จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 560 นังเด็กบ้าทำข้าตกใจแทบแย่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 560 นังเด็กบ้าทำข้าตกใจแทบแย่
ใบหน้าขององค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วเต็มไปด้วยความไม่แยแส“คำพูดของซื่อจื่อเฟยข้าฟังไม่เข้าใจแล้ว คนที่สกัดยาเจ็ดวิญญาณมีมากมายในใต้หล้า ถือสิทธิอะไรมามั่นใจว่าเป็นข้า
ข้าให้ตาเฒ่าเหอสกัดยาเจ็ดวิญญาณก็จริง แต่ไม่ได้นำมาที่แคว้นต้าเยียน หากฝ่าบาทไม่เชื่อสามารถส่งคนไปค้นที่แปรพระราชฐานได้
เฟิ่งจาวหยีเป็นคนรับผิดชอบงานเลี้ยง คนที่มาร่วมงานเลี้ยงมีมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็มีอาจจะวางยาพิษฝ่าบาทได้ทั้งนั้น ซื่อจื่อเฟยพุ่งเป้ามาที่ข้าเช่นนี้มันเกินไปหน่อยจริงๆ ขอฮ่องเต้ต้าเยียนโปรดสอบสวนให้กระจ่าง!”
ความจริงองค์หญิงใหญ่เพียงแค่ร่วมมือกับเฟิ่งจาวหยี ให้นางวางยาพิษหยุนถิง ฮ่องเต้ต้าเยียนถูกพิษอยู่นอกเหนือการคาดหมายจริงๆ แต่ว่าถูกพิษก็ดีเช่นกัน ทางที่ดีคือตายไปเลย เช่นนี้แคว้นเทียนจิ่วก็สามารถฉวยโอกาสตอนที่ต้าเยียนเกิดความวุ่นวายภายในโจมตีต้าเยียน
คนอื่นๆวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบาทันที ถึงแม้พวกเขาจะเชื่อหยุนถิง แต่คำพูดขององค์หญิงใหญ่ก็ไม่ได้ไร้เหตุผลสักทีเดียว
หยุนถิงไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย มองไปทางนางอย่างเฉยเมย“เท่าที่ข้ารู้มา สี่แคว้นมีเพียงตาเฒ่าเหอเท่านั้นที่สามารถสกัดยาพิษนี้ออกมาได้!”
คำพูดประโยคเดียว เพียงพอแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของยาพิษนี้
ฮ่องเต้กระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งคำ หยุนถิงรีบนำยาถอนพิษออกมาให้ฮ่องเต้กินทันที แล้วก็ช่วยฝังเข็มให้เขา“ฝ่าบาท ข้าทำได้แค่ระงับพิษเอาไว้ให้พระองค์ชั่วคราวเท่านั้น——”
พูดประโยคนี้จบ หยุนถิงก็หมดสติไป
“ถิงเอ๋อร์ หมอหลวงหลิวยังไม่รีบช่วยรักษาซื่อจื่อเฟยอีก?” จวินหย่วนโยวกอดหยุนถิงเอาไว้ทันที หมอหลวงหลิวรีบเข้ามาจับชีพจร
ฮ่องเต้มองด้วยความซาบซึ้งและตื้นตันสำหรับสิ่งนี้ ตัวหยุนถิงก็ถูกพิษแต่กลับช่วยตัวเองก่อน
“จวินหย่วนโยวพาหยุนถิงไปที่ตำหนักด้านข้าง!” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความอ่อนเพลีย พูดจบก็หมดสติไปเช่นกัน
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท!” เหมยเฟยเรียกด้วยความเป็นห่วง
คนอื่นๆตกตะลึง จนทำอะไรไม่ถูกในทันที
“ทุกคนนั่งอยู่กับที่ รับการไต่สวน ก่อนที่จะสืบสวนชัดเจนห้ามใครจากไปเด็ดขาด พาฝ่าบาทกับหยุนถิงไปที่ตำหนักด้านข้างเถอะ ที่นั่นเงียบสงบ!” ในที่สุดโม่เหลิ่งเหยียนก็เอ่ยปาก
เหมยเฟยกับหลิ่วเฟยประคองฮ่องเต้จากไป จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงจากไป หมอหลวงหลิวตามไป คนอื่นๆล้วนถูกกองทัพหลวงล้อมเอาไว้ รวมไปถึงองค์หญิงใหญ่
องค์หญิงใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ เห็นหยุนถิงกระอักเลือดหมดสติ แม้แต่เทพผู้ยิ่งใหญ่ก็ช่วยนางไม่ได้ ได้เห็นจวินหย่วนโยวเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ช่างมีความสุขจริงๆ ถึงแม้จะถูกล้อมเอาไว้แล้วอย่างไร
ตำหนักด้านข้าง
หมอหลวงหลิวกระวนกระวายจนเหงื่อเย็นไหลท่วมตัว เขาก็เคยเห็นยาเจ็ดวิญญาณจากในหนังสือเท่านั้น ได้ยินซื่อจื่อเฟยพูดเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนสกัดยาพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ออกมาได้ เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะต้องแก้อย่างไร
“เหมยเฟยเหนียงเหนียง โปรดอนุญาตให้กระหม่อมหารือร่วมกับหมอหลวงของโรงหมอหลวงก่อนค่อยตัดสินใจ ฝ่าบาทถูกพิษเป็นเรื่องหาได้ยากจริงๆ กระหม่อมเกรงว่า——”
“เด็กๆ นำตัวหมอหลวงทั้งหมดของโรงหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!” เหมยเฟยตัดบทเขา
“ซื่อจื่อเฟยบอกแล้วว่าไม่มียาถอนพิษ หมอหลวงจะทำได้จริงหรือ?” ฉินเฟยถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ทำไม่ได้ก็ต้องลองดู จะทนดูฝ่าบาทรอความตายไม่ได้หรอก ฝ่าบาทเกษมล้ำยิ่งฟ้าจะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน!” เหมยเฟยจ้องมองไปทางนางด้วยความโกรธ
ฉินเฟยตกใจจนตัวสั่น“สายตาของพี่สาวทำข้ารู้สึกแปลกๆ น้องพูดจาเหลวไหลก็เพราะเป็นห่วงฝ่าบาท”
“หากเจ้าเป็นห่วงฝ่าบาทจริงๆก็หุบปากซะ!” หลิ่วเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
ถึงแม้ฉินเฟยเพิ่งจะได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท แต่พื้นฐานย่อมสู้เหมยเฟยกับหลิ่วเฟยไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงหุบปากอย่างรู้สถานการณ์
หลิงเฟิงพาท่านลั่วเข้ามา“ซื่อจื่อ พาคนมาแล้ว”
ท่านลั่วตรงเข้าไป ชำเลืองมองฮ่องเต้ที่หมดสติครู่หนึ่ง ไม่ได้สนใจ เดินตรงเข้าไปดูหยุนถิงข้างใน จับชีพจรของนางทันที จากนั้นท่านลั่วก็ตัวแข็งทื่อทันที
ไหนบอกว่านังหนูคนนี้ถูกพิษไง ชีพจรนี่ไม่เป็นอะไรเลยนี่นา
จากนั้นท่านลั่วก็เห็นนางลืมตาขึ้นมา ทำหน้าทะเล้นใส่ตัวเอง ท่านลั่วโกรธจนหน้าบึ้งตึง ระหว่างทางที่มาเขาอกสั่นขวัญแขวน ไม่ทันได้กินขนมไหว้พระจันทร์กับฮูหยินเฒ่าฟู่ก็มาแล้ว แต่แล้วนังหนูนี้กลับเสแสร้งแกล้งทำ
ถึงแม้ท่านลั่วจะโกรธ แต่เห็นนางไม่เป็นไรก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ฝังเข็มให้นางไปสองสามเข็มอย่างพอเป็นพิธี ป้อนยาบำรุงครรภ์ให้หนึ่งเม็ดถึงได้ออกไป
“พ่อเฒ่า ซื่อจื่อเฟยเป็นอย่างไรบ้าง?” เหมยเฟยถามด้วยความเป็นห่วง
“สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก ให้นางกินยาถอนพิษไปแล้ว ตื่นขึ้นมาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับนางแล้ว” ท่านลั่วตอบและจับชีพจรของฮ่องเต้ทันที
นานพักใหญ่ จนกระทั่งเขาเก็บมือกลับมา หลิ่วเฟยถึงได้เอ่ยปาก“ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พิษที่ฝ่าบาทถูกคือพิษร้ายแรง ความเป็นพิษรุนแรง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษา เพียงแต่ยุ่งยากหน่อยเท่านั้น พวกเจ้าออกไปให้หมดเถอะ ตอนที่ข้ารักษาไม่ชอบให้มีคนรบกวน!” ท่านลั่วกล่าวอย่างราบเรียบ
“จริงหรือ มีทางรักษาฝ่าบาทจริงหรือ?” หมอหลวงหลิวถามด้วยความตื่นเต้น
ใบหน้าของท่านลั่วเคร่งขรึมทันที“ทำไม เจ้ายังสงสัยทักษะทางการแพทย์ของตาเฒ่าอย่างข้าหรือ ข้าเป็นถึงหมอยมบาล ใต้หล้านี้ไม่มีพิษที่ข้ารักษาไม่ได้!”
หมอหลวงหลิวถูกตอกกลับจนพูดอะไรไม่ออก แต่กลับไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยังตื่นเต้นไม่สิ้นสุด“ข้าก้าวล่วงแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้ายังไม่ออกไปอีก!” ท่านลั่วกล่าวด้วยความไม่พอใจ
สี่แคว้นต่างก็รู้ว่าหมอยมบาลอารมณ์ร้าย นิสัยแปลกประหลาดมาก แต่ทักษะทางการแพทย์ก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ทุกคนออกไปทันที ฉินเฟยชำเลืองไปทางหมอยมบาลคนนั้นครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย และติดตามจากไป
หน้าประตู หลิงเฟิงปิดประตูลง เฝ้าอยู่ตรงนั้น ใครก็ห้ามเข้าใกล้
ท่านลั่วถึงได้เดินไปทางหยุนถิง“ไปกันหมดแล้ว”
“ขอบคุณท่านลั่วมาก!” หยุนถิงถึงได้ลุกขึ้นมานั่ง และยิ้มอย่างซุกซน
“นังเด็กบ้าคนนี้ทำข้าตกใจแทบแย่ ยังไม่ทันได้กินขนมไหว้พระจันทร์ก็รีบเดินทางมา เจ้านี่มันแน่จริงๆ ห้ามมีครั้งหน้าอีกนะ ฮูหยินเฒ่าฟู่กับตาเฒ่าเหอล้วนเป็นห่วงมาก หากไม่กลัวว่าจะเปิดเผยตัวตน ตาเฒ่าเหอก็มาด้วยตัวเองแล้ว!” ท่านลั่วกำชับ
หยุนถิงซาบซึ้งใจอย่างมาก“ทักทายพวกเขาแทนข้าด้วย”
“เจ้านี่นะ!” ท่านลั่วหมดคำพูด
คนที่อยู่ข้างนอกกระวนกระวายใจกันให้วุ่น ท่านลั่วกับจวินหย่วนโยวที่อยู่ในเรือนกลับเล่นหมากรุกกันขึ้นมา
และจวนซื่อจื่อ คืนนี้มีองครักษ์ลับและหน่วยกล้าตายบุกเข้ามาหลายกลุ่ม ไม่มีแสงดาบเงากระบี่พร่างพรายและเลือดไหลเป็นแม่น้ำ องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับของจวนซื่อจื่อล้วนนอนหมอบอยู่ข้างหน้าต่างในเรือน ใช้ปืนเก็บเสียงที่ซื่อจื่อเฟยให้พวกเขายิงทุกคนที่เข้ามา ง่ายดายอย่างมาก
“คนที่อยู่ทางซ้ายเป็นของข้า อย่ามาแย่งกับข้า!” หลงซานกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“คนทางขวาเป็นของข้า!”
“สองคนนี้บังอาจลักลอบไปที่ลานของซื่อจื่อ ข้าจัดการเอง!”
“เรามาแข่งขันกันซะเลย ดูว่าคืนนี้ใครจะฆ่าได้มากกว่ากัน!”
องครักษ์ลับกับองครักษ์เงามังกรต่างก็เห็นด้วยทุกคน นาทีนี้ต่างก็รู้สึกนับถือซื่อจื่อเฟยอย่างยิ่ง เจ้าสิ่งนี้ช่างดีจริงๆ สังหารคนได้โดยไม่ต้องใช้ทหารแม้แต่คนเดียว
องครักษ์ลับกับหน่วยกล้าตายกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกสังหาร องครักษ์ของจวนซื่อจื่อออกมาจัดการกับศพ จากนั้นก็มีอีกชุดหนึ่งมารนหาที่ตาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเช้า
ศพที่อยู่หลังลานกองกันเป็นภูเขาแล้ว พ่อบ้านนำผงสลายกระดูกที่ซื่อจื่อเฟยให้เขามาโรย ศพที่กองเป็นภูเขาสลายกลายเป็นแอ่งเลือด หายไปในชั่วพริบตา
เมื่อหน่วยกล้าตายที่ซ่อนตัวในที่ลับและยังไม่ทันได้บุกเข้ามาเห็นเข้า ก็ตกใจแทบแย่ในทันที ไหนเลยจะยังมีเวลามาสนใจช่วยเซียจิ่วเซียวอีก รีบหนีไปทันที
แต่พวกเขาไม่รู้ว่า เซียจิ่วเซียวถูกองครักษ์ลับของจวนซื่อจื่อส่งไปที่แคว้นเทียนจิ่วผ่านฐานลับของจวนซื่อจื่อนานแล้ว
ผิงหนานอ๋องมีลูกชายเพียงแค่คนเดียว หากเขาเห็นเซียจิ่วเซียวเช่นนี้ จะต้องสร้างความวุ่นวายไปทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างแน่นอน
จนกระทั่งเช้า ท่านลั่วถึงออกมา เหมยเฟยและคนอื่นๆรีบสอบถามทันที“ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พิษถูกกำจัดไปแล้ว แต่คนยังไม่ได้สติ พิษนี้เผด็จการร้ายแรงเข้าสู่หัวใจแล้ว จะตื่นได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้ว” ท่านลั่วตอบ