จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 641 นังหนู อย่าก่อกวน
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 641 นังหนู อย่าก่อกวน
เสวี่ยเชียนโฉวสาวเท้าวิ่งเข้ามาทางหยุนหลี ประคองนางขึ้นมาจากบนพื้น “นังหนู เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”
หยุนหลีเห็นคนตรงหน้าชัดๆ ถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง “ท่านอา ท่านมาได้เยี่ยงไรกัน?”
“ผ่านมาพอดี! ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคน จะไม่ให้ผู้ใดทำอันตรายเจ้าเป็นอันขาด!” เสวี่ยเชียนโฉวรีบอุ้มหยุนหลีขึ้นมาจากบนพื้นทันที
“ท่านอา ข้าเวียนหัวมากนัก ไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัวเลย ข้าร้อนมากด้วย!” หยุนหลีพูดอย่างอ่อนแรง ใบหน้าขมวดรวมกัน
“นั่นเป็นยาที่ข้าปรุงด้วยตัวเอง กินยาของข้าไป นอกจากมีผู้ชายแล้วไม่เช่นนั้นจะต้องทนทุกข์จนตาย” คนตัดฟืนพูดจากระหยิ่มยิ้มย่อง
“ยาถอนพิษ!” เสวี่ยเชียนโฉวตวาดใส่ทีหนึ่ง
“ไม่——” คนตัดฟืนยังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ กระบี่เล่มหนึ่งพาดลงบนคอของเขาโดยตรง
“ส่งยาถอนพิษมา!” หร่านเฟิงผู้ติดตามของเสวี่ยเชียนโฉวทำเสียงเย็นชา
ชั่วพริบตาเดียวคนตัดฟืนตกใจจนสีหน้าซีดเซียว “นายท่านไว้ชีวิตด้วย ข้ามียาถอนพิษอะไรกันเล่า นี่คือยาที่ข้าปรุงขึ้นมั่วซั่ว ปกติขึ้นเขามาล่าสัตว์ข้ามักใช้ยาพวกนั้นมาจัดการสัตว์ป่า ยังมียาที่ข้าหาซื้อมาจากในตลาดอีก ล้วนนำมาผสมกันมั่วไปหมด”
เสวี่ยเชียนโฉวจ้องมองเข้าไปด้วยดวงตาโหดร้าย “กล้าทำร้ายนังหนู ฆ่ามัน!”
“อย่า นายท่านข้าผิด——” คนตัดฟืนยังไม่ทันพูดจบ กระบี่ในมือของหร่านเฟิงฟันคอมาทันใด คนตัดฟืนสิ้นใจลงตรงนั้น
เสวี่ยเชียนโฉวใช้ร่างกายบังสายตาของหยุนหลีโดยจิตใต้สำนึก “อย่ามอง ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง!”
“อืม!” หยุนหลีแอบอิงในอ้อมอกของเสวี่ยเชียนโฉว รู้สึกปลอดภัยไม่น้อย
บนรถม้า เสวี่ยเชียนโฉววางหยุนหลีลงมา ผลปรากฏว่าหยุนหลีก็ยื่นมือไปดึงชุดของเสวี่ยเชียนโฉวไว้
“ร้อน ร้อนมาก ข้าร้อนมากเลย ท่านอาช่วยข้าที!” หยุนหลีพูดอย่างสะลึมสะลือ เสียงดูมึนงงอยู่บ้าง
เสวี่ยเชียนโฉวได้ยินเข้าเลือดทั่วทั้งตัวแข็งค้างไปหมด รีบห้ามนางทันที “นังหนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังทำอะไร!”
หยุนหลีถึงมองทางคนที่อยู่ด้านข้าง แก้มแดงระเรื่อ สายตาเลือนราง หัวเราะหึๆ ให้เสวี่ยเชียนโฉว จากนั้นยื่นมือคล้องคอของของเขาไว้
“ท่านอา ท่านรูปงามเสียจริง”
เสวี่ยเชียนโฉวแข็งทื่อไปทั้งตัวแล้ว คนทั้งโลกล้วนเห็นว่าเป็นพญายมราช เป็นปีศาจร้าย และก่อนหน้านี้มีรอยแผลเป็นบนหน้าที่น่าตกใจมาก โชคดีเจอหยุนถิงช่วยรักษาให้เขา
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนพูดอะไรเยี่ยงนี้กับตนเอง เสวี่ยเชียนโฉวยังไม่ทันได้สติกลับมา ก็รู้สึกว่ามือข้างหนึ่งลูบมายังแก้มของเขา
“ท่านอา ใบหน้าท่านเรียบเนียนเสียจริง ผิวพรรณผู้ชายจะดีปานนี้ไปทำไมเล่า ประหนึ่งไข่ไก่ปอกเปลือก รสชาติจักต้องดียิ่งนักแน่นอน ให้ข้าลองชิมเสียหน่อย!” หยุนหลีพูดอยู่ จึงอ้าปากจะกัดเข้าไป
หน้าของเสวี่ยเชียนโฉวหม่นหมองลงทันที “ห้ามก่อกวน!”
แต่หยุนหลีฟังคำพูดเขาที่ใดเล่า ขยับเข้ามาตรงๆ
เห็นปากของนางที่ยื่นขึ้น เสวี่ยเชียนโฉวขมวดคิ้วแน่นเป็นก้อน เขาอยากจะหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ เพียงแต่หยุนหลีดึงเขาไว้ ถึงแม้เสวี่ยเชียนโฉวหลบแล้ว แต่หยุนหลียังมาโดนแก้มของเขาเข้าอยู่ดี
วินาทีนั้น ทั่วทั้งตัวเสวี่ยเชียนโฉวแข็งเป็นหินแล้ว ตื่นตกใจจนสมองว่างเปล่าไปหมด จนลืมตอบสนองแล้ว
หยุนหลียื่นปากมาถึงแก้มของเสวี่ยเชียนโฉว สัมผัสถึงความรู้สึกที่เย็นเฉียบนั้น ดูชอบใจมาก หลังเอาหน้าออกไปก็จูบอีกที
“อร่อยเสียจริง!”
คำพูดหนึ่งทำให้เสวี่ยเชียนโฉวได้สติกลับมาทันใด เห็นท่าทางสะลึมสะลือของหยุนหลี ทันใดนั้นเขาไม่รู้ควรทำเช่นไรดี คลำหาขวดเครื่องเคลือบบริเวณเอวอย่างมือพันยุ่งเหยิง รีบล้วงออกมา จากนั้นยื่นมือบีบปากของหยุนหลีเอาไว้แล้วยัดยาจิตหิมะเม็ดหนึ่งเข้าไปให้นาง
“อือ ท่านอาท่านให้ข้ากินอะไรกัน?” หยุนหลีรู้สึกเพียงว่าพอของสิ่งนั้นเข้ามาก็ละลาย มาพร้อมความเย็นสดชื่นนิดๆ ทำให้นางรู้สึกสบายตัวขึ้นมากโข
“ยาถอนพิษเฉพาะของอุทยานตระกูลเสวี่ย ไม่นานเจ้าจะดีขึ้นเอง!” เสวี่ยเชียนโฉวตอบ
“ท่านอา อร่อยมาก ข้าอยากได้อีก!” หยุนหลีพูดอยู่จึงขยับเข้ามาอีกครา คราวนี้เสวี่ยเชียนโฉวรับมือไม่ไหวเสียจริง ยื่นมือทำให้นางหมดสติไป
ชั่วขณะหนึ่งหยุนหลีจึงสงบลง เวลานี้เสวี่ยเชียนโฉวถึงรู้สึกโล่งอก วางหยุนหลีลงดีๆ
ตั้งแต่คราวก่อนที่นังหนูคนนี้ไปจากอุทยานตระกูลเสวี่ย เสวี่ยเชียนโฉวก็ส่งคนแอบติดตามหยุนหลีมาตลอดเพื่อคุ้มครองนาง คราวนี้ได้ยินว่าหยุนหลีออกจากจวนมา เสวี่ยเชียนโฉวถึงรีบออกจากอุทยานมาหา
ผลปรากฏว่าระหว่างทางได้ยินว่านังหนูคนนี้หลงทางแล้ว เดิมทีเสวี่ยเชียนโฉวอยากไปเมืองหรวน แต่รีบเปลี่ยนทิศทางเข้ามาแล้ว ปรากฏว่าก็มองเห็นนังหนูคนนั้นถูกคนตัดฟืนรังแก
เสวี่ยเชียนโฉวรีบช่วยคนทันที ถ้าเขาช้าไปสักก้าวเดียว ไม่อยากคิดถึงผลสุดท้ายเอาเสียเลย
“นายท่านขอรับ ตอนนี้จะไปที่ใดกันขอรับ?” หร่านเฟิงถามขึ้น
เสวี่ยเชียนโฉวขมวดคิ้ว “ตอนนี้จวินหย่วนโยวไปเมืองฉีแล้ว พวกเราก็ไปที่เมืองฉีเถิด หากนังหนูคนนี้ไม่พบหน้าหยุนถิงคงจะไม่ตัดใจ”
“ขอรับ!” หร่านเฟิงรีบควบรถม้ามุ่งหน้าไปทิศทางของเมืองฉีแล้ว
……………………………………….
ทางด้านนี้ หลังหยุนถิงกล่อมลูกทั้งสองจนหลับไป จึงค่อยๆ ลุกขึ้นมาอย่างเบาๆ
เพียงแค่นางยังไม่ทันลงจากเตียง มือข้างหนึ่งดึงนางเอาไว้ก่อน “ถิงเอ๋อร์ เจ้าจะไปที่ใดกัน?”
หยุนถิงตัวแข็ง “ท่านพี่ เหตุใดท่านยังไม่นอนอีก?”
“เจ้าก็เหมือนกันมิใช่หรือ ดึกดื่นอยากไปที่ใดเล่า?” จวินหย่วนโยวเอ่ยปากถาม
“จ้าวเม่ยเอ๋อร์มาหาแล้ว ข้าจะไปเจอนางเสียหน่อย” หยุนถิงอธิบาย
คราวนี้ จวินหย่วนโยวไม่ได้ขัดขวาง “ผู้หญิงคนนั้นตอนที่เจ้าหายตัวไปสองปี ตามหาเจ้ามาโดยตลอด จริงใจต่อเจ้ามากนัก ไปเถิด”
“เจ้าค่ะ ท่านพี่ของข้าแสนดีที่สุด” หยุนถิงพูดเอาใจ ขยับเข้ามาหอมแก้มของจวินหย่วนโยวเสียหน่อยแล้วรีบไปทันที
ในลานกว้าง พอจ้าวเม่ยเอ๋อร์เห็นหยุนถิงออกมาอย่างระมัดระวังประหนึ่งเป็นโจร ทำท่าทางเหยียดหยาม
“หยุนถิง เหตุใดเจ้าถึงทำกิริยาเช่นเดียวกับเมื่อสองปีก่อน หายตัวไปสองปีแล้วไม่พัฒนาขึ้นสักนิด ยังกลัวจวินหย่วนโยวปานนี้อยู่หรือ?”
“เบาๆ หน่อย ข้ากลัวทำลูกตื่นแล้ว!” หยุนถิงอธิบาย
“ลูก เจ้ามีลูกแล้วหรือ รีบให้ข้าดูเสียหน่อย” จ้าวเม่ยเอ๋อร์อยากเข้าไป
ทว่ากลับถูกหยุนถิงดึงไว้ก่อน “พวกเขาหลับกันแล้ว เจ้าอย่าไปกวนพวกเขา มาคุยเรื่องสำคัญเถิด”
“ก็ได้ อย่างไรเสียข้าก็มิอยากเจอหน้าซื่อจื่อของเจ้าเช่นกัน สองปีนี้ทำตัวดุจซากศพเดินได้ เจ้ามีชีวิตอยู่ก็ดีเหลือเกิน เวลานี้ซื่อจื่อของเจ้าคงมีชีวิตกลับมาแล้ว” จ้าวเม่ยเอ๋อร์ตำหนิ
“พูดเรื่องสำคัญเถิด”
“ได้ สองปีก่อนเจ้าให้ข้าตรวจสอบคนที่ควบคุมจวินซื่อจื่อ ข้าค้นหาทั่วทั้งสี่แคว้น ที่แคว้นเทียนจิ่วพบคนที่ถนัดเป่าปี่คนหนึ่งเข้าแล้ว คนผู้นั้นเป็นคนที่ปลิ้นปล้อน จะมาจะไปก็ไร้ร่องรอย
ข้าจ้องเขาที่แคว้นเทียนจิ่วอยู่ครึ่งปี ในที่สุดข้าก็พบว่าเขาเข้าออกจวนผิงหนานอ๋อง สุดท้ายข้าสอบถามมาได้ว่าเขาเป็นคนของตระกูลโอหยาง
ตอนนั้นตระกูลโอหยางโดนฆ่ายกตระกูล เขายังเป็นเด็กน้อย ต่อมาถูกผิงหนานอ๋องรับมาเลี้ยง แอบอบรมฝึกฝน ถนัดใช้เสี่ยงปี่มาควบคุมใจคน
ข้าเคยถามหมอยมบาลมา ปกติควบคุมใจคนจำเป็นต้องวางยาพิษหรือใช้ยากับคนที่ถูกควบคุม คนที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่เยี่ยงจวินซื่อจื่อนั้นคงไม่กระมัง ฉะนั้นข้าสงสัยว่าภายในตัวสามีเจ้าน่าจะยังมีพิษหรือหนอนกู่อยู่
ทักษะการแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยมปานนั้น ยังตรวจไม่เจอ ข้าคิดว่าค่อนข้างน่าจะใช่หนอนกู่ ฉะนั้นข้าจึงหาผู้รู้ที่เลี้ยงหนอนกู่ให้เจ้าแล้ว อยู่ที่อุทยานจันทร์สีเงินซึ่งห่างไปร้อยลี้ เจ้าพาจวินซื่อจื่อเข้าไปดูเสียหน่อยได้” จ้าวเม่ยเอ๋อร์เล่าทั้งหมดที่ตนเองรู้ออกมา
ฟังจนหยุนถิงหายใจลำบาก ก่อนหน้านี้นางเคยสงสัยเช่นกัน แต่ว่ากลับตรวจไม่เจอ เวลานี้ได้ยินจ้าวเม่ยเอ๋อร์บอกเรื่องพวกนี้ ดูแล้วพรุ่งนี้นางจำเป็นต้องพาสามีไปสักรอบแล้ว