จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 600 ถิงเอ๋อร์ของข้าดีที่สุด
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 600 ถิงเอ๋อร์ของข้าดีที่สุด
“หากยังไม่สำเร็จอีก ข้าจะกินมันเองแล้ว!” จวินหย่วนโยวบอกอย่างเอาแต่ใจ
ซื่อจื่ออย่างเขากลับทำน้ำตาลปั้นออกมาดีไม่ได้เลย แถมยังอยู่ต่อหน้าถิงเอ๋อร์เสียอีก น่าขายหน้าจริง
หยุนถิงยิ้มอย่างหน่ายใจ ท่านพี่ทำทุกอย่างได้เสมอ หายากนักที่เขาจะมีเรื่องที่ทำไม่ได้
เธอเดินเข้ามา ยื่นมือไปกุมมือจวินหย่วนโยวที่ถือทัพพีไว้ “ท่านพี่ พวกเราทำด้วยกันนะ!”
“ได้!”
ดังนั้นทั้งสองคนทำด้วยกัน เข้าขากันดีมาก การกระทำคล่องแคล่ว ทำจบในคราวเดียว
ครั้งนี้ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว
จวินหย่วนโยวพอใจมาก “ถิงเอ๋อร์ ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว อันนี้เหมือนเจ้าที่สุดแล้ว!”
“ใช่ ท่านพี่ของข้าเฉลียวฉลาดมีพรสวรรค์ ทำไม่กี่อันก็สำเร็จแล้ว เก่งมากแล้ว ไม่แน่ว่าพี่ใหญ่เรียนมานานมากเท่าไหร่นะ ไว้ข้าจะถามเขา” หยุนถิงรีบเยินยอจวินหย่วนโยวทันที
“โชคดีที่มีเจ้าคอยช่วย” จวินหย่วนโยวยกน้ำตาลปั้นขึ้นมา
พอเห็นน้ำหวานนั่นวาดเป็นหน้าตาตนเอง หยุนถิงตื้นตันและซาบซึ้งนัก “ท่านพี่ทำไมต้องเกรงใจขนาดนี้ ท่านกับข้าเป็นครอบครัวเดียวกันนะ!”
“ที่ว่ากันว่าสามีภรรยาร่วมแรงร่วมใจ มั่นคงหนักแน่นจนตัดทองได้เลย เหตุผลนี้แหละ” พ่อบ้านเอ่ยขึ้น
หยุนถิงหันมองจวินหย่วนโยว “ขอเพียงเป็นสิ่งที่ท่านพี่ทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไรข้าก็ชอบทั้งนั้น”
“ถิงเอ๋อร์ของข้าดีที่สุดแล้วจริงๆ” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรักใคร่
คนอื่นโดนความหวานกระแทกใจใส่ไปอีกแล้ว ต่างพากันถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว
ในสวนที่กว้างใหญ่ เหลือเพียงหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว
“ท่านพี่ อันที่จริงท่านไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอก” หยุนถิงบอก
“ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะดีใจ วันๆได้แต่อยู่ในจวน ข้ากลัวเจ้าเบื่อ” จวินหย่วนโยวบอกอย่างปวดใจ
“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร มีท่านพี่อยู่เป็นเพื่อนข้า พยายามเปลี่ยนวิธีต่างๆนานามาทำให้ข้าดีใจ ข้าตื้นตันใจนัก ไม่น่าเบื่อเลยสักนิด” หยุนถิงมองจวินหย่วนโยวตรงๆ
สองสายตาประสานตา สายตาอ่อนโยนรักใคร่ พวกเขาต่างเห็นตนเองในสายตาอีกฝ่าย
“ซื่อจื่อ พวกเรากินมันด้วยกันเถอะ!” หยุนถิงบอก พลางกัดกินน้ำตาลปั้น
“ได้!”
ถึงจวินหย่วนโยวไม่ได้ชอบกินของหวาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำน้ำตาลปั้นให้หยุนถิงด้วยตัวเอง มองดูหยุนถิงกินอย่างพอใจ จวินหย่วนโยวเองก็ยื่นหน้าเข้ามากัดกินไปหนึ่งคำ
“ท่านพี่ รสชาติเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
“หวาน!” จวินหย่วนโยวสายตาทุ้มลึก
“เช่นนั้นก็กินมากหน่อย!” หยุนถิงยกน้ำตาลปั้นขึ้น ทั้งสองคนต่างแบ่งกันกัดคนละคำ
น้ำตาลปั้นหวานอร่อยหวานจากปากไปถึงใจ
ต่อมาหยุนถิงพักผ่อนอยู่ในจวนไป หยุนซูกับหยุนหลีจะแวะมาเยี่ยมเธอทุกสามถึงห้าวัน ฉินจิ้งอี๋ก็มาสองวัน วันเวลาถือว่าสบายอารมณ์
พริบตาเดียวสิบกว่าวันผ่านไป วันนี้หยุนถิงกำลังอาบแดดอยู่ในสวน ก็เห็นฟู่อี้เฉินพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
“จวินหย่วนโยว หยุนถิง ช่วยด้วย!”
หยุนถิงมองค้อนเขา “เจ้าเป็นนักเลงใหญ่ของเมืองหลวง จองหองนัก ฝ่าบาทยังไม่กลัว เจ้าจะกลัวใครได้รึ?”
ฟู่อี้เฉินเห็นนางไม่เชื่อ ก็ร้อนใจทันที “หยุนถิง ถึงข้าจะเก่งกาจมาก แต่ก็มีเวลาที่ดวงตกนะ สรุปแล้วระยะนี้ข้าขอมาอยู่ในจวนเจ้าแล้วกัน ไล่ยังไงข้าก็ไม่ไปหรอก”
หยุนถิงตกใจมาก “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นรึ?”
“องค์หญิงหนานชวนมารับราชการที่เมืองหลวง นางชอบพอฟู่อี้เฉินเข้าแล้ว หมอนี่กำลังหลบหน้านาง” จวินหย่วนโยวตอบ
ฟู่อี้เฉินสีหน้าเซ็ง “อีกสามวันให้หลังองค์หญิงหนานชวนจะเข้าเมืองหลวงมาแล้ว ข้าไม่อยากต้องเสวนากับแม่เสือตัวนั้น”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง ฟู่ซื่อจื่อเจ้าน่าจะดีใจนะ อย่างเจ้ายังมีคนมาชอบพอ พอใจเถอะ!” หยุนถิงเบ้ปาก
“ไอ้หยา หยุนถิงเจ้านี่ พูดราวกับข้าแย่มากเลยนะ ข้าน่ะเป็นคนสนิทหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท—-อ้าวเหตุใดท้องเจ้าโตเพียงนี้เล่า จะคลอดแล้วรึ?” ฟู่อี้เฉินจ้องมองท้องของหยุนถิง
“อีกสองเดือนกว่าน่ะ”
“งั้นเจ้าต้องพักผ่อนให้ดีนะ” ฟู่อี้เฉินบอก
“จวนของข้าไม่เลี้ยงคนว่างงาน!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
ฟู่อี้เฉินสีหน้าบูดบึ้งยิ่งนัก ควักตั๋วเงินออกมาจากในอกเสื้อ “ใจดำจริง ข้าจะตกกองไฟอยู่แล้ว เจ้ายังมาซ้ำเติมข้าอีก ใจดำ!”
“เจ้าอยู่ที่นี่จะรบกวนการพักผ่อนของถิงเอ๋อร์ นี่เป็นสิ่งที่ตั๋วเงินหลายหมื่นตำลึงแลกมาได้รึ เจ้าสามารถเลือกจากไปได้!” จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง
ฟู่อี้เฉินอดกลั้น “จัดห้องให้ข้าห้องหนึ่ง ข้าไม่ออกมาก็ได้แล้วกระมัง”
“รั่วจิ่ง!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
รั่วจิ่งรีบพาฟู่อี้เฉินไปพักผ่อนทันที แน่นอนว่าเป็นที่ที่ห่างจากเรือนของหยุนถิงที่สุด โชคดีที่ห้องสะอาดเรียบร้อย ฟู่อี้เฉินทำใจรับมัน
สามวันต่อมา องค์หญิงหนานชวนพากองทหารเข้าเมืองหลวง คนที่ตามมาด้วยยังมีจ้าวอ๋องและลูกชายหญิงของเขา
ตีฆ้องร้องป่าว จุดประทัดเสียงดัง ดูองอาจนัก
“นั่นก็คือองค์หญิงหนานชวน องอาจจริงด้วย สตรีผู้นั้นคือจ้าวจวิ้นจู่กระมัง งดงามนัก!” ท่ามกลางผู้คน มีชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น
“ข่าวลือว่าจ้าวจวิ้นจู่ร้ำเรียนหนังสือตั้งแต่สามขวบ เรียนวรยุทธ์ตั้งแต่ห้าขวบ ถือเป็นอัจริยะนะ”
“หน้าตางามล่มชาติล่มเมือง แถมยังมีพรสวรรค์ขนาดนี้ นี่จะมิให้ผู้อื่นอยู่รอดเลยรึ!”
พอได้ยินคำชมเชยของชาวบ้านที่มีต่อตน จ้าวจิ่นพอใจมาก ยิ้มมุมปากอย่างเย่อหยิ่ง เชิดคอมากขึ้น
ท่ามกลางฝูงชน มีคนผู้หนึ่งเงยหน้าขึ้นมองจ้าวอ๋องและจ้าวจวิ้นจู่ที่อยู่บนม้าใหญ่ สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอาฆาต มือในแขนเสื้อของจ้าวเม่ยเอ๋อร์กำแน่น
นางไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอสองพ่อลูกคู่นี้อีก ตอนนั้นนางยังเล็กนัก ได้แต่มองดูท่านแม่โดนฆ่า มองดูตนโดนโยนทิ้งหลุมศพอนาถา บัดนี้นางสามารถเอาคืนได้แล้ว จะต้องล้างแค้นเลือดในตอนนั้นเป็นร้อยเท่าพันเท่าแน่
จ้าวอ๋องที่อยู่บนม้าเหมือนรับรู้อะไรได้ หันมามองท่ามกลางฝูงชน แต่กลับพบเพียงชาวบ้านธรรมดา จึงดึงสายตากลับ
หรือว่าเขาคิดไปเอง?
องค์หญิงหนานชวนนำคนทั้งหมดมุ่งตรงไปพระราชวัง รายงานสถานการณ์ในหลายปีนี้ต่อฝ่าบาท จวบจนเลยเที่ยงถึงได้ไปพักผ่อนที่ที่พักเปลี่ยนม้าหลวง
ฮ่องเต้ประกาศออกมาทันทีว่า คืนนี้จะจัดงานเลี้ยงรับรองพวกเขา หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็อยู่ในเทียบเชิญด้วย แต่หยุนถิงปฏิเสธไป
ไม่รู้จักสักหน่อย เธอขี้เกียจไปปั้นหน้าในงาน
ฮ่องเต้ได้ยินว่าหยุนถิงไม่สบาย ก็พระราชทานยาบำรุงล้ำค่ามาให้โดยเฉพาะ
งานเลี้ยงกลางคืน ฮ่องเต้จัดงานเลี้ยงรับรองพวกเขาด้วยตัวเอง และยังมีขุนนางสำคัญในราชสำนักอีกหลายคนร่วมด้วย ครึกครื้นยิ่งนัก องค์หญิงหนานชวนไม่เห็นฟู่อี้เฉิน ก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
เวลายังมีอีกมาก
พองานเลี้ยงจบ จ้าวอ๋องคืนนี้ดีใจนัก ดื่มไปไม่น้อย เขาโดนจ้าวจิ่นและจ้าวเฉินเยวียนพยุงขึ้นรถม้า พากันกลับไปที่ที่พักเปลี่ยนม้า
จ้าวอ๋องมึนหัวเล็กน้อย พอเข้าห้องก็ล้มนอนบนเตียงทันที มีสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาทางประตู ยกน้ำร้อนมาถังหนึ่ง ทหารยามหน้าประตูคิดว่ามารับใช้ เลยมิได้ขัดขวางอะไร
จ้าวเม่ยเอ๋อร์เดินเข้าไป มองดูจ้าวอ๋องที่นอนอยู่บนเตียง หัวใจนางเต้นตุ้มๆต่อมๆรัวเร็ว นางมิเคยตื่นเต้นและเคียดแค้นเช่นนี้มาก่อน
จ้าวเม่ยเอ๋อร์วางถังน้ำลง จุ่มผ้าซับน้ำ แสร้งยื่นผ้าไปให้ ทันใดนั้นก็หยิบมีดสั้นที่ซ่อนในแขนเสื้อออกมา และแทงลงไปที่จ้าวอ๋องบนเตียงอย่างรวดเร็ว!