จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 570 จวินหย่วนโยวกอดหยุนถิงเอาไว้ในอ้อมแขน
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 570 จวินหย่วนโยวกอดหยุนถิงเอาไว้ในอ้อมแขน
ซูโหวเย่ตกตะลึงไปจริงๆ อดที่จะพึมพำขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้“ไหนบอกว่าไม่ได้เตรียมสินสอดทองหมั้นเอาไว้ไง?”
ใบหน้าของหยุนไห่เทียนเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนและแปลกใจ“ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไร?”
“ถิงเอ๋อร์กับจวินซื่อจื่อกลับไปที่ตระกูลหยุน บอกว่าเรื่องดีๆเจ้ากับนังหนูตระกูลซูจวนจะมาถึงแล้ว ข้าก็เลยให้พ่อบ้านไปเตรียมตัวทันที เดิมทีคิดว่าจะมาคุยเรื่องขอแต่งงานพรุ่งนี้ แต่แล้วข้าก็กลัวว่านังหนูตระกูลซูจะเปลี่ยนใจ หาได้ยากที่จะมีคนมาชอบคนหัวรั้นอย่างเจ้า ดังนั้นเมื่อพวกเขาจากไป พ่อก็ให้พ่อบ้านนำสิ่งของมาทันที!” หยุนเฉิงเซี่ยงอธิบาย
มุมปากของหยุนไห่เทียนกระตุกขึ้นมา“ท่านพ่อ มีใครเขาว่าลูกชายของตัวเองอย่างท่านกัน?”
“เจ้ามีพฤติกรรมอย่างไรข้ายังไม่รู้อีกหรือ วันๆเอาแต่อยู่ในค่ายทหารไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่องเลยด้วยซ้ำ อีกหน่อยแต่งงานแล้วห้ามทำเช่นนี้อีก!” หยุนเฉิงเซี่ยงจ้องมองมาด้วยความโกรธ
“ทราบแล้วท่านพ่อ ท่านจะไว้หน้าข้าหน่อยไม่ได้หรือ!” หยุนไห่เทียนเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว
ตาแก่นี่มาหักหน้ากันโดยเฉพาะเลยใช่ไหม
หยุนเฉิงเซี่ยงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน รีบมองไปทางซูโหวเย่“ซูโหวเย่ขอโทษด้วย วันนี้มากะทันหันเกินไปแล้ว และไม่ได้ให้คนส่งเทียบมาก่อน ขอโทษด้วยจริงๆ!”
ไหนเลยที่ซูโหวเย่จะรู้สึกโกรธ ตอนนี้ชิงโยวสมปรารถนาดั่งใจหวัง หยุนเฉิงเซี่ยงส่งของกำนัลมาหมั้นหมายด้วยตัวเอง นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“หยุนเฉิงเซี่ยงเกรงใจไปแล้ว ท่านมาถึงจวนตระกูลซู เป็นการให้เกียรติอย่างยิ่งจริงๆ หาได้ยากที่เด็กสองคนนี้จะถูกตาต้องใจกันและกัน ข้าดีใจยังไม่แทบด้วยซ้ำ!”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” หยุนเฉิงเซี่ยงมองไปทางซูชิงโยว“นังหนูตระกูลซู เจ้าวางใจ อีกหน่อยเจ้าแต่งงานไปที่ตระกูลหยุนของข้าแล้ว หากไห่เทียนรังแกเจ้า ข้าจะซ้อมเขาให้ตาย!”
ซูชิงโยวคิดไม่ถึงว่าหยุนเฉิงเซี่ยงผู้น่าเกรงขามเสมอจะเข้าข้างตัวเองเช่นนี้ แถมยังส่งของกำนัลมาหมั้นหมายด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นว่ายอมรับในตัวนางอย่างมาก
“ขอบคุณหยุนเฉิงเซี่ยง ข้าจะจำเอาไว้!”
“ดี เหล่าซูเราสองคนไปหารือเรื่องฤกษ์งามยามดี อย่าไปรบกวนคนหนุ่มสาวกันเลย!” หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าว
“หยุนเฉิงเซี่ยงกล่าวถูกต้องแล้ว เชิญทางนี้!” ซูโหวเย่พาหยุนเฉิงเซี่ยงไปที่ห้องหนังสือด้วยตัวเอง
สีหน้าของอู๋ซงที่อยู่ด้านข้างและไม่พูดไม่จามาตลอดดูเหมือนกับกิ้งก่า จากเขียวเป็นม่วงและดำมืดในที่สุด รู้สึกกระอักกระอ่วนสุดขีด
แม่ทัพหยุนแค่คนหนึ่ง เขาก็ไม่สามารถเทียบได้แล้ว ตอนนี้มีหยุนเฉิงเซี่ยงมาอีกคน มองดูสินสอดทองหมั้นของคนอื่นวางเอาไว้เต็มลาน แต่เขามีเพียงหกลังเท่านั้น ดูยากจนข้นแค้นสุดๆ
นาทีนี้ อู๋ซงถูกตบหน้าอย่างแรง ไหนเลยจะมีหน้าอยู่ต่อไปอีก ไม่มีเวลาสนใจจะกล่าวลาซูชิงโยว เดินออกไปข้างนอกจากด้วยความตื่นตระหนก
หยุนไห่เทียนบังเอิญเห็นเข้าพอดี เกี่ยวริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย“คุณชายอู๋ ท่านลืมนำสินสอดทองหมั้นของตัวเองกลับไป!”
อู๋ซงเสียหลัก คนทั้งคนล้มลงไปกับพื้น บังเอิญล้มหัวคะมำพอดี ทำให้คนที่ยกสินสอดทองหมั้นของตระกูลหยุนทั้งหมดในลานหัวเราะกันอย่างดังลั่น
สีหน้าของอู๋ซงไม่น่าดูมากยิ่งขึ้น เสียงหัวเราะนั่นช่างถากถางและแสบแก้วหูเช่นนี้ อู๋ซงรีบร้อนลุกขึ้นมาจากพื้นและจากไปทันที ไม่มีเวลาสนใจสินสอดทองหมั้นพวกนั้นด้วยซ้ำ
“เด็กๆ ช่วยส่งสินสอดทองหมั้นของคุณชายอู๋กลับไปให้เขา!” พ่อบ้านของจวนตระกูลหยุนเอ่ยปาก
“ขอรับ!” บ่าวรับใช้ชายสิบกว่าคนยกสินสอดทองหมั้นนั่นขึ้นมาก็จากไป
กล้ามาแย่งเมียกับคุณชายใหญ่ของพวกเขา สมควรถูกข่มเหง ก็ไม่ดูเลยว่าตัวเองมีสภาพแบบไหน
“ชิงโยวเจ้าต้องการจะตกแต่งในเรือน ในลานอย่างไร หรือว่าเจ้าชอบดอกไม้ใบหญ้าอะไร ข้าจะให้คนจัดเอาไว้ล่วงหน้า?” หยุนไห่เทียนถาม
พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างยังอดที่จะยกนิ้วโป้งให้กับคุณชายใหญ่ของตัวเองไม่ได้ นายท่านยังบอกว่าคุณชายใหญ่เป็นคนหัวรั้น นี่มันเปิดกว้างแค่ไหน
ซูชิงโยวยิ่งรู้สึกอายมากขึ้น พวกเขายังไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นทางการ ก็พูดคุยกันเรื่องแต่งงานแล้ว ตอนนี้หารือเรื่องเรือนหอแล้ว ความเร็วนี้ช่างรวดเร็วจริงๆ
“เจ้าอย่าคิดมาก ข้าก็แค่อยากถามความคิดเห็นของเจ้าเท่านั้น”
“ไม่หรอก ข้าก็แค่รู้สึกตอบสนองกลับมาไม่ได้เล็กน้อยกะทันหันเท่านั้น ความจริงข้าก็ไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษ ชอบดอกกล้วยไม้ ดอกเหมย อย่างอื่นก็แล้วแต่ท่านจะจัดการ” ซูชิงโยวตอบ
“ข้าจำเอาไว้แล้ว ไม่รังเกียจที่จะพาข้าไปชมจวนตระกูลซูใช่ไหม” หยุนไห่เทียนกล่าว
“ตกลง!” ซูชิงโยวรีบนำทางทันที
พ่อบ้านเห็นดังนั้น ก็รู้สึกโล่งใจทันที คุณชายใหญ่ไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นห่วงเลย ตัวเองก็จีบเก่งมากนี่นา ดังนั้นพ่อบ้านจึงให้คนที่มาส่งสินสอดทองหมั้นพวกนั้นกลับไปทันที เวลานี้ย่อมไม่สามารถไปรบกวนคุณชายใหญ่กับคุณหนูซูอยู่แล้ว
ทางด้านนี้ หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวออกมาจากจวนตระกูลหยุน ไม่ได้กลับไป แต่ไปที่วัดชิงหยุน
คงอู๋ไต้ซือให้คนส่งจดหมายมาบอกว่า เขากลับมาแล้ว ให้จวินหย่วนโยวพาหยุนถิงไปสักครั้ง
“ท่านพี่ เราไม่ได้พบหลวงจีนเฒ่าคนนั้นนานมากแล้ว ครั้งนี้เขาหาข้ามีธุระอะไรหรือ?” หยุนถิงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“ไปแล้วก็รู้เอง ไม่ต้องคิดมาก เอนตัวพักผ่อนครู่หนึ่ง ยังมีระยะทางอีกหน่อย ถึงแล้วข้าจะเรียกเจ้า” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความตามใจ ยื่นมือไปกอดหยุนถิงเข้าไปในอ้อมแขน ให้นางพิงอยู่บนไหล่ของตัวเอง เช่นนี้ก็สบายขึ้นมาหน่อย
“ตกลง” หยุนถิงรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อยจริงๆ หลับตาลง ไม่นานนักก็หลับไปจริงๆ
รถม้าแล่นไปข้างหน้าตลอดทาง หลงเอ้อกับหลิงเฟิงระมัดระวังอย่างมาก กลัวว่าจะโคลนเคลงถูกซื่อจื่อเฟย
วัดชิงหยุน
กลุ่มคนของจวินหย่วนโยวมาถึงวัด จากตีนดอยไปถึงยอดเขายังมีระยะทางอีกเล็กน้อย แต่รถม้าไม่สามารถขึ้นไปได้ ได้แต่เดินเท้าเท่านั้น
“ถิงเอ๋อร์ข้าอุ้มเจ้า!”
“ไม่ต้องแล้วท่านพี่ นั่งรถม้ามาตลอดทางข้าก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน พอดีข้าจะได้เดินเล่นด้วย” เขาประคองหยุนถิงลงมาจากรถม้า ทั้งสองคนจูงมือกันเดินเขาไป
ไม่ไกลเท่าไหร่ เสียงจ้อกแจ้กจอแจสองสามเสียงดังมา พูดไปด่าไป คนไม่น้อยล้อมรอบอยู่ด้วยกัน
หยุนถิงเดินเข้าไปก็เห็นผู้หญิงอายุมากคนหนึ่ง กำลังชี้ไปที่หญิงสาวที่แต่งชุดชาวนาและด่าอย่างสาดเสียเทเสีย
“ตัวซวย ไก่ที่ไม่ออกไข่ ทำไมลูกชายข้าถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงที่โชคร้ายอย่างเจ้าได้ ตระกูลอู๋ข้าช่างโชคร้ายจริงๆ วันนี้เจ้ารีบคารวะหน้าผากแตะพื้น อธิษฐานขอให้พระโพธิสัตว์คุ้มครองเจ้าให้ตั้งครรภ์เดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะให้ลูกชายข้าหย่าร้างกับเจ้า!”
ผู้ชายที่อ้วนเหมือนหมูที่อยู่ด้านข้าง หน้าตาอัปลักษณ์ ทันทีที่อ้าปากฟันดำทั้งปากนั่นน่าสะอิดสะเอียนสุดขีด เวลานี้เขากำลังมองไปทางผู้หญิงที่กำลังคุกเข่าคารวะหน้าผากแตะพื้นด้วยความรังเกียจ“แม่ข้าพูดถูกแล้ว ยังไม่ตั้งครรภ์อีกจะหย่าขาดกับเจ้าซะ!”
ผู้หญิงที่อยู่บนพื้นรูปร่างผอมแห้ง ผิวเหลือง เบ้าตาลึก บนแก้มยังมีรอยมือบวมแดงที่ชัดเจนรอยหนึ่ง แค่มองก็รู้แล้วว่าถูกคนทุบตี
นางในเวลานี้ตัวสั่นงันงก เกรงกลัวอย่างยิ่ง เดินก้าวหนึ่งคารวะหน้าผากแตะพื้นหนึ่งครั้ง ตรงหัวเข่ามีรอยเลือดซึมออกมา นางเจ็บจนสีหน้าซีดขาว ใบหน้าทั้งใบบิดเบี้ยวไปหมด
แต่สามีกับแม่สามีของนางไม่เพียงไม่รู้สึกเอ็นดูสงสารและปลอบโยน ตรงกันข้ามกลับตำหนิและด่าทอ ราวกับนางเป็นนักโทษ
ผู้คนที่ล้อมรอบอยู่ด้านข้างซุบซิบนินทาพวกเขา แม่สามีใจร้ายกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ดุด่ารุนแรงมากยิ่งขึ้น
บางทีอาจเพราะรู้สึกไม่สาแก่ใจ แม่สามีใจร้ายเดินไปทางต้นหลิวด้านข้าง หักกิ่งไม้มาท่อนหนึ่งก็ตีไปบนร่างกายของหญิงสาวโดยตรง นางเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา แต่กลับไม่กล้าตอบโต้
ลูกชายหมูอ้วนที่อยู่ด้านข้างถึงกับปรบมือกล่าวว่าดี หยุนถิงเห็นแล้วรู้สึกเดือดพล่านเป็นไฟทันที
“หยุดนะ!”
คำพูดที่เย็นยะเยือกคำหนึ่ง ทำให้แม่สามีใจร้ายตกตะลึง นางหันหน้าไปเห็นว่าเป็นหญิงสาวที่แต่งกายหรูหรา ใบหน้าเต็มไปด้วยริษยาและเคียดแค้น
“ข้าสั่งสอนลูกสะใภ้ของตัวเอง เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย!”
เมื่อผู้ชายหมูอ้วนที่อยู่ด้านข้างเห็นหยุนถิง ก็มองตาค้างในทันที สาวงามที่งามราวกับเทพธิดาบนสวรรค์เช่นนี้งดงามกว่าหญิงแก่หน้าเหลืองของเขามากนัก คนหนึ่งอยู่บนสวรรค์ คนหนึ่งอยู่ในนรกชัดๆ
“คนสวย หน้าตาเจ้างดงามจริงๆ อยากกลับบ้านไปกับข้าไหม!” ผู้ชายหมูอ้วนกำลังจะยื่นมือเข้ามา