จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 651 ขอร้องอย่าตีท่านแม่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 651 ขอร้องอย่าตีท่านแม่
“ท่านอ๋องขอรับ ท่านอ๋องน้อยเป็นลมไปแล้วขอรับ!” องครักษ์ด้านข้างตะโกนเสียงดัง พลางรีบประคองเซียจิ่วเซียวเอาไว้
“พยุงท่านอ๋องน้อยไปห้องด้านข้าง ส่งคนไปเชิญหมอมาด้วย!” ผิงหนานอ๋องกังวลยิ่งนัก สีหน้ายิ่งดูแย่ระดับหนึ่ง
“ขอรับ!”
“ท่านอ๋องขอรับ ไก่นี้จัดการเช่นไรขอรับ?” องครักษ์ที่หิ้วไก่ไว้ถามขึ้น
ดวงตาเย็นเยือกของผิงหนานอ๋องเผยความโหดร้ายและเคียดแค้นออกมา มือที่อยู่ในแขนเสื้อกุมหมัดไว้แน่น “ทิ้งไปเสีย!”
“ขอรับ!”
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าต้องเป็นจวินหย่วนโยวส่งคนมาทำ หน่วยกล้าตายที่ตนเองตั้งใจฝึกอบรมไม่กลับมาสักคนเดียว เห็นได้ว่าจวินหย่วนโยวเดาได้ว่าเป็นตนเอง
องครักษ์ลับผู้หนึ่งวิ่งตรงเข้ามา “ท่านอ๋องขอรับ วันนี้จวินซื่อจื่อและคนอื่นๆ ไปถนนคนเดินทางด้านตะวันออกของเมืองหลวงขอรับ ยังพาเด็กทั้งสองไปด้วยขอรับ!”
เป็นสวรรค์เข้าข้างข้าเสียจริง มุมปากผิงหนานอ๋องยกขึ้น “นำข่าวนี้ไปบอกเซียวเฟย!”
“ขอรับ!” องครักษ์ลับออกไปอย่างรวดเร็ว
และหลังจากเซียวเฟยในพระราชวังได้ยิน ชั่วขณะหนึ่งรู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว นางรีบออกจากวังทันที
ก่อนหน้านี้มู่เซียวเซียวเคยปะทะฝีมือกับจวินหย่วนโยว เข้าใจความปลิ้นปล้อนและเล่ห์เหลี่ยมของเขาดีที่สุด ถ้าส่งคนอื่นไปมู่เซียวเซียวไม่วางใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีไม่กี่คนที่เป็นคู่ต่อสู้ของจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง ดังนั้นนางจึงลงมือด้วยตนเอง
ส่วนทางถนนคนเดิน รถม้าของจวินหย่วนโยวก็มาถึงเรียบร้อย หยุนถิงและคนอื่นลงจากรถม้าแล้ว
ถนนคนเดินอันกว้างใหญ่ สองข้างทางล้วนเป็นพ่อค้าหาบเร่กำลังพยายามตะโกนกัน ขายของสารพัด ของกินของเล่นมีครบหมด ผู้คนมากมายกำลังเดิน ครึกครื้นยิ่งนัก
“ท่านแม่ ไป ไปเล่น!” จวินเสี่ยวเหยียนเอ่ยปากตาม
เด็กน้อยทั้งสองยากจะได้เห็นสถานที่ครึกครื้นปานนี้ ย่อมชอบจนทนไม่ไหวเป็นธรรมดา
จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงอุ้มลูกคนละคน เดินไปทางด้านใน ด้านหลังมีเยว่เอ๋อร์กับซูหลินตามมา ยังมีหลงยีและคนอื่นตามอยู่รอบด้าน
“ท่านพ่อ ซื้อ!” จวินเสี่ยวเทียนชี้ไปทางหน้ากากอันหนึ่งแล้วพูดขึ้น
ทั้งที่ก่อนหน้านี้จวินหย่วนโยวซื้อหน้ากากอันหนึ่งให้เขาแล้ว เวลานี้มองเห็นหน้ากาก จวินเสี่ยวเทียนยังอยากได้อีก จวินหย่วนโยวย่อมจะไม่ปฏิเสธ
“ซื้อ ชอบอะไรก็ซื้อได้ตามใจ เสี่ยวเหยียนก็เลือกตามใจเหมือนกันนะ พ่อซื้อให้พวกเจ้าทั้งหมด!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างตามใจ
“ท่านพ่อ ดีมาก!” จวินเสี่ยวเหยียนเบิกบานใจแล้ว
เห็นจวินหย่วนโยวตามใจซื้อของให้ลูกทั้งคู่ เริ่นเซวียนเอ๋อร์อดอิจฉาไม่ได้ “จวินซื่อจื่อ ท่านยังขาดลูกสาวหรือไม่?”
หยุนถิงรู้สึกตลกที่นางพูดแล้ว “เจ้าโตเกินไปแล้ว ซื่อจื่อของข้าไม่มีลูกสาวโตปานนี้หรอก”
“ข้าก็ว่าเยี่ยงนั้น สามีเจ้ากับข้าอายุพอๆ กัน ข้ายังรู้สึกตนเองเสียเปรียบล่ะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์โต้กลับ
“ต่อไปเจ้าเจอคนดีมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกให้ลูก” หยุนถิงกล่าว
“พอเถิด ข้าไม่อยากจะมีลูกเสียหน่อย ข้ายังอยากเป็นอิสระมีความสุขไปหลายที่ๆ อยู่” เริ่นเซวียนเอ๋อร์โต้แย้ง
“รอเจ้าเจอคนผู้นั้นเจ้าก็มิพูดเยี่ยงนี้แล้ว”
ทั้งสองคนกำลังพูดคุย ทันใดนั้นม้าคลั่งตัวหนึ่งวิ่งห้อออกมาจากด้านใน วิ่งบ้าคลั่งเข้ามายังหยุนถิงทางนี้
ผู้คนบนถนนลนลานกันหมดแล้ว รีบหนีไปอยู่สองข้างทาง “หลบไป ทุกคนรีบหลบไป!”
มือที่จวินหย่วนโยวอุ้มจวินเสี่ยวเทียนไว้รัดแน่น รีบหลบโดยเร็ว มืออีกข้างหนึ่งถือโอกาสดึงหยุนถิงไว้ “ถิงเอ๋อร์ รีบเข้ามาด้านข้าง”
ขณะเดียวกันนั้น หลงยีดึงกระบี่ในมือออกมาฉับพลัน ฟันไปยังม้าคลั่งที่พุ่งเข้ามาตัวนั้น
“ฮี้!” ม้าคลั่งร้องคำรามทีหนึ่ง บริเวณคอม้าปรากฏบาดแผลลึกมากรอยหนึ่ง เลือดไหลริน ชั่วขณะนั้นม้าคลั่งจึงล้มลงพื้นขาดใจตายแล้ว
“ซื่อจื่อเฟย ท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ?” หลงยีถาม
หยุนถิงใช้มือบังตาของจวินเสี่ยวเหยียนไว้โดยจิตใต้สำนึก นางไม่อยากให้นังหนูน้อยมองเห็นเหตุการณ์บาดตาปานนี้
“ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ที่นี่คือถนนคนเดิน เหตุใดถึงมีม้าคลั่งตัวหนึ่งโผล่มากะทันหันเล่า?”
ดวงตาของจวินหย่วนโยวเย็นเฉียบขึ้น “จะต้องมีคนจงใจปล่อยมาแน่”
“ผู้ใดใจกล้าเพียงนี้ คาดไม่ถึงกล้าก่อเรื่องที่ถนนคนเดิน ที่นี่ล้วนเป็นชาวบ้านทั่วไป ชาวบ้านผู้ไร้ความผิดพลอยโดนทำร้ายด้วยเป็นแน่” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตำหนิ
“ทุกคนต้องระวังกันเสียหน่อย ในเมื่อมีม้าคลั่ง ต้องยังมีอย่างอื่นแน่ คุ้มครองซื่อจื่อเฟยและเด็กๆ ให้ดี!” จวินหย่วนโยวสั่งการ
“ขอรับ!” หลงยีและคนอื่นรีบล้อมเข้ามา
“ท่านพี่ ถ้าไม่เช่นนั้นพวกเรากลับไปกันดีกว่า เดินเที่ยวก็มิใช่เรื่องรีบร้อน” หยุนถิงแนะนำ
จวินหย่วนโยวมองเด็กทั้งสองแวบหนึ่งเห็นยังสนุกกันอยู่ “ไม่เป็นไร มันเป็นชะตาลิขิต ถึงหลบก็หลบมิพ้น ถ้าอีกฝ่ายโจมตีมาจริง ต่อให้พวกเราอยู่ที่ตำหนักรับรองไม่ออกมาก็ยังโดนโจมตี เสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนยังไม่หมดสนุก เดินเที่ยวต่อเถิด”
หยุนถิงคิดดูแล้วเห็นว่ามีเหตุผล “ได้ ว่าตามท่านพี่แล้วกัน”
หลายคนนี้เดินหน้าต่อไป เดินเล่นพลางซื้อของ ไม่นานนักมือขององครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับหลายคนก็ถือของไว้เต็ม
“เจ้านี่มันตัวซวย นังปีศาจร้าย เป็นเพราะเจ้าทำให้ข้าแพ้แล้ว เอาเงินมา รีบเอาเงินมา!” บริเวณไม่ไกลนัก ชายคนหนึ่งกำลังต่อยตีหญิงผู้หนึ่งอยู่
“ท่านพ่อ อย่าตีท่านแม่ ท่านโปรดอย่าตีท่านแม่!” เด็กหญิงอายุห้าหกขวบผู้หนึ่งรีบดึงชายคนนั้นเอาไว้
กลับถูกชายคนนั้นถีบออก “ไสหัวไป นังหนูนี่ น่ารำคาญเยี่ยงแม่เจ้านักเชียว!”
เด็กหญิงถูกถีบล้มอยู่บนพื้น เจ็บจนสีหน้าซีดเซียว ขยับก็ขยับไม่ได้แล้ว
“ลูก ลูกเป็นเช่นไรบ้าง ท่านห้ามทำร้ายลูกสาวของข้า ผู้ใดก็ได้ช่วยข้าที!” หญิงคนนั้นกอดลูกสาวของตนเองแล้วร้องไห้ตะโกน
ทุกคนที่มุงดูด้านข้างชี้ไม้ชี้มือตำหนิชายคนนั้นอยู่ ดูหมิ่นเกลียดชัง
“มองอะไรเล่า ไสหัวไปให้หมด วันนี้ข้าก็จะตีนังตัวซวยสองคนนี้ให้ตาย เอาเงินมา เอาเงินที่พวกเจ้าขายของได้วันนี้ออกมาให้หมด!” ชายผู้นั้นเดินไปทางรถเข็นน้ำตาลปั้นที่ด้านข้าง ไปหาเงินอยู่
“วันนี้ยังขายไม่ได้เลย ไม่มีเงิน” หญิงคนนั้นตอบเสียงเบาๆ
ชายผู้นั้นโมโหยิ่งนัก พุ่งเข้ามาโดยตรง หญิงคนนั้นปกป้องลูกสาวโดยจิตใต้สำนึก ตกใจจนหลับตาลงแล้ว
“นังแพศยานี่ ข้าจะตีเจ้าให้ตาย!” ชายคนนั้นก็ควงหมัดแล้วทุบเข้ามา
เพียงแค่เขายังไม่ทันแตะต้องหญิงคนนั้น หยุนถิงก็วิ่งเข้าไปแล้ว ถีบชายผู้นั้นทีหนึ่งจนเขาล้มลงพื้น
“อ่า เจ็บโว้ย ไอ้สารเลวที่ใดกล้ายุ่งเรื่องข้ากัน?”
“ข้ารังเกียจชายที่ตีผู้หญิงกับเด็กที่สุด เจ้าก็เจอกับข้าพอดีแล้ว!” หยุนถิงพูดอย่างเย็นชา
ชายคนนั้นเพิ่งจะด่าทอ พอเห็นสาวรูปงามเข้า ในอ้อมอกยังอุ้มเด็กน้อยไว้ด้วย ชั่วขณะหนึ่งในใจเกิดความคิดชั่วร้าย
เพียงแค่ยังไม่รอให้เขาเอ่ยปาก จวินหย่วนโยวใช้ฝ่ามือโจมตีชายคนนั้นกระเด็นไปแล้ว “ซื่อจื่อเฟยของข้า ให้คนสารเลวเยี่ยงเจ้ามามองได้หรือ”
“ท่านพี่ คุณชายได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ อย่าทำร้ายสามีของข้าเลย!” หญิงผู้นั้นรีบคุกเข่าคำนับให้
“พวกท่านโปรดปล่อยท่านพ่อข้าไปเถิดเจ้าค่ะ” เด็กหญิงก็คำนับศีรษะให้ตาม
หยุนถิงรีบยื่นมือข้างหนึ่งออกมาประคองหญิงผู้นั้นไว้ “เขาทำกับเจ้าเยี่ยงนี้แล้ว เจ้ายังอยากขอร้องเพื่อเขาอีก ชายเยี่ยงนี้ตายไปก็มิน่าเสียดาย!”
“แม่หญิง ข้ารู้ว่าเขาไม่ดี ติดพนันเป็นนิสัย โหดร้ายไม่มีเหตุผล แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นพ่อของลูกข้าเจ้าค่ะ” หญิงผู้นั้นพูดทอดถอนใจ
หยุนถิงถอนหายใจทีหนึ่ง “ถ้าเจ้าอยากหย่าร้าง ข้าสามารถช่วยเจ้าได้”
ชั่วขณะหนึ่งหญิงผู้นั้นตกใจแทบแย่ “หย่าร้าง ข้าไม่ต้องการหย่าร้างเจ้าค่ะ พวกเราอยู่กันดีมาก แต่งออกมาแล้วไม่ว่าสามีเป็นเช่นไรก็ต้องติดตามนี่คือชะตาของข้าเจ้าค่ะ ถ้าแม่หญิงอยากจะช่วยข้าจริงๆ ก็ซื้อน้ำตาลปั้นสักสองสามอันเถิดเจ้าค่ะ ข้าเห็นท่านอุ้มเด็กอยู่ น้ำตาลปั้นของข้าเป็นงานฝีมือที่สืบทอดมา หอมหวานรสชาติดีเจ้าค่ะ รับรองเด็กน้อยชอบกินเจ้าค่ะ”