จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 590 ตัดทางรอดของนางซะ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 590 ตัดทางรอดของนางซะ
ฮ่องเต้ประหลาดใจนัก “ฉินเฟย เจ้าพูดอะไรกับองค์หญิงห้าน่ะ เหตุใดจู่ๆนางก็รับปากเล่า?”
“กราบทูลฝ่าบาท หม่อมฉันเพียงพูดคำพูดระหว่างสตรีด้วยกันเท่านั้นเอง” ฉินเฟยไม่ได้พูดชัดว่าพูดว่าอะไร
ถึงฮ่องเต้จะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ ยังไงองค์หญิงห้ารับปากก็ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นการแต่งงานที่เกิดจากเรื่องอับอายนี้คงจัดการได้ยากแล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ องค์หญิงห้าเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน เตรียมตัวแต่งงานซะ ฉินเฟย เรื่องการแต่งงานขององค์หญิงห้าให้เจ้าจัดการ สินสมรสติดตัวเจ้าสาวและพิธีการต่างๆต้องกระทำอย่างเต็มที่!” ฮ่องเต้สั่งการ
“ฝ่าบาทวางใจเถิด หม่อมฉันต้องช่วยองค์หญิงห้าจัดการให้ครบครันแน่!” ฉินเฟยคารวะอย่างนอบน้อม
องค์หญิงห้ากับฉินเฟยถอยออกไป พอทั้งสองคนออกจากห้องทรงพระอักษรแล้วเดินไปด้วยกันได้ช่วงหนึ่ง องค์หญิงห้าเห็นรอบข้างไร้ผู้คน ก็มองฉินเฟยอย่างสงสัย “เหตุใดเจ้าต้องช่วยข้าด้วย?”
“องค์หญิงห้าโดนหยุนถิงเล่นงาน หากออกบวชจริงๆชีวิตนี้ก็ไม่มีทางได้แก้แค้นแล้ว เป็นสตรีเหมือนกัน ข้าเห็นใจท่านนะ
ถึงองค์หญิงเก้าจะมีเรื่องกับอ๋องเก้า แต่แต่งออกไปก็เป็นพระชายาเอกอ๋องเก้า มีอำนาจมีหน้ามีตายังกลัวไม่อาจแก้แค้นหยุนถิงรึ คำโบราณว่าไว้ สิบปีแก้แค้นไม่สาย!” ฉินเฟยตอบ
“ไม่ว่าเจ้าจะทำด้วยจุดมุ่งหมายอะไร สรุปแล้วอย่าได้คิดหลอกใช้ข้า!” องค์หญิงห้าทิ้งไว้หนึ่งคำ ก่อนสะบัดหน้าจากไป
ถึงนางจะไม่รู้ว่า เหตุใดฉินเฟยจึงเห็นใจตน แต่นางพูดถูก หากครึ่งชีวิตที่เหลือต้องสวดมนต์ไหว้พระไปตลอด เช่นนั้นนางก็ไม่มีโอกาสแก้แค้นแล้ว ดังนั้นองค์หญิงห้าจึงยอมรับสัญญาหมั้นหมายนี้ นางไม่เชื่อหรอกว่า ฝีมืออย่างนางจะควบคุมอ๋องเก้าไม่ได้
ระหว่างทางที่ฉินเฟยกลับไป ผ่านตำหนักของเฟิ่งจาวหยี และเห็นเฟิ่งจาวหยีนอนเอนกินขนมอยู่ในสวน ด้านข้างยังมีคนคอยพัดวี รับใช้ เรียกได้ว่าสบายอารมณ์นัก
พอเฟิ่งจาวหยีเงยหน้ามาก็เห็นฉินเฟยที่อยู่นอกสวน ก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเริดเชิดหยิ่ง “ฉินเฟย เจ้ามาทำลับๆล่อๆด้านนอกสวนของข้าทำไมกัน?”
“ข้าเพียงแค่ผ่านมา ได้ยินว่าเฟิ่งจาวหยีเข้าคุกหลวงไปแล้วยังออกมาได้ ช่างเก่งกาจเสียจริงนะ!” ฉินเฟยตอบ
เฟิ่งจาวหยีสีหน้าเย่อหยิ่ง ยื่นมือลูบหน้าท้องตน “แน่นอน บัดนี้ข้าตั้งครรภ์สายเลือดฝ่าบาท ต่อให้ทำความผิดใหญ่แค่ไหน ฝ่าบาทก็จะละเว้นข้าเพื่อเห็นแก่ลูก
แต่ฉินเฟยเล่า เข้าวังมาก่อนข้า รับใช้ฝ่าบาทมาหลายปีขนาดนี้ กลับมิมีวี่แววจะท้องเลยสักนิด ใครไม่รู้คงคิดว่าฉินเฟยน่ะเป็นหมันแล้วนะ!”
น้ำเสียงเย้ยหยัน เสียดสี ทำให้ฉินเฟยหน้าซีดเผือดไปหลายส่วน
นี่เป็นจุดด้อยเพียงหนึ่งเดียวของนางในชาตินี้ เข้าวังมาหลายปีกลับมิเคยมีครรภ์ หมอหลวงก็ดูหลายครั้ง กลับมักจะหาสาเหตุไม่เจอ ได้แต่ค่อยๆบำรุงไป
“เฟิ่งจาวหยีท่านกล้าว่าเหนียงเหนียงของเราเช่นนี้ได้อย่างไร?” สาวใช้ข้างๆย้อนกลับ
เฟิ่งจาวหยีถลึงตามองนางอย่างเดือดดาล ยกมือตบหน้าสาวใช้ฉาดใหญ่ “เจ้าเป็นตัวอะไร กล้ามาย้อนข้า!”
แก้มสาวใช้แดงเถือกบวมปูดทันที ปวดแสบยิ่งนัก แต่ไม่กล้าพูดอะไร
“เฟิ่งจาวหยีพอได้แล้ว นางเป็นคนของข้า ต่อให้จะสั่งสอนก็ควรเป็นข้าสั่งสอน ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า!” ฉินเฟยถลึงตาใส่อย่างเดือดดาล
“ฉินเฟย เจ้าพูดเช่นนี้ก็มิถูกนะ คนของเจ้ามิเคารพข้า ข้าต้องสั่งสอนอยู่แล้ว ตอนนี้ข้าตั้งครรภ์ หากเกิดเรื่องเพราะเจ้าหรือคนของเจ้าขึ้นมา ถึงเวลานั้นตำแหน่งฉินเฟยของเจ้าคงจะนั่งไม่ติดแล้วกระมัง” เฟิ่งจาวหยีบอกอย่างเชิดหยิ่ง
นางไม่ชอบจริงๆ ฉินเฟยแก่ง่ำแล้ว อีกทั้งไม่ได้รับการโปรดปรานจากฝ่าบาท แต่กลับได้อยู่ในตำแหน่งเฟย น่าตายนัก
ฉินเฟยโกรธจนตัวสั่นเทา มือใต้ชายเสื้อกำหมัดแน่น
เฟิ่งจาวหยีเห็นฉินเฟยโกรธจัด เคียดแค้น แต่ยังทนไม่กล้าทำอะไร ก็สาแก่ใจนัก
“ฉินเฟย เจ้าริษยาข้าอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ บัดนี้ข้าตั้งครรภ์หน่อเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท ก็คือสูงส่ง ดังนั้นเจ้าไม่ชอบก็ได้แต่ทนไว้!” เฟิ่งจาวหยีเย้ยหยันอย่างได้ใจ
ฉินเฟยสูดลมหายใจเข้าปอดลึก พลางเข้าใกล้เฟิ่งจาวหยี กระซิบเสียงต่ำว่า “ต่อให้เจ้าท้องลูกชายแล้วอย่างไร เฟิ่งไท่เว่ยและเฟิ่งหยวนตายไปแล้ว ตระกูลเฟิ่งไม่ต่างอะไรกับสิ้นแล้ว
ไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลเฟิ่ง ต่อให้ภายภาคหน้าเจ้าคลอดลูกชายก็ไม่มีคนบ้านเดิมสนับสนุน ฝ่าบาทมีลูกชายมากนัก ลูกชายของเจ้ามิมีทางได้ลืมตาอ้าปากแน่
ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอดลูกยังมีเวลาอีกเก้าเดือน เจ้าจะได้คลอดอย่างปลอดภัยหรือไม่ยังมิแน่ดอก เพราะเฟิ่งไท่เว่ยและเฟิ่งหยวนตายอย่างอนาถ ใครจะรู้ว่าเจ้าจะอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหน ดังนั้นเฟิ่งจาวหยีก็หาทางรอดเอาเองแล้วกัน!”
เฟิ่งจาวหยีโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด นางถลึงตามองฉินเฟยอย่างเย็นเยียบเดือดดาล ยกมือสะบัดไปทันที
ทั้งๆที่ฉินเฟยหลบได้ แต่นางกลับไม่หลบ รับตบไปหนึ่งฉาดเต็มๆ
“สารเลว หญิงอัปลักษณ์แก่ง่ำเช่นเจ้าคู่ควรมาข่มขู่ข้าด้วยรึ!” เฟิ่งจาวหยีตะคอกอย่างเดือดดาล
ฉินเฟยเพียงรู้สึกแสบร้อนที่แก้ม พริบตาเดียวบวมแดงขึ้นทันที นางมองเฟิ่งจาวหยีอย่างหวาดหวั่น จากนั้นเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ
คนรับใช้ที่ผ่านมานอกเรือนเห็นภาพนี้เข้าพอดี ล้วนพากันซุบซิบความเย่อหยิ่งจองหองของเฟิ่งจาวหยี และเห็นใจฉินเฟยด้วย
ฉินเฟยกลับมายังตำหนักตน สาวใช้ที่ก่อนหน้านี้รับผิดชอบออกไปสืบข่าวรีบพุ่งเข้ามาทันที “เหนียงเหนียง ข้าสืบมาแล้ว เฟิ่งจาวหยีมีครรภ์—“
“เอาเถอะ ข้ารู้แล้ว” ฉินเฟยบอกอย่างไม่สบอารมณ์
สาวใช้อีกคนรีบไปหยิบไข่ไก่มา “เหนียงเหนียง ข้านวดให้ท่านนะ เฟิ่งจาวหยีนี่ก็เหลือเกิน กล้าลงมือกับเหนียงเหนียง ช่างเหมิเกริมยิ่งนัก”
ฉินเฟยกลับทำหน้าไม่ยี่หระ “นางเหิมเกริมได้อีกไม่กี่วันแล้ว ตอนนี้เจ้าออกไปแพร่เรื่องที่เฟิ่งจาวหยีลบหลู่ทุบตีทำร้ายข้าเมื่อครู่ ทางที่ดีเอาให้เข้าหูฝ่าบาท”
“เพคะ!” สาวใช้รีบไปจัดการทันที
สายตาฉินเฟยฉายแววอำมหิต เฟิ่งจาวหยีแค่อาศัยเด็กคนนี้มาเหิมเกริมเช่นนี้ งั้นนางจะตัดทางรอดของเฟิ่งจาวหยี ดูสิว่าต่อไปยังจะบังอาจเช่นนี้หรือไม่
ส่วนองค์หญิงซินฉิงที่กลับไปสำนักหมอหลวงเพื่อหายา หามาทั้งคืนแล้ว และพลิกโกดังของสำนักหมอหลวงหาจนทั่วแล้ว สุดท้ายก็ยังหาดอกอูหลงไม่เจอ องค์หญิงซินฉิงรู้สึกผิดยิ่งนัก
“องค์หญิง ท่านไม่ได้หลับมาทั้งคืนแล้ว พักผ่อนเสียหน่อยดีหรือไม่?” สาวใช้พูดอย่างปวดใจ
“ไม่ได้ จวินซื่อจื่อยังรอยานี้ไปช่วยชีวิตอยู่นะ ข้าจะหาต่อสักหน่อย!” ซินฉิงร้อนใจนัก
“แต่ท่านหาครบทุกที่แล้วมิใช่รึ?”
“ไม่ ยังเหลืออีกที่ที่ยังไม่ได้หา” องค์หญิงซินฉิงเดินเข้าไปในห้องด้านใน
นั่นเป็นห้องเก็บตัวยาล้ำค่าจากทั่วทุกแคว้น มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่มีอำนาจตัดสินใจ ต่อให้เป็นหมอหลวงหลิวที่เป็นหัวหน้าของสำนักหมอหลวง หากต้องการตัวยา ยังต้องรายงานฝ่าบาทก่อน
“คุณหนู นี่เป็นเขตหวงห้ามของสำนักหมอหลวง หากให้ฝ่าบาทรู้ต้องลงโทษท่านแน่!” สาวใช้ตักเตือน
“ไม่มีเวลาสนใจอะไรมากแล้ว กลับไปข้าจะรายงานต่อเสด็จพี่เอง!” ซินฉิงรีบเดินเข้าไปหาทันที และก็พบมันจนได้ที่มุมๆหนึ่ง
องค์หญิงซินฉิงยินดียิ่งนัก นางรีบหยิบดอกอูหลงและพาสาวใช้มุ่งตรงไปที่จวนซื่อจื่อทันที
“ซื่อจื่อเฟย ข้าหาดอกอูหลงเจอแล้ว ท่านรีบเอาให้ซื่อจื่อใช้เร็ว เร็ว—“ องค์หญิงซินฉิงพูดพลางยื่นกล่องให้ จากนั้นก็หน้ามืดเป็นลมไปเลย