม่สามารถตะโกนออกมาได้ ตกใจจนเบิกตากว้าง
“คุณชายเฟิ่งเจ้าว่าเจ้าคืนเงินแต่โดยดีไม่ได้หรือ ตอนที่จากไปเจ้าก็พูดเอาไว้อย่างดิบดี แต่แล้วทันทีที่กลับมาก็ส่งคนตามหาและจับกุมข้าทั้งเมือง ในเมื่อเจ้าเป็นคนผิดกฎก่อนเช่นนั้นก็อย่าโทษข้าก็แล้วกัน!” หน้าบากหลิวควักมีดสั้นออกมาเล่มหนึ่ง และแทงไปทางต้นขาข้างหนึ่งของเฟิ่งหยวนโดยตรง
“อ๊าก!” เฟิ่งหยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่กลับไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ สีหน้าซีดขาว ทั่วทั้งตัวมีเหงื่อเย็นผุดออกมา
นาทีนี้เฟิ่งหยวนรู้สึกเสียใจภายหลังแทบตายอยู่แล้ว การคุ้มกันของจวนตระกูลเฟิ่งเข้มงวดขนาดนี้ หน้าบากหลิวยังสามารถเข้ามาได้ จบแล้ว ทีนี้จบสิ้นแล้วจริงๆ รู้อย่างนี้เขาน่าจะคืนเงินบางส่วนไปก่อน
หน้าบากหลิวไม่ให้โอกาสเขาขอความเมตตาเลยแม้แต่น้อย ดึงมีดสั้นออกมาและแทงลงไปที่ขาอีกข้างของเขา โหดเหี้ยมสุดขีด
เฟิ่งหยวนหมดสติไปโดยตรง หน้าบากหลิวมองด้วยสายตาเย็นชาครู่หนึ่ง ดึงมึดสั้นขึ้นมา และแทงไปที่แขนของเขาอีกครั้ง
ทีนี้เฟิ่งหยวนที่หมดสติก็เจ็บปวดจนตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เลือดไหลไม่หยุด นี่มันเหมือนตายทั้งเป็นชัดๆ
หน้าบากหลิวถึงได้คลายจุดใบ้ของเขา“คุณชายเฟิ่ง รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ หน้าบากหลิว อ้อไม่ท่านหลิว ข้าจะคืนเงินตอนนี้เลย ต่อไปข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ——”
“เจ้าไม่ส่งคนมาจับข้าแล้วหรือ?” หน้าบากหลิวถามเสียงเย็นชา
“ไม่จับ ให้ตายอย่างไรข้าก็ไม่กล้าจับแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าไม่บอกพ่อเจ้า พี่สาวเจ้าแล้วหรือ?”
“ไม่บอก ให้ตายอย่างไรก็ไม่บอก”
มุมปากของหน้าบากหลิวยกขึ้นมาอย่างพึงพอใจเล็กน้อย มีดสั้นเปื้อนเลือดที่อยู่ในมือตบไปทางใบหน้าของเฟิ่งหยวน“คุณชายเฟิ่งเราคุยกันเปิดเผยอย่างตรงประเด็น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีเงินมากมายขนาดนี้ ถึงแม้จะเป็นจวนตระกูลเฟิ่งก็ไม่สามารถเอาเงินออกมาได้มากมายขนาดนี้
ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ขอเพียงเจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง เงินทั้งหมดก็ถือว่าเจ๊ากันไป หากเจ้าทำไม่ได้ ก็ให้พ่อเจ้ารอเก็บศพได้เลย!”
“ข้าทำ ไม่ว่าจะให้ข้าทำอะไรข้าล้วนยินดีทั้งนั้น ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป!” เฟิ่งหยวนตกใจกลัวแทบตายอยู่แล้ว ไหนเลยจะยังพิจารณามากมายขนาดนั้นอีก
หน้าบากหลิวบอกสิ่งที่ต้องการแล้ว ถึงได้จากไป
เมื่อเขาจากไป เฟิ่งหยวนก็เรียกคนทันที แต่เมื่อผู้คุ้มกันเข้ามาก็ไม่มีเงาร่างของหน้าบากหลิวนานแล้ว เฟิ่งหยวนโกรธจนหมดสติไปโดยตรง
และหน้าบากหลิวที่ออกจากจวนตระกูลเฟิ่ง หลบเลี่ยงจากคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปที่จวนซื่อจื่อตลอดทาง
“ซื่อจื่อเฟย ข้าจัดการเฟิ่งหยวนอยู่หมัดแล้ว!” หลงเอ้อถอดหน้ากากหนังมนุษย์ออก เขาเป็นคนปลอมตัวเป็นหน้าบากหลิวไปที่จวนตระกูลเฟิ่งเอง
“ไม่เลว ลำบากเจ้าแล้ว” หยุนถิงกล่าว
“ซื่อจื่อเฟยจะเกรงใจข้าทำไม ตอนนี้ก็รอชมการแสดงพรุ่งนี้แล้ว!” หลงเอ้อเอ่ยปากอย่างได้ใจ
“ถิงเอ๋อร์ มีจดหมายจากเริ่นเซวียนเอ๋อร์!” จวินหย่วนโยวถือจดหมายเข้ามาหนึ่งฉบับ ยื่นให้กับหยุนถิง
“เริ่นเซวียนเอ๋อร์?” หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย รับมาและเปิดออกมาดู รู้สึกดีใจอย่างมาก“คิดไม่ถึงว่านางจะให้ความร่วมมือกับเรา จัดการองค์หญิงใหญ่ด้วยกัน”
“องค์หญิงใหญ่ปฏิบัติต่อนางและตาเฒ่าเหอเช่นนั้น ตอนนี้เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่รู้ว่าตาเฒ่าเหอยังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องแก้แค้นให้เขาเป็นธรรมดา!” จวินหย่วนโยวอธิบาย
“แม้แต่สวรรค์ก็ยังเข้าข้างข้า!” หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวปรึกษาหารือกันเสร็จ ก็รีบตอบจดหมายเริ่นเซวียนเอ๋อร์ทันที
…………………
พระราชวัง
เฟิ่งจาวหยีรับผิดชอบงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในครั้งนี้ เวลานี้กำลังสั่งให้ทุกคนลองชิมอาหาร ยุ่งอย่างมาก
นางรอแค่จัดการหยุนถิงและจวินหย่วนโยวในงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์พร้อมกัน ไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่จวนตระกูลเฟิ่ง
และฮ่องเต้ที่อยู่ในห้องทรงพระอักษร ฟังข่าวที่องครักษ์ลับกลับมารายงาน ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ โยนพู่กันที่อยู่ในมือลงไปบนโต๊ะ
“จับตามองจวนตระกูลเฟิ่งเอาไว้ หากจวนตระกูลเฟิ่งสมคบคิดกับศัตรูอย่างที่เจ้าว่ามาจริงๆ ข้าจะไม่ลูบหน้าปะจมูกเด็ดขาด!”