จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 598 เหตุใดไทเฮาต้องเลือกซูชิงโยวด้วย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 598 เหตุใดไทเฮาต้องเลือกซูชิงโยวด้วย
หยุนหลีอึ้งตะลึงไปเลย หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเสียอีกที่สีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร
เสวี่ยเชียนโฉวเป็นเจ้าอุทยานแห่งอุทยานตระกูลเสวี่ย หยุนหลีมาปรากฏตัวที่นี่ บ่งบอกชัดว่าเป็นเขาลงมือ ไม่อย่างนั้นใครจะกล้าลักพาตัวหยุนหลีภายใต้หูตาของเจ้าอุทยานโดยที่เขาเห็นแล้วไม่ลงโทษกัน
“ท่านอา ท่านพูดจริงรึ ท่านลักพาตัวข้ามารึ?” หยุนหลีถามอย่างไม่อยากเชื่อหูหัวเอง
“ข้าจริงๆ”
“เพราะเหตุใดกัน?” หยุนหลีไม่เข้าใจ
เสวี่ยเชียนโฉวหน้าดำทะมึน “เพราะเหตุใดงั้นรึ เจ้าทำอะไรไว้ลืมแล้วรึ”
“ข้ารึ?”
“เจ้าขายข้าให้กับแม่เล้าหอนางโลมในราคาหนึ่งหมื่นตำลึง ข้าเป็นถึงเจ้าอุทยาน หากเรื่องนี้แพร่ออกไปข้าจะตากหน้าอยู่ในยุทธภพต่อไปได้อย่างไรกัน
ดังนั้นข้าเลยให้คนพาเจ้ามา ตอนแรกคิดจะสั่งสอนเจ้าจริงๆ สุดท้ายเจ้ากลับทำร้ายลูกน้องข้าที่เฝ้าเจ้าไว้ ทำพวกเขาสลบ จากนั้นวางเพลิงเผาห้องครัว และยังท้าทายเสวี่ยรั่วหย่า ฟาดแส้ใส่นางจนกลิ้งเกลือกบนพื้นไปมา—-
จากนั้นเหล่าผู้อาวุโสก็มาตั้งข้อคำถามกับข้าเพราะเรื่องอุทยานไฟไหม้ เจ้ายังปีนหลังคาดูเรื่องสนุก—-
ข้าเริ่มรู้สึกเสียใจที่จับตัวเจ้ามาแล้ว นี่มันข้าสั่งสอนเจ้าที่ไหนกัน เจ้าต่างหากที่ทำเอาอุทยานตระกูลเสวี่ยของข้าอยู่ไม่เป็นสุข ข้ายังต้องตามเก็บกวาดผลงานเจ้าอีก!” น้ำเสียงเสวี่ยเชียนโฉวฉายแววหน่ายใจ
หยุนหลียิ้มกระดาก “ข้าโกรธที่โดนลักพาตัวมานี่นา เลยอยากจะทำอะไรสักหน่อย สั่งสอนไอ้สารเลวนั่นนี่นา!”
พอหยุนถิงได้ยินวีรกรรมของหยุนหลีแล้ว ก็ไร้ซึ่งความเดือดดาลและการตั้งข้อคำถามก่อนหน้านี้เลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกผิดขึ้นมาเสียด้วย
ที่แท้เพราะหยุนหลีจับเสวี่ยเชียนโฉวไปขายหอนางโลม เขาถึงส่งคนไปลักพาตัวหยุนหลีมา แต่ก็มิได้ทำร้ายนาง ยังปล่อยให้นางบังอาจ ปล่อยให้นางก่อเรื่อง แถมยังช่วยเก็บกวาดเรื่องให้อีก มันทำให้หยุนถิงอดประหลาดใจไม่ได้
“ซื่อจื่อ ข้าเหนื่อยแล้ว เรื่องนี้ท่านจัดการแล้วกัน” หยุนถิงบอก
จวินหย่วนโยวสีหน้ามีแววสงสาร “ได้ เจ้าไปพักผ่อนก่อนนะ”
หลงเอ้อร์ตามเฝ้าอยู่ด้านหลัง ซูหลินพยุงซื่อจื่อเฟยขึ้นรถม้า
เสวี่ยรั่วหย่าเองก็ตะลึงเช่นกัน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพี่ใหญ่จะโดนคนผู้นี้ขายไป เขาไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังปกป้องเขา มันยิ่งทำให้เสวี่ยรั่วหย่าอิจฉามากขึ้น
ผู้อาวุโสคนอื่นยิ่งตกตะลึงไปตามๆกัน ในขณะเดียวกับซาบซึ้งยิ่งนัก ไม่คิดว่าเพื่อช่วยพวกเขาแล้ว เจ้าอุทยานจะยอมรับออกมาเอง
“ท่านอา ท่านติดค้างข้าอยู่หนึ่งหมื่นตำลึง ตอนนั้นข้ากลัวท่านเป็นไส้ศึกแกล้งบาดเจ็บเข้ามาในจวนตระกูลหยุน เลยขายท่านออกไปน่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ” หยุนหลีอธิบายอย่างกระดาก
จวินหย่วนโยวมองใบหน้าทะมึนดำของเสวี่ยเชียนโฉวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตอนนี้อดเห็นใจอีกฝ่ายขึ้นมาไม่ได้ “ในเมื่อเรื่องนี้หยุนหลีเป็นฝ่ายผิดก่อน และเจ้าก็มิได้ทำร้ายหยุนหลี ข้าจะไม่ติดใจเอาความ หากมีครั้งต่อไปข้าจะต้องทำลายล้างทั่วทั้งอุทยานของเจ้าแน่นอน!”
น้ำเสียงโหดเหี้ยม ทรงอำนาจ อันตรายอย่างมิต้องคิดสงสัยเลย
เสวี่ยเชียนโฉวมองสีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมของหยุนหลี เขากัดเขี้ยวเคี้ยวฟันบอก “จวินซื่อจื่อโปรดวางใจ รับรองว่าจะไม่มีครั้งต่อไปแน่นอน”
นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากอยู่เป็นสุขแล้ว
“หยุนหลี พวกเราไป!” จวินหย่วนโยวหมุนตัวเดินไปทันที
“ท่านอา ข้ากลับไปกับพี่เขยซื่อจื่อก่อนนะ ไว้ข้าว่างแล้วจะมาหาท่านใหม่!” หยุนหลีบอก
เสวี่ยเชียนโฉวมองตามหยุนหลีที่เดินตามจวินหย่วนโยวขึ้นรถม้าจากไป พลันรู้สึกอาลัยอาวรณ์อย่างประหลาด เขารีบสะบัดหัวทันที เขามีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
นังหนูนี่เป็นตัวชอบก่อเรื่อง ไปสิจวนเขาจะได้สงบเสียที
คนที่ล้อมอุทยานไว้พากันแยกย้าย เหล่าผู้อาวุโสรอดตายมาได้ พากันซาบซึ้งในบุญคุณของเสวี่ยเชียนโฉวยิ่งนัก ต่างพากันสาบานว่าต่อไปจะติดตามเจ้าอุทยาน
เสวี่ยรั่วหย่าเองก็ลอบถอนหายใจ หากรู้แต่แรกว่าคนผู้นี้มีอำนาจแข็งแกร่งเยี่ยงนี้อยู่เบื้องหลัง ตีให้ตายนางก็มิกล้าใส่ร้ายป้ายสีดอก
อีกด้านหนึ่ง บนรถม้า
“พี่หญิงใหญ่ ข้าขอโทษนะ ทำให้ท่านเป็นกังวลแล้ว” หยุนหลีบอกอย่างขออภัย
“เจ้าทำให้พี่หญิงใหญ่เป็นห่วงจริงๆ นางหิ้วท้องโตมาเพื่อมาช่วยเจ้า กลัวเจ้าจะเกิดเรื่องขึ้น” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
หยุนหลีผู้นี้นี่ช่างก่อเรื่องเสียจริง ทำถิงเอ๋อร์ของเขาเหนื่อยไปด้วย
“ซื่อจื่อ ท่านอย่าพูดเยี่ยงนี้เลย หยุนหลีปลอดภัยก็ดีแล้ว” หยุนถิงปราม
“ได้ ถิงเอ๋อร์ว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น”
หยุนหลีซาบซึ้งนัก “พี่หญิงใหญ่ขอบคุณท่านมาก ต่อไปข้าจะระวังแน่นอน”
“อืม”
รถม้าแล่นกลับไปยังจวนซื่อจื่อ
หยุนซูที่รออยู่ที่จวนซื่อจื่อพอเห็นพี่หญิงใหญ่พาหยุนหลีกลับมาจริงๆ ก็ดีใจจนน้ำตาไหลพราก “เจ้าเด็กบ้าเจ้าหายไปไหนมาน่ะ ทำข้าเป็นห่วงแทบตายแล้วรู้ไหม?”
“พี่หญิงสาม ข้าขอโทษ ข้าประมาทเอง” หยุนหลีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่อุทยานตระกูลเสวี่ยออกมา
ทำเอาหยุนซูตกใจ รีบจับหยุนหลีมาตรวจดูหลายรอบ พอแน่ใจว่านางมิได้บาดเจ็บก็วางใจ
หยุนถิงให้พวกนางสองคนกินข้าวที่จวนซื่อจื่อก่อน แล้วถึงให้คนส่งพวกนางกลับไป
รั่วจิ่งเห็นพวกเขาไปแล้ว รีบพุ่งเข้ามาทันที “ซื่อจื่อเฟย วันนี้ไทเฮากลับมาแล้ว พอได้ยินว่าฮ่องเต้โดนพิษสลบไสล เลยรีบเร่งกลับมาก่อน
แต่น่าแปลกมาก ไทเฮามีพระราชเสาวนีย์เรียกซูชิงโยวเข้าวังไปสวดมนต์ไหว้พระเป็นเพื่อนนาง พูดเสียสวยหรูว่า ขอพรให้ฝ่าบาท ในวังมีองค์หญิงมากมายไม่ใช้ กลับมาเลือกคนนอกอย่างนาง เรื่องนี้ดูผิดสังเกตชอบกล”
หยุนถิงสีหน้าตึงเครียดขึ้นมา “ฝ่าบาทต้องรู้เรื่องการแต่งงานของชิงโยวกับพี่ใหญ่แน่ ดูท่าคงไม่ทำอะไรชิงโยว เพียงแต่เหตุใดไทเฮาเลือกซูชิงโยวล่ะ?”
“เรียนซื่อจื่อเฟย สายของเราในวังรายงานว่า หลิ่วเฟยเสนอกับไทเฮา!” รั่วจิ่งตอบ
“หลิ่วเฟย?”
หยุนถิงพลันนึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนหน้านี้หลิ่วเฟยเคยบอกกับตนว่า สมัยสาวๆรักพี่ใหญ่ และตนยังเคยช่วยนางไปเจอพี่ใหญ่ที่ค่ายทหาร แต่หลิ่วเฟยตัดใจนานแล้ว บอกว่าหวังว่าพี่ใหญ่จะปลอดภัยมีความสุขเท่านั้น
เวลาผ่านไปหลายปีขนาดนี้ หลิ่วเฟยก็เข้าวังเป็นพระสนมแล้ว ระหว่างนางกับพี่ใหญ่ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
“ถิงเอ๋อร์ คิดไม่ตกก็ไม่ต้องไปคิด ข้าให้คนไปจับตาดูในวังไว้แล้ว หากหลิ่วเฟยคิดจะลงมือกับซูชิงโยวจริงๆ คนของข้าไม่มีทางปล่อยนางทำสำเร็จแน่!” จวินหย่วนโยวเดินเข้ามาบอก
“อืม ตอนนี้คงทำได้เท่านี้แล้วล่ะ”
“พักผ่อนเร็วหน่อย เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ร่างกายจะรับไม่ไหวเอานะ” จวินหย่วนโยวจูงมือนางเดินไปที่เตียงนอน
เพราะหยุนถิงตั้งครรภ์ รถม้าจึงเดินทางช้ามาก เพราะกลัวลุ่มๆดอนๆ ระยะทางที่เดิมใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วยาม เลยใช้เวลาไปถึงสองชั่วยามกว่าๆ
หยุนถิงเหนื่อยแล้วจริงๆ นางเดินไปที่เตียง ให้ซื่อจื่อช่วยถอดเสื้อคลุมและเอนตัวลงนอน แต่ครั้งนี้ทำอย่างไรนางก็นอนไม่หลับ ไม่รู้เพราะอะไรในใจมีลางสังหรณ์มิค่อยดี บอกไม่ถูกว่าคืออะไร
เช้าวันต่อมา ซูชิงโยวอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเช้าเสร็จก็เข้าวังเลย
เมื่อคืนไทเฮามีพระราชเสาวนีย์ ซูชิงโยวประหลาดใจมาก แต่อยู่ไปวันหนึ่งพบว่าแค่อยู่เป็นเพื่อนไทเฮาสวดมนต์ไหว้พระ เลยไม่ได้กังวลใจเท่าไหร่แล้ว
นางมาถึงศาลบรรพชน พบว่าไทเฮายังไม่มา ซูชิงโยวนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง
มามาคนหนึ่งเดินเข้ามา คารวะให้ซูชิงโยว จากนั้นก็ทำความสะอาดไปเล็กน้อย เปลี่ยนธูปในศาลบรรพชนใหม่ จากนั้นถึงออกไป
ซูชิงโยวได้กลิ่นธูปนั่นไม่เหมือนกับเมื่อวาน กลิ่นหอมอ่อนมาก แทบไม่มีกลิ่นเลย นางไม่ได้คิดอะไรมาก สวดมนต์ต่อไป