จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 572 มีข้าอยู่ จะมิมีวันยอมให้เจ้าเป็นอันใดไป
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 572 มีข้าอยู่ จะมิมีวันยอมให้เจ้าเป็นอันใดไป
“ข้าตรวจดวง ทำนายว่าในสามเดือนนี้นังหนูนี่จะมีเคราะห์กรรม ดังนั้นเลยตั้งใจเร่งรุดมา เพื่อมาบอกข่าวนี้แก่เจ้า หากเป็นคนอื่น ข้าคงมิยุ่งด้วยเพียงนี้!” จู่ๆคงอู๋ไต้ซือก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
จวินหย่วนโยวตัวแข็งค้างทันที หากเป็นคนอื่นมาพูดเช่นนี้ เขาต้องจับมันสับเป็นแปดชิ้น และห้าม้าแยกร่างแน่ แต่นี่อีกฝ่ายคือคงอู๋ไต้ซือ รู้การณ์ในอดีตและเบื้องหน้านับไปห้าร้อยปี คำทำนายยิ่งมิเคยผิดพลาดมาก่อน มันทำให้จวินหย่วนโยวจำต้องเชื่อ
“ไต้ซือ มีวิธีแก้ไขอันใดหรือไม่?” จวินหย่วนโยวตื่นเต้นเป็นกังวลนัก
“ลิขิตสวรรค์มิอาจเปิดเผยได้ มันเป็นเคราะห์กรรมของนังหนูนี่ มิมีหนทางแก้ไขได้ แต่เห็นแก่สัมพันธ์ของเรา ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่า อย่าให้นังหนูนี่ไปที่สูงเช่นหน้าผาเป็นต้น” คงอู๋ไต้ซือบอกพลางถอนหายใจ
“ไต้ซือ ข้าจะตายรึ?” หยุนถิงถาม
บรรยากาศรอบด้านพลันกลายเป็นตึงเครียด ทำให้คนรู้สึกกดดันนัก
คงอู๋ไต้ซือสีหน้าตึงเครียด เหล่มองท้องหยุนถิงฉับพลัน “เสี่ยงชีวิตหนักหนาสาหัสอยู่ ลางทีเด็กคนนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนให้เจ้า และอาจจะเป็นเคราะห์กรรมของเจ้าด้วย ทั้งหมดยังมิอาจรู้ได้ อาตมาก็มองชะตาเจ้ามิออก”
จวินหย่วนโยวสีหน้าตึงเครียดยิ่งนัก “ท่านมิใช่ชอบสุราเลิศรสพวกนั้นที่ข้าเก็บไว้รึ ให้ท่านทั้งหมดเลย ขอเพียงท่านคุ้มครองให้ถิงเอ๋อร์ปลอดภัยมิเป็นอะไร!”
คงอู๋ไต้ซือตะลึงอึ้ง สุราเลิศรสเหล่านั้นเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดของจวินหย่วนโยว มีสิบไหในนั้นยังเป็นเหล้าที่บิดาเขาเหลือไว้ให้ สำหรับจวินหย่วนโยวแล้วเป็นสิ่งที่มิอาจมีสิ่งใดเทียบเคียงได้ ประหนึ่งมรดกตกทอดจากบิดาเขา
บัดนี้เขากลับยินดีจะมอบมันออกมาทั้งหมด ขอเพียงให้หยุนถิงปลอดภัย มันทำให้คงอู๋ไต้ซือซาบซึ้งยิ่งนัก
“หากอาตมารับไว้ มิเท่ากับฉวยโอกาสรึ นังหนู สิ่งนี้ให้เจ้า ห้ามเปิดออกเด็ดขาด ต้องพกติดตัวไว้ตลอด สิ่งที่ข้าพอจะช่วยได้ก็มีเพียงเท่านี้แล้วล่ะ” คงอู๋ไต้ซือควักถุงผ้าถุงหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ
“ขอบคุณไต้ซือมาก!” หยุนถิงยื่นมือรับมา
“กลับไปข้าจะให้หลิงเฟิงส่งเหล้าที่ฝังในจวนซื่อจื่อมาให้!” จวินหย่วนโยวบอก
“นี่เจ้ายัดเยียดให้ข้าเองนะ ข้าไม่ได้ขอนะ!” คงอู๋ไต้ซือเบ้ปากบอก
“ข้ายัดเยียดเอง”
หยุนถิงฟังออกถึงความกังวลและร้อนใจของจวินหย่วนโยว เธอยื่นมือไปกุมมือจวินหย่วนโยวไว้ “ท่านพี่อย่ากังวลไปเลย เรื่องยังมิเกิดมิใช่รึ
อีกอย่างคงอู๋ไต้ซือก็บอกว่า ไม่แน่ว่าจะร้ายหรือดี ยังมิแน่ดอก ดังนั้นพวกเราทำใจให้สบายนะ ไม่แน่อาจจะแค่วิตกไปเองก็ได้
เป็นสุขมิใช่เคราะห์ หากเป็นเคราะห์กรรมพวกเราหาทางหลบหลีกก็ได้แล้ว ท่านพี่เก่งกาจปานนี้ ต้องปลอดภัยได้แน่”
จวินหย่วนโยวเห็นนางมองโลกในแง่ดี ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว เขาดึงหยุนถิงมาแนบอก “เจ้าวางใจนะ มีข้าอยู่ จะมิยอมให้เจ้าเป็นอันใดไปแน่!”
“ข้าเชื่อท่าน ท่านพี่!”
“ในเมื่อพวกเจ้ามาแล้ว ก็พำนักกับข้าสักหลายวันแล้วกัน!” คงอู๋ไต้ซือบอก
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชา “มิได้ เมื่อครู่ท่านพึ่งพูดเองมิใช่รึว่าถิงเอ๋อร์จะไปแถบหน้าผามิได้ เขาด้านหลังท่านน่ะเป็นหน้าผาทั้งนั้น ไม่ปลอดภัย ตอนนี้ข้าจะพานางกลับไป”
คงอู๋ไต้ซือมุมปากกระตุก เมื่อครู่เหมือนเขาจะพูดเช่นนี้จริงๆ
“ไต้ซือ ท่านอยู่เขาด้านหลังที่ห่างไกลผู้คนเช่นนี้คนเดียวก็น่าเบื่อ สู้ตามเรากลับจวนซื่อจื่อดีกว่า ระยะนี้ข้าคิดค้นรายการอาหารมากมาย และยังมีสุราเลิศรส ที่ท่านมิเคยกินมาก่อนอีกนะ ไปลองชิมดูหน่อยดีหรือไม่?” หยุนถิงถาม
คงอู๋ไต้ซือตาเป็นประกายทันที ชาตินี้เขาชอบกินและชอบดื่มนัก “ได้ แต่เจ้าต้องทำของอร่อยให้ข้ากินมากหน่อยนะ”
“ไม่มีปัญหา”
ดังนั้นคงอู๋ไต้ซือเลยตามหยุนถิงและจวินหย่วนโยวออกจากเขาด้านหลัง มุ่งตรงไปจวนซื่อจื่อ
…..
แคว้นชางเยว่
นับตั้งแต่ชางหลันเย่ไปเยี่ยมไท่เฟยที่เมืองอู่หนิง หลังจากเขาเร่งรีบเดินทางกลางดึก ก็มิมีความเคลื่อนไหวใดๆอีกเลย
นักฆ่าพวกนั้นที่หยางเฟยส่งไปฆ่าชางหลันเย่ก็ไม่ตอบจดหมายกลับ เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ชางหมิงเยว่ได้ส่งนักฆ่าไปอีกไม่น้อย สุดท้ายไม่มีใครกลับมาเลย
ทำเอาหยางเฟยกับชางหมิงเยว่ร้อนใจนัก ไม่รู้ว่าชางหลันเย่ตายแล้วหรือไม่
ในที่สุดมีองครักษ์ลับคนหนึ่งกลับมารายงาน บอกว่าชางหลันเย่กับเซียวซ่างซูโดนฆ่าตายแล้ว คราวนี้หยางเฟยกับชางหมิงเยว่ถอนหายใจโล่งอก
หยางเฟยอารมณ์ดีมาก สั่งให้คณะละครหงรื่อที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงแคว้นชางเยว่เข้าวังมาร้องเต้นรำเฉลิมฉลอง
อันที่จริงนางมิรู้เลยว่า พวกชางหลันเย่เข้าเมืองหลวงมานานแล้ว เพียงแต่ทั้งนอกและในวังเต็มไปด้วยหูตาของหยางเฟย หากจู่ๆเขาก็ปรากฏตัว ยังไม่ทันได้เจอฮ่องเต้ก็คงโดนพวกหยางเฟยลอบฆ่าไปนานแล้ว ดังนั้นชางหลันเย่เลยรอโอกาสมาตลอด
เจว๋เฟิงแสร้งให้คนไปซื้อตัวองครักษ์ลับคนนั้น บอกว่าชางหลันเย่ตายแล้ว แบบนี้หยางเฟยก็จะคลายระแวง พอเห็นคณะละครหงรื่อโดนเรียกตัวเข้าวัง ชางหลันเย่กลับพาพวกเซียวซ่างซูลอบปะปนเข้าคณะละคร ตามเข้าวังด้วย
ชางหลัวอวี้องค์ชายสี่แห่งแคว้นชางเยว่รู้ข่าว ก็เข้าวังมารอรับก่อนแล้ว
เขาเป็นองค์ชายเสเพลมาแต่ไหนแต่ไร และชอบศึกษาวิจัย บ้าๆบอๆไปวันๆ คราวนี้ชางหลัวอวี้วันนี้อุ้มท่อนไม้อันใหญ่ พอเห็นใครก็บอกว่าเป็นสมบัติ สามารถทำให้ไม่แก่ไม่ตาย หลังจากหยางเฟยได้ยินก็เหยียดว่าคนบ้า แต่ไม่ได้ให้คนขัดขวาง
ชางหลันเย่กับพวกเซียวซ่างซูพอเข้าวัง ก็ถอดชุดคณะละครเปลี่ยนเป็นชุดขันที โชคดีที่มีชางหลัวอวี้รอรับ พวกเขาเลยเข้าไปพบฮ่องเต้ได้อย่างราบรื่น
พอฮ่องเต้เห็นชางหลันเย่ ก็ตื่นเต้นยิ่งนัก พอได้ยินเซียวซ่างซูบอกว่า หยางเฟยส่งเขาไปลอบฆ่าชางหลันเย่ ฮ่องเต้เดือดดาลยิ่งนัก
“ฝ่าบาท กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว หยางเฟยใช้ครอบครัวของกระหม่อมมาข่มขู่ กระหม่อมหมดปัญญาจึงได้แต่ลงมือกับไท่จื่อ บัดนี้กระหม่อมเกือบโดนหยางเฟยฆ่าปิดปาก และยังเสียขาไปข้างหนึ่ง ถือว่าได้รับผลกรรมแล้ว ขอฝ่าบาททรงพระกรุณาด้วย ช่วยครอบครัวของกระหม่อมด้วยเถอะ!” เซียวซ่างซูโขกศีรษะลงพื้น อ้อนวอนอย่างน่าเวทนา
“เสด็จพ่อ ถึงเซียวซ่างซูจะโดนสั่งการมา แต่เขาก็ทำเพื่อครอบครัว ขอเสด็จพ่อทรงพระกรุณาด้วย!” ชางหลันเย่ถวายบังคม
ฮ่องเต้ทั้งตื้นตันและสงสาร “เจ้าเด็กนี่เกือบโดนคนลอบฆ่า ยังขอร้องแทนเขาอีก ใจดีมีเมตตาจริง เจ้าวางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าต้องให้คำตอบเจ้าแน่นอน!”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ แค่กแค่ก—“ ชางหลันเย่สีหน้าซีดเผือด ไอออกมาอย่างรุนแรง เขายืนแทบไม่อยู่แล้ว
“ทหาร ไปตามหมอหลวงมาเร็ว เย่เอ๋อร์เจ้านั่งพักก่อนเถอะ”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”
ฮ่องเต้สีหน้าเย็นชาฉับพลัน “ทหาร ไปจับตัวหยางเฟยมา กล้ามาลอบฆ่าไท่จื่อของข้า พวกมันช่างบังอาจเสียจริง!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
อีกด้านหนึ่ง หยางเฟยกำลังฟังเพลงดูละครอย่างอารมณ์ดี สุดท้ายไม่รอนางกระหยิ่มยิ้มย่อง องครักษ์กลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา “ฝ่าบาทเรียกหยางเฟยเหนียงเหนียงเข้าเฝ้า!”
หยางเฟยมองมาอย่างสงสัย “เหตุใดฝ่าบาทจู่ๆเรียกข้าเข้าเฝ้า?”
“ขออภัยพวกกระหม่อมมิอาจเปิดเผยได้ เหนียงเหนียงเชิญเถอะ!” องครักษ์ที่นำหน้าพูดด้วยสีหน้าตึงเครียด
หยางเฟยขมวดคิ้ว ฝ่าบาทส่งองครักษ์มาเรียกตนเข้าเฝ้า หรือว่าเขารู้เรื่องที่ตนแอบลอบฆ่าชางหลันเย่แล้ว?
เป็นไปไม่ได้ คนที่รู้เรื่องนี้ล้วนตายหมดแล้ว ชางหลันเย่ตายแล้ว ตอนนี้ก็ไร้พยานตรวจสอบหาความจริง
“ข้าตามพวกเจ้าไปก็ได้!” หยางเฟยลุกขึ้นยืน หันมองสาวใช้ข้างกาย “เจ้าอยู่นี่ อีกครู่องค์ชายรองมาพบข้า หากมาแล้วมิพบ เขาต้องร้อนใจแน่”