จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 609 ข้าสามารถรับเจ้าเป็นราชบุตรเขยได้
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 609 ข้าสามารถรับเจ้าเป็นราชบุตรเขยได้
จวินหย่วนโยวส่ายหัวน้อยๆ “ไม่ใช่ข้า!”
หยุนถิงสีหน้าประหลาดใจ “หรือว่ามีคนไม่ชอบหน้าหลิ่วเฟย เลยสบโอกาสซ้ำเติม?”
สายตาดำขลับคมปลาบของจวินหย่วนโยวหรี่ลงเล็กน้อย “ตระกูลหลิ่วอาศัยไทเฮาเหิมเกริมจองหอง ทรุจริตติดสินบน กำจัดศัตรูมาในหลายปีนี้ มีศัตรูไม่น้อย เพียงแต่มีไทเฮาและหลิ่วเฟยอยู่ คนอื่นเลยไม่กล้าลงมือกับตระกูลหลิ่ว บัดนี้หลิ่วเฟยเกิดเรื่อง คนอื่นก็ยิ่งโหมกระพรือไฟมากขึ้น!”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!” หยุนถิงถึงบางอ้อ
ที่เขาว่าไว้ พอคนเราหมดอำนาจวาสนา คนอื่นก็พร้อมจะเหยียบย่ำซ้ำเติม เป็นอย่างนี้นี่เอง
“รีบพักผ่อนเถอะ อย่าคิดมาก ตระกูลหลิ่วน่ะหาเรื่องเอง โทษคนอื่นไม่ได้!” จวินหย่วนโยวปลอบ
“อืม!” หยุนถิงพยักหน้าเบาๆ
ดึกดื่นค่อนคืน หยุนถิงหลับไม่สนิทเลย ระหว่างสะลึมสะลือก็ฝันเห็นเด็กผู้ชายหนึ่งคนและเด็กผู้หญิงหนึ่งคนยืนอยู่ริมหน้าผายิ้มให้ตน
รอยยิ้มใสกระจ่างขนาดนั้น บริสุทธิ์ขนาดนั้น ปากยังร้องเรียกท่านแม่ ท่านแม่ แต่กลับหมุนตัวจะกระโดดลงหน้าผาไป
“ไม่ กลับมา อย่าโดด อันตราย—-“ หยุนถิงร้องเสียงดัง
แต่เด็กสองคนนั้นไม่ฟังเธอเลยสักนิด กระโดดลงหน้าผาไปเลย
หยุนถิงสะดุ้งตื่นทันที เหงื่อโทรมกาย
“ถิงเอ๋อร์ ตื่นเถอะ ข้าเอง ฝันร้ายรึ?” จวินหย่วนโยวถามอย่างเป็นห่วง มือข้างหนึ่งกุมมือหยุนถิงไว้แน่น อีกมือหยิบผ้ามาซับเหงื่อที่ขมับของหยุนถิง
เมื่อครู่จวินหย่วนโยวได้ยินหยุนถิงเพ้อก็เป็นห่วงมาก รีบกุมมือนางไว้แน่น
หยุนถิงหันมองจวินหย่วนโยว ถึงได้สบายใจขึ้น “เมื่อครู่ข้าฝันร้าย ฝันเห็นเด็กสองคนยิ้มให้ข้าแต่กลับกระโดดลงหน้าผาไป!”
จวินหย่วนโยวยื่นมือมาดึงนางเข้าอ้อมกอด “อย่ากลัว มีข้าอยู่ ปกติฝันมักจะตรงข้ามกับความจริง ลูกบ้านไหนจะไปเล่นที่ริมหน้าผากัน ล้วนเป็นความฝัน เจ้าน่ะเหน็ดเหนื่อยในตอนกลางวันมากไป คิดมากไปน่ะ”
หยุนถิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก “บางทีอาจเพราะข้าเหนื่อยเกินไป”
“พิงข้าหลับเถอะ ตอนนี้เจ้าอ่อนแอ ต้องพักผ่อนมากๆ ท่านลั่วบอกว่ารอเจ้าคลอดแล้ว เขากับตาเฒ่าเหอจะมาช่วยทำคลอดให้เจ้า!” จวินหย่วนโยวปลอบ
“พวกเขาทำคลอดให้ข้า?” หยุนถิงขมวดคิ้ว
“ใช่ไง พวกเขาเป็นห่วงเจ้า ถึงเวลานั้นจะมีหมอตำแย พวกเขาจะรอด้านนอก มีพวกเขาอยู่ข้าก็วางใจได้หน่อย”
“ได้!”
หยุนถิงพิงในอ้อมกอดจวินหย่วนโยว รับรู้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยของเขา ฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะของเขา ไม่นานก็หลับไป
จวินหย่วนโยวฟังเสียงลมหายใจแผ่วเบาของนาง ถึงได้วางใจหน่อย เพียงแต่พอคิดถึงหน้าผาที่หยุนถิงพูดถึงเมื่อครู่ จวินหย่วนโยวมีสีหน้าตึงเครียดทันที
ปกติถิงเอ๋อร์ไม่ค่อยฝัน และยิ่งไม่เคยฝันร้าย หรือว่านี่จะเกี่ยวข้องกับเคราะห์กรรมที่คงอู๋ไต้ซือพูดถึง?
เช้าวันต่อมา หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกำลังกินข้าวเช้า องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามารายงาน “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย องค์หญิงหกและองค์ชายสามแห่งแคว้นเป่ยลี่ขอเข้าพบ!”
“พวกเขามาทำไมกัน?” หยุนถิงสีหน้าสงสัย
“หากเจ้ามิอยากพบ ไล่พวกเขาไปก็ได้แล้ว!” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรักใคร่
“มิต้องดอก เขามาเป็นแขก ไปดูก่อนว่าพวกเขามาทำอะไรค่อยว่ากัน!” หยุนถิงบอก
“ได้!”
ไม่นาน เป่ยเย่เหอกับเป่ยจิงจิงเดินเข้ามา ในมือพวกเขาถือข้าวของมาด้วย
“คารวะจวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย คราก่อนทำสิ่งใดให้ท่านขุ่นเคืองใจไป ข้าพาน้องหญิงหกมาขออภัยซื่อจื่อเฟยด้วยตัวเองแล้ว!” เป่ยเย่เหอพูดเปิดประเด็น
เป่ยจิงจิงคารวะตาม “ซื่อจื่อเฟย ขออภัยด้วย ข้าทะเล่อทะล่าเอง หากมีสิ่งใดทำท่านไม่พอใจ หวังท่านเป็นผู้ใหญ่จะไม่ถือสาเด็ก อย่าเก็บไปใส่ใจเลย!”
สีหน้าจวินหย่วนโยวเย็นเยียบดุจน้ำค้างแข็ง ดวงตาดำขลับดุจราตรีปรายตามองเป่ยจิงจิงอย่างเชือดเฉือน “เจ้าทำให้ซื่อจื่อเฟยไม่พอใจ?”
น้ำเสียงเย็นเยียบเหี้ยมเกรียม ทำเอาคนฟังขนหัวลุก
เป่ยจิงจิงสะท้านเยือกทันที นี่คือจวินซื่อจื่อในตำนานที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่ายมบาล นี่เป็นครั้งแรกที่นางตกใจจนสีหน้าเริ่มซีดเผือด
“ท่านพี่ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนั้นข้าสั่งสอนพวกเขาแล้ว ดังนั้นเลยมิได้บอกท่าน” หยุนถิงบอก
กลับมาครั้งก่อน หยุนถิงกำชับหลงเอ้อร์เป็นพิเศษว่าห้ามบอกซื่อจื่อเด็ดขาด ตนได้ล้างแค้นไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ซื่อจื่อเป็นห่วงอีก
“เรื่องของเจ้าต่อให้เล็กแค่ไหนก็เป็นเรื่องใหญ่” จวินหย่วนโยวแก้คำ
หยุนถิงตื้นตันใจนัก พยักหน้าบอก “คำนี้ของท่านพี่ข้าชอบฟังนัก”
เป่ยจิงจิงที่อยู่ข้างๆจากตกใจแทบตาย ตอนนี้อิจฉายิ่งนัก “จวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยรักใคร่กันดีนัก น่าอิจฉาเสียจริง”
ระหว่างพูดคำนี้ เป่ยจิงจิงเหล่มองหลงเอ้อร์ที่อยู่ข้างๆในบัดดล
เขาอยู่ในชุดสีดำ ใบหน้าคมเข้มเย็นชา ที่เอวมีกระบี่ยาว ยืนตัวตรง สีหน้าเย็นชา ไม่มองเป่ยจิงจิงเลยสักนิด
“ขอโทษเสร็จแล้วยังไม่ไปอีก?” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
เป่ยเย่เหอสะท้านเยือก จวินซื่อจื่อผู้นี้ใจดำจริงๆ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดคำนี้ออกมาหรอก
“วันนี้มารบกวนแล้ว พรุ่งนี้ข้ากับจิงจิงจะกลับแคว้นเป่ยลี่แล้ว มิทราบว่าจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยมีความใดจะฝากข้าไปบอกท่านพี่ไท่จื่อหรือไม่?” เป่ยเย่เหอถาม
“เยว่เอ๋อร์ไปหยิบไหซอสเนื้อของข้ามา เจ้านำกลับไปให้เป่ยหมิงฉี่ละกัน” หยุนถิงบอก
“เจ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์รีบไปจัดการทันที ไม่นานในมือก็ถือไหดำอันหนึ่งมายื่นให้เป่ยเย่เหอ
“ซื่อจื่อเฟยโปรดวางใจ ข้าจะต้องมอบให้ท่านพี่ไท่จื่อกับมือแน่นอน”
เป่ยจิงจิงกลับเดินไปหาหลงเอ้อร์ ตื่นเต้นยิ่งนัก สีหน้าแดงระเรื่อ นางทำใจกล้าพูดขึ้น “พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปกับพี่ชายสามแล้ว เจ้ามีอะไรอยากจะบอกข้าหรือไม่”
หลงเอ้อร์มุมปากกระตุก เขารู้สึกว่าเป่ยจิงจิงโง่หรือเปล่า เขามองดูใบหน้าแดงระเรื่อราวก้นเด็กของนางด้วยสายตารังเกียจ
“เชิญท่านกลับเถอะ!”
เป่ยจิงจิงชะงักกึก ขมวดคิ้วอย่างโกรธขึ้ง “แค่นี้รึ?”
“ไม่เช่นนั้นเล่า?” หลงเอ้อร์ย้อนถาม
ใช่สิ นางเคยเจอกับหลงเอ้อร์แค่เพียงครั้งเดียว แถมยังเป็นการเจอกันไม่ใคร่จะสู้ดีด้วย เขารังเกียจตนก็ไม่แปลก แต่การกลับไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาต้าเยียนอีก เป่ยจิงจิงคิดอยู่หลายวัน สุดท้ายก็ตัดสินใจได้
นางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก หันมองหลงเอ้อร์ “หากเจ้ายินยอม ข้าสามารถรับเจ้าเป็นราชบุตรเขย และขอให้ท่านพี่ไท่จื่อพระราชทานสมรสให้แก่พวกเราได้!”
หยุนถิงตะลึง มองมาอย่างนึกสนุก ไม่คิดว่าเป่ยจิงจิงโดนเตะไปหนึ่งที ยังเจอเรื่องรักแรกพบเข้าอีกแหน่ะ
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชา ไม่มีอารมณ์ใดๆ คนของเขามิใช่ใครที่สามารถลักพาไปได้ง่ายๆ
หลงเอ้อร์เกือบสำลักน้ำลายตนเอง เขาไอค่อกแค่กอย่างรุนแรงหลายครั้ง “สมองเจ้ากลับแล้วรึ?”
“เจ้าสิสมองกลับ ข้าชอบพอเจ้าจริงๆ ถึงเจ้าจะเคยเตะข้าไปหนึ่งที ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าเป็นคนแรกที่เตะข้า เสียมารยาทมากจริงๆ แต่ข้าชอบพอเจ้าแล้วจริงๆ เจ้ายินดีหรือไม่?” เป่ยจิงจิงตัดสินใจโพล่งออกไปเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่นางสารภาพรักกับคนอื่นับตั้งแต่โตมาป่านนี้
“ไม่ยินดี ข้าไม่ไปกับเจ้าหรอก” หลงเอ้อร์ปฏิเสธออกมาเลย
“เพราะอะไร ข้ามีสิ่งใดไม่ดีกัน?” เป่ยจิงจิงโกรธนัก
“เพราะข้าไม่ชอบเจ้า เจ้าไม่ดีทุกอย่าง เย่อหยิ่งจองหอง เอาแต่ใจ เหิมเกริมกร่างโอ้อวด ไม่ใช่สตรีแบบที่ข้าพึงใจเลย!” หลงเอ้อร์เน้นย้ำทีละคำอย่างหนักแน่น