จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 584 ข้าอ่อนเพลียมิได้รึ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 584 ข้าอ่อนเพลียมิได้รึ
โม่เหลิ่งเหยียนกลับก้าวเข้ามาพยุงมือจวินหย่วนโยวเร็วกว่าหนึ่งก้าว “เขามิเป็นไร คงจะขาชาน่ะ”
จวินหย่วนโยวรู้สึกได้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนบีบแขนตนแรงมาก เจ็บมาก ใบหน้าเขากลับราบเรียบไม่มีอะไร “ขาชาน่ะ ถิงเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลนะ เจ้าไปเปลี่ยนชุดเถอะ” แอบใส่แรง บีบมือโม่เหลิ่งเหยียนกลับไป
หลิงเฟิงกับรั่วจิ่งรีบพุ่งเข้ามา พยุงซื่อจื่อ หลงเอ้อร์ไปเอาเสื้อผ้ามาอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวต่างเปลี่ยนเสื้อผ้าแห้งสะอาดออกมา เพียงแต่จวินหย่วนโยวโดนพยุงออกมา
“เจ้าถอนพิษแล้วมิใช่รึ?” โม่เหลิ่งเหยียนเหล่มองเขา
“ข้าร่างกายอ่อนเพลียมิได้รึ!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
หยุนถิงเดินเข้ามา “ท่านพี่พึ่งถอนพิษเสร็จ ร่างกายอ่อนเพลียอยู่จริงๆ บำรุงร่างกายสักระยะก็ได้แล้ว”
ถึงปากโม่เหลิ่งเหยียนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ถอนหายใจโล่งอก
พวกจวินหย่วนโยวกลับไป โม่เหลิ่งเหยียนเองก็ตามพวกเขากลับไปเช่นกัน
ในรถม้า
โม่เหลิ่งเหยียนมองจวินหย่วนโยวอย่างเย็นชา “หรือว่าเจ้าไม่คิดอธิบายกับข้าสักหน่อยรึว่า เหตุใดฝ่าบาทถึงถูกพิษ?”
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว “พิษของฝ่าบาทข้าเป็นคนทำเอง แต่ไม่ใช่ข้าให้คนวางยา เพียงแค่ให้สลับกาเหล้าของฝ่าบาทกับถิงเอ๋อร์เท่านั้นเอง
ชีวิตถิงเอ๋อร์สำคัญกว่าของข้ามากนัก ข้าย่อมไม่อาจให้นางเกิดเรื่องได้ จะให้องค์หญิงใหญ่สบายไปก็ไม่ได้ เลยได้แผนเช่นนี้มา
ขอเพียงเกิดเรื่องกับฝ่าบาท ถึงจะอาศัยเหตุผลนี้มากักขังองค์หญิงใหญ่ได้ ที่ไม่ได้ปรึกษาเจ้าก่อนเพราะกลัวจะหลุดข่าวออกไป ฝ่าบาทไม่มีอันตรายถึงชีวิตหรอก เหล้ากานั้นข้าก็ให้คนผสมน้ำแล้ว!”
“เจ้าคิดว่าข้าจะไปเปิดโปงความลับ?” โมเหลิ่งเหยียนสีหน้าดำทะมึนลงมา
“ไม่ แต่เรื่องนี้ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก็เดาเรื่องออกแล้วมิใช่รึ!” จวินหย่วนโยวตอบ
“จริงสิซวนอ๋อง ท่านดูออกได้อย่างไร?” หยุนถิงมองมาอย่างแปลกใจ
“ตอนนั้นเจ้ากำลังกระอักเลือดเพราะโดนพิษ ด้วยความเอาใจใส่ของจวินหย่วนโยวที่มีต่อเจ้า ต้องรีบให้หมอหลวงหรือหมอยมบาลมารักษาให้เจ้าแน่ มีหรือจะทนมองเจ้ากระอักเลือดแล้วยังจะให้เจ้าทำการรักษาให้ฝ่าบาทอีก?” โม่เหลิ่งเหยียนย้อนถาม
“ไม่คิดเลยจริงๆว่า คนที่เข้าใจข้ามากที่สุดคือเจ้า!”
“ข้าไม่เห็นอยากเข้าใจเจ้าสักนิด!”
หยุนถิงเห็นพวกเขากัดกันอีกแล้ว ก็หน่ายใจมาก หยิบบทละครออกมาปึกหนึ่งจากในกล่องข้างๆ “ในเมื่อพวกท่านว่างมาก ก็อ่านบทละครเสีย จะได้ทำเสริมพัฒนาการให้ลูกไปด้วยเลย!”
“เสริมพัฒนาการ?” โม่เหลิ่งเหยียนสงสัย
“เจ้าไม่รู้แล้วสิ ถิงเอ๋อร์บอกว่า เวลาลูกอยู่ในท้องแม่ต้องอ่านหนังสือให้เขาฟังมากๆ เล่าเรื่อง ดีดพิณ แบบนี้เด็กจะได้ฟังไปด้วย จะช่วยให้เขามีความสามารถมากมาย!” จวินหย่วนโยวบอกอย่างได้ใจ
โม่เหลิ่งเหยียนทำหน้าหน่ายใจ แต่ในเมื่อหยุนถิงพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ปฏิเสธ
ดังนั้นตลอดทางมา จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนพวกเขาอ่านกันคนละเล่ม คราวนี้หยุนถิงฟังรื่นหูขึ้นมาก ดีกว่าพวกเขากัดกันมากแล้วล่ะ
……………………….
พระราชวัง
ตำหนักของหลิ่วเฟย นางกำนัลข้างกายออกมารายงาน “เหนียงเหนียง ข้าน้อยได้ยินมาว่าคุณหนูซูและแม่ทัพหยุนหมั้นหมายกันแล้ว หยุนเฉิงเซี่ยงยังไปมอบสินสอดที่ตระกูลซูด้วยตัวเอง ตอนนี้เหลือแค่เลือกวันฤกษ์งามยามดีจัดพิธีแต่งงานเท่านั้นเอง!”
หลิ่วเฟยโกรธจนหน้าเผือดซีด ถ้วยชาในมือหล่นลงพื้นทันที น้ำชากระฉอกกระเด็น ถ้วยแตกละเอียดลงพื้น
“พวกเขาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร แม่ทัพหยุนมิชอบนางมิใช่รึ จะแต่งงานได้อย่างไรกัน เจ้าแน่ใจรึว่าหยุนเฉิงเซี่ยงไปด้วยตัวเอง?” หลิ่วเฟยสีหน้าตกตะลึงและประหลาดใจนัก
“เหนียงเหนียง เป็นเรื่องจริงเพคะ ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงรู้เรื่องตระกูลซูกับตระกูลหยุนจะดองกันแล้ว ว่ากันว่าแม่ทัพหยุนยังส่งคนไปจัดเตรียมห้องหอไว้แล้วด้วย!” สาวใช้ตอบอย่างนอบน้อม
หลิ่วเฟยโกรธจนหน้าดำทะมึน ตัวสั่นสะท้าน มือในแขนเสื้อกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้าในเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
นางคิดไม่ถึงจริงๆ หยุนไห่เทียนที่เป็นยอดคนจะมาชอบพอซูชิงโยว
คนที่เชี่ยวชาญกลยุทธ์ มีไหวพริบ ปราบทหารนับพัน กล้าหาญองอาจเช่นเขา ตอนนั้นตนชอบเขา แต่กลับโดนเขาปฏิเสธ
หลิ่วเฟยยังคิดว่า หยุนไห่เทียนมิสนใจเรื่องความรักชายหญิงเลย เพราะหลายปีมานี้เขาก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด และวันๆเอาแต่ขลุกอยู่ในค่ายทหาร ดังนั้นหลิ่วเฟยเลยตัดใจ เลือกเข้าวังมา
หลายปีมานี้นางก็คอยจับตาดูหยุนไห่เทียนมาตลอด ทุกครั้งที่เขาออกรบ ทุกครั้งที่รบชนะกลับมาหลิ่วเฟยรู้ดีที่สุด นางดีใจกับเขาจากใจจริง
นางยังเคยคิดว่า จะคอยสังเกตเรื่องของหยุนไห่เทียนไปอย่างนี้ตลอดชีวิตก็ดีอยู่นะ
แต่ทำไมเขาเลือกซูชิงโยวล่ะ คนเยี่ยมยอดเช่นเขาเหตุใดจึงเลือกสตรีธรรมดาเช่นนี้ อีกทั้งเมื่อก่อนนางยังเป็นหญิงอัปลักษณ์ ตนมีสิ่งใดสู้ซูชิงโยวไม่ได้กัน เหตุใดหยุนไห่เทียนถึงเลือกนาง
วินาทีนี้หลิ่วเฟยเคียดแค้น เดือดดาล ริษยายิ่งนัก
นางไม่มีทางยอมให้หยุนไห่เทียนแต่งงานกับซูชิงโยวเด็ดขาด นางไม่คู่ควรกับแม่ทัพหยุนเลยสักนิด
หลิ่วเฟยสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ให้ตนสงบจิตใจลง “ข้าจำได้ว่า อีกสองเดือนไทเฮาก็กลับมาแล้ว ตอนนี้เจ้าให้คนไปส่งจดหมายที่วัดฉืออัน บอกว่าฝ่าบาทโดนพิษสลบไสล อาการสาหัสอันตรายนัก!”
“เพคะ!” สาวใช้รีบไปจัดการทันที
สีหน้าหลิ่วเฟยดูทะมึนยิ่งนัก ขอเพียงไทเฮากลับมา นางก็มีหนทางยับยั้งไม่ให้ซูชิงโยวแต่งงานกับหยุนไห่เทียนได้
จากนั้นหลิ่วเฟยก็พาสาวใช้อีกคนหนึ่งไปห้องทรงพระเครื่องต้น ยกน้ำแกงโสมชามหนึ่งจากนั้นก็ไปห้องทรงพระอักษรของฝ่าบาท
ซูกงกงพอเห็นเป็นหลิ่วเฟย ก็ให้นางเข้าไปทันที
ฮ่องเต้สลบมาหลายวันแล้ว ฎีกาบนโต๊ะกองกันเป็นภูเขาเลากา ตอนนี้เลยกำลังนั่งอ่านฎีกา
“ถวายบังคมฝ่าบาท!”
“หลิ่วเฟยมาแล้ว ลุกขึ้นเถอะ! หลายวันนี้ที่ข้าไม่ได้สติ โชคดีที่วังหลังมีเจ้า ลำบากแล้วนะ!” ฮ่องเต้บอก
“สามารถแบ่งเบาภาระให้ฝ่าบาทได้ถือเป็นบุญของหม่อมฉัน ฝ่าบาทพึ่งฟื้น อย่าหักโหมให้มากไปเลย หม่อมฉันให้คนตุ๋นน้ำแกงมา ฝ่าบาทดื่มทั้งที่ยังร้อนเถอะ!” หลิ่วเฟยยกเข้ามา
“เจ้าเอาใจใส่ดีจริง!” ฮ่องเต้วางพู่กันลง รับชามน้ำแกงมาดื่ม
“ฝ่าบาท สืบหาตัวผู้ที่วางยาพิษท่านได้แล้วหรือไม่?” จู่ๆหลิ่วเฟยก็ถามขึ้น
ฮ่องเต้สีหน้าเย็นเยียบ “ยัง กล้าวางยาพิษข้า ไม่ว่าเป็นใคร ข้าจะไม่ละเว้นแน่! ต่อให้เฟิ่งไท่เว่ยและเฟิ่งหยวนตายแล้ว หากเป็นเฟิ่งจาวหยีวางยาพิษข้าจริง ข้าจะไม่ละเว้นเด็ดขาด!”
“ฝ่าบาทพูดถูกแล้ว เฟิ่งจาวหยีรับผิดชอบงานเลี้ยง องค์หญิงใหญ่มียาเจ็ดวิญญาณพอดีอีก และซื่อจื่อเฟยก็สามารถถอนยาพิษนี้ได้พอดีอีก ทั้งหมดนี้มันประจวบเหมาะเกินไปแล้ว!” หลิ่วเฟยทำทีพูดขึ้นอย่างมิคิดอะไร
สายตาฮ่องเต้ทะมึนลง หรี่ลงเล็กน้อย จริงด้วย ทั้งหมดนี้มันช่างประจวบเหมาะเกินไป
หมอหลวงคนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านนอก ถวายบังคมอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาท เฟิ่งจาวหยีตั้งครรภ์ กระหม่อมจับชีพจรให้นางวันนี้ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย!”
ฮ่องเต้ตะลึงอึ้ง มองมาอย่างสงสัย “เจ้าแน่ใจรึว่า เฟิ่งจาวหยีตั้งครรภ์จริงๆ?”
“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมแน่ใจ เฟิ่งจาวหยีมีครรภ์สองเดือนแล้ว วันนี้กระหม่อมตรวจสอบอาหารของนาง พบว่านางมีอาการคลื่นเหียนอาเจียนในตอนเช้า ถึงได้จับชีพจรให้นาง” หมอหลวงตอบ
“ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ!” ฮ่องเต้พูดเนิบช้า
“พ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงถอยออกไปอย่างนอบน้อม
หลิ่วเฟยเองก็ไม่คิดว่า เฟิ่งจาวหยีจะท้องขึ้นมา คิดๆวันดูแล้วต้องเป็นของฝ่าบาทแน่ สตรีผู้นี้ยังมิถึงคาดจริงๆ
“ฝ่าบาท ท่านจะจัดการกับเฟิ่งจาวหยีอย่างไรรึ?” หลิ่วเฟยถาม