จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 597 การได้แต่งงานกับนางถือเป็นโชคดีอย่างที่สุดของข้าในชาตินี้
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 597 การได้แต่งงานกับนางถือเป็นโชคดีอย่างที่สุดของข้าในชาตินี้
เสวี่ยเชียนโฉวกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาให้คนไปพาตัวหยุนหลีมาจริงๆ แต่ยังไงเสียหยุนถิงก็เป็นผู้บุญคุณที่ช่วยชีวิตตน ตนกลับส่งคนไปลักพาตัวน้องสาวผู้มีพระคุณมา พูดออกไปก็ดูจะชั่วช้าสามานย์มากเกินไป
ดูท่าทางแล้ว หากตนยอมรับไป ด้วยฝีมือของหยุนถิงและจวินหย่วนโยว น่ากลัวว่าจะทำให้ทั่วทั้งอุทยานราบเป็นหน้ากลองแน่เลยทีเดียว
ถึงคนของเขาจะมีไม่น้อย แต่ส่วนมากกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในอุทยานก็มีเกือบร้อย คนพวกนั้นล้วนเป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเขามา เสวี่ยเชียนโฉวจะให้พวกเขามาตายที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด
“พี่หญิงใหญ่ ไม่ใช่ท่านอาให้คนไปลักพาตัวมานะ เขาช่วยข้าไว้ และยังให้ข้ากินดีอยู่ดี เมื่อครู่เหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นจะจัดการข้า ท่านอาปกป้องข้าไว้ ช่วยสั่งสอนพวกเขาแทนข้า” หยุนหลีแย่งพูดก่อน
หยุนถิงเลิกคิ้วมองนาง “จริงรึ?”
“ใช่สิพี่หญิงใหญ่ ท่านเข้าใจท่านอาผิดแล้วนะ หากไม่เชื่อ ท่านถามนางได้เลย นางน่ะยุยงผู้อาวุโสเหล่านั้นมาต่อกรกับข้านะ ท่านอาถึงลงโทษเนรเทศนาง!” หยุนหลีอธิบาย
ดวงตาดำขลับของจวินหย่วนโยวหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่คิดว่าเสวี่ยเชียนโฉวจะทำได้ถึงขั้นนี้จู่ๆเสวี่ยรั่วหย่าที่อยู่บนพื้นโดนเรียกชื้อ นางตกใจตัวสั่นเทา เห็นหลงซาอเดินเข้ามาหาตน ยิ่งตกใจหน้าซีดเผือดเข้าไปใหญ่
“นางมิได้โกหก ข้าอิจฉาที่พี่ใหญ่เข้าข้างคนนอกอย่างเขา ถึงจงใจโกหกว่านางเป็นคนวางเพลิงอุทยานตระกูลเสวี่ย พี่ใหญ่เลยสั่งเนรเทศข้า และยังยกเลิกตำแหน่งผู้อาวุโสของพวกผู้อาวุโสฉี ส่งเข้าคุก เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องจริง!”
หยุนถิงฟังแล้วถึงพอใจ สีหน้าเย็นชาก็คลายลงหลายส่วน
“พาตัวเข้ามา!”
องครักษ์ลับสิบกว่าคนคุมตัวคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา คือพวกผู้อาวุโสที่เมื่อครู่จะออกจากอุทยานตระกูลเสวี่ยเหล่านั้น
เดิมพวกเขาจะไปจากอุทยาน สุดท้ายยังไม่ทันถึงตีนเขาก็โดนคนลักพาตัวมา ตกใจแทบตาย
“เจ้าอุทยาน ขอร้องท่านช่วยพวกเราด้วย!” เหล่าผู้อาวุโสพากันอ้อนวอนขอร้อง
หยุนถิงหันมองหยุนหลี “เมื่อครู่พวกเขารังแกเจ้าใช่หรือไม่?”
หยุนหลีเหล่มองผู้อาวุโสเหล่านั้น “พี่หญิงใหญ่ เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน ผู้อาวุโสเหล่านี้แค่พูดตามผู้อาวุโสฉีเท่านั้น แต่พวกเขาสำนึกผิดแล้ว เลือกที่จะสนับสนุนท่านอา ไม่ลงโทษข้าแล้ว”
สายตาเย็นเยียบของหยุนถิงปรายมองผู้อาวุโสเหล่านั้น “แค่นกสองหัวกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง คนแบบนี้เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์ ฆ่าทิ้งเสียให้หมดดีกว่า!”
พอพูดจบ เหล่าผู้อาวุโสตกใจคุกเข่าลงกับพื้นดังพลั่ก “แม่นางโปรดไว้ชีวิตด้วย พวกเราสำนึกผิดแล้ว ต่อไปไม่กล้าอีกแล้ว—“
คิ้วเสวี่ยเชียนโฉวขมวดคิ้ว “คุณหนูหยุน เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน ขอท่านอย่าทำร้ายพวกเขาเลย”
“งั้นเจ้าบอกข้าสิว่า เข้าใจผิดอย่างไร เจ้าควรจะดีใจที่น้องสาวข้ามิเป็นไร มิเช่นนั้นข้าจะให้อุทยานตระกูลเสวี่ยของเจ้าตายทั้งหมด!”
น้ำเสียงเย็นเยียบ ทรงอำนาจโหดเหี้ยม เหี้ยมเกรียมนัก
ตอนนี้เสวี่ยเชียนโฉวก็โดนบรรยากาศแข็งกล้าของหยุนถิงสะท้านเอาเหมือนกัน นางมิใช่สตรีธรรมดาจริงๆด้วย
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น สายตาฉายแววเหี้ยมเกรียมขึ้น ควักมีดสั้นจากแขนเสื้อพุ่งเข้าแทงหยุนถิงทันที
หยุนถิงรับรู้ได้ถึงอันตรายที่เข้ามา สีหน้าเย็นชาลง ยังไม่ทันที่นางจะลงมือ จวินหย่วนโยวซัดฝ่ามือใส่ผู้อาวุโสคนนั้นก่อนเลย
“อ๊าก!” ผู้อาวุโสร้องโหยหวน ตัวลอยออกไปกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง ที่หล่นลงพื้นพร้อมเขายังมีแขนของเขาข้างหนึ่งด้วย
“ใครกล้าทำร้ายซื่อจื่อเฟย ข้าจะให้มันเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้เลย!” รังสีอำมหิตของจวินหย่วนโยวแพร่กระจาย ทำให้คนอดสั่นสะท้านไม่ได้
จวินหย่วนโยวไม่ให้โอกาสผู้อาวุโสคนนั้นพักหายใจเลย ซัดใส่ไปอีกสองฝ่ามือ
ทุกคนหันมองผู้อาวุโสคนนั้น เห็นเพียงแขนอีกข้างของเขาก็ถูกตัดเช่นกัน และยังขาขาดอีกข้างหนึ่ง เลือดสดหลั่งรินทั้งร่าง อยู่ไม่สู้ตาย
ทุกคนมองกันอย่างขนหัวลุก ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ เสวี่ยรั่วหย่าที่อยู่ที่พื้นกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ในตอนนี้นางดีใจนักที่เมื่อครู่ตนมิได้โกหก
ผู้อาวุโสคนนั้นสีหน้าซีดเผือด “สารเลว เจ้ากล้าตัดแขนและขาของข้า องครักษ์ลับยังไม่รีบมาจัดการสับไอ้สารเลวนี่เป็นหมื่นๆชิ้นอีก!”
คนชุดดำสิบกว่าคนที่ซ่อนอยู่ในที่ลับปรากฏตัวขึ้น พุ่งโจมตีใส่จวินหย่วนโยว
เพียงแต่พวกเขายังไม่ทันเหาะได้กี่เมตร เสียงปึ้งๆดังขึ้น ทุกคนไม่เห็นว่าจวินหย่วนโยวลงมือกับคนพวกนั้นอย่างไร องครักษ์ลับของผู้อาวุโสคนนั้นล้วนล้มลงกับพื้นกันหมด
มีหลายคนในนั้นล้มลงมาทางพวกเขา ทุกคนเห็นที่หน้าผากของคนพวกนั้นมีรูกันหมด กลางหว่างคิ้วเลยทีเดียว เลือดเนื้อไหลทะลัก น่าอนาถนัก
วินาทีนี้ ทุกคนถึงรู้ว่าคนกลุ่มนี้น่ากลัวเพียงใด ต่างพากันตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
เสวี่ยเชียนโฉวเองก็ตะลึงเช่นกัน เขาได้ยินมานานแล้วถึงความร้ายกาจขององครักษ์เงามังกร ไม่คิดว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงนี้ คนพวกนี้ยังไม่ทันขยับก็ฆ่าองครักษ์ลับสิบกว่าคนของผู้อาวุโสเจียงได้อย่างง่ายดาย
คนพวกนั้นล้วนเป็นคนที่ผู้อาวุโสเจียงคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน และฝึกฝนมาหลายปี ถึงฝีมือจะไม่ทัดเทียมตน แต่ก็ไม่แย่ขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าองครักษ์เงามังกรเก่งกาจเพียงใด
“พี่เขยซื่อจื่อ องครักษ์เงามังกรของท่านเก่งกาจเพียงนี้เลย?” หยุนหลีเองก็ตะลึงเช่นกัน
“พวกเขามิใช่องครักษ์เงามังกร แค่องครักษ์ลับธรรมดาเท่านั้น!” จวินหย่วนโยวตอบ
คำพูดเดียวทำเอาหยุนหลีอึ้งตะลึงไปเลย “นี่มิใช่องครักษ์เงามังกร องครักษ์ธรรมดาก็แข็งแกร่งเพียงนี้แล้ว งั้นองครักษ์เงามังกรไม่แข็งแกร่งยิ่งกว่ารึ?”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ!”
“พี่เขยซื่อจื่อ ท่านเองก็เก่งกาจยิ่งนัก พี่หญิงใหญ่ข้านี่ช่างตามีแววเสียจริง หาคนเลอเลิศเช่นท่านได้!” หยุนหลีชมเชย
“ไม่ใช่พี่เขยเจ้าโชคดีตามหาข้าเจอรึ?” หยุนถิงเบ้ปากถาม
หยุนหลียิ้มเก้อเขิน “พี่หญิงใหญ่พูดถูกต้องแล้ว พี่หญิงใหญ่ข้าหน้าตางดงาม ล่มชาติล่มเมือง สติปัญญาเฉลียวฉลาด รบร้อยชนะร้อย พี่เขยซื่อจื่อได้แต่งงานกับพี่หญิงใหญ่นี่ช่างถือเป็นบุญวาสนาของบรรพบุรุษทั้งตระกูลจริงๆ!”
พอคนอื่นได้ยินดังนั้น องครักษ์ลับและองครักษ์เงามังกรสีหน้าดำทะมึน คุณหนูหยุนสี่ผู้นี่พูดจาไม่คิดเลย
เสวี่ยเชียนโฉวเองก็มุมปากกระตุก นังหนูนี่ใสซื่อจริงๆ ถึงจวินหย่วนโยวจะเป็นพี่เขยนาง แต่พูดเช่นนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ
สุดท้ายระหว่างที่ทุกคนตกตะลึง จวินหย่วนโยวกลับบอกว่า “เจ้าพูดถูกต้องแล้ว การได้แต่งงานกับนางถือเป็นโชคดีอย่างที่สุดของข้าในชาตินี้!”
หยุนถิงพอใจนัก “การได้แต่งงานกับซื่อจื่อก็เป็นเรื่องที่ข้ามีความสุขที่สุดในชาตินี้!”
สถานการณ์ตึงเครียดฉากหนึ่ง สุดท้ายกลายเป็นการแสดงความรักของคนสองคน
“เจ้าอุทยานเสวี่ย ข้ามีความอดทนจำกัด มอบตัวฆาตกรออกมา เช่นนั้นผู้อาวุโสเหล่านี้ก็จะรอดชีวิตได้!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างรำคาญ
เขากลัวหยุนถิงจะเหนื่อย ตอนนี้นางมีครรภ์ ยืนมานานขนาดนี้แล้วทำจวินหย่วนโยวปวดใจนัก แต่เขารู้จักนิสัยหยุนถิงดี ไม่พาตัวหยุนหลีไป เพราะนางต้องไม่ยอมขึ้นรถม้าแน่
น้ำเสียงเย็นเยียบอย่างไม่ยอมให้บิดพลิ้ว
เสวี่ยเชียนโฉวถอนหายใจอย่างหน่ายใจ จวินหย่วนโยวสมเป็นจวินหย่วนโยวจริงๆ เขาเดาได้แล้วว่าเป็นตน
หากตนมิยอมรับ เช่นนั้นผู้อาวุโสเหล่านี้ต้องโดนฆ่าแน่ เจ้าอุทยานอย่างเขาก็จะสูญเสียใจคนในบังคับไป หากเขายอมรับ หยุนหลีจะมองตนอย่างไรเล่า
แต่เขาไม่อยากหลอกหยุนหลี ดังนั้นเสวี่ยเชียนโฉวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ พลางยิ้มมุมปาก
“ข้าให้คนไปลักพาตัวหยุนหลีมาเอง!”