จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 654 ไม่ใช่ว่านางควรจะตายไปแล้วหรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 654 ไม่ใช่ว่านางควรจะตายไปแล้วหรือ
“ถอนแล้ว ก็คือถ่ายจนหมดแล้ว พักผ่อนสองวันคงไม่เป็นไรแล้ว” หยุนถิงตอบ
จวินหย่วนโยวถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง “เช่นนั้นก็ดี ขอเพียงลูกๆ ไม่เป็นไรก็ดี”
“ท่านพี่ข้าขอโทษ ถ้าไม่ใช่เพราะข้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง ลูกทั้งสองคงไม่โดนคนแอบเล่นงาน ล้วนเป็นความผิดของข้า เป็นข้าประมาทแล้ว” หยุนถิงตำหนิตนเองอย่างยิ่ง
“นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า อีกฝ่ายตั้งใจคิดร้าย ต่อให้เจ้าไม่ยุ่งเรื่องนี้ พวกเขาก็จะวางแผนอย่างอื่น ดีที่ลูกไม่เป็นอะไร พาพวกเขาไปพักผ่อนดีๆ เถิด” จวินหย่วนโยวพูดปลอบใจ
“เจ้าค่ะ!” หยุนถิงพาเด็กทั้งสองไปเข้านอน จวินหย่วนโยวให้คนนำกระโถนออกไป ตนเองก็ตามออกไปด้วย
วินาทีนั้นที่ออกจากห้องมา สีหน้าจวินหย่วนโยวเย็นเฉียบในชั่วพริบตา
“ซื่อจื่อเจ้าคะ เสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ?” เยว่เอ๋อร์ถามอย่างเป็นห่วง
“พวกเขาไม่เป็นไรแล้ว นอนหลับแล้ว เจ้าไปทำอาหารอ่อนๆ มาเสียหน่อย เดาว่าพวกเขาตื่นมาคงหิว” จวินหย่วนโยวบอก
“เจ้าค่ะ!” เยว่เอ๋อร์ถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง ขณะเดียวกันตำหนิตนเองแทบแย่
หากรู้แต่แรกว่าน้ำตาลปั้นนั้นมีปัญหา ให้ตายนางก็ไม่กล้าให้เจ้าหนูน้อยกิน ตอนนี้เพียงหวังว่าพวกเขาจะดีขึ้นมาไวๆ
“เด็กๆ ไม่เป็นอะไรก็ดี ยังเป็นคุณหนูใหญ่มีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยม” ความกังวลใหญ่หลวงในใจซูหลินถือว่าปล่อยวางลงได้แล้ว
นางเป็นแม่คน ย่อมรู้ว่าคุณหนูใหญ่เห็นลูกๆ เกิดเรื่องขึ้นจะปวดใจและเป็นห่วงมากเพียงใด
ช่วงเวลาเพียงธูปก้านเดียว หลิงเฟิงพาแม่ลูกคู่นั้นเข้ามา “ซื่อจื่อขอรับ ข้าน้อยจับแม่ลูกคู่นี้ได้ที่เรือนเขตชานเมืองตะวันตกแห่งหนึ่งขอรับ เชิญซื่อจื่อจัดการขอรับ!”
หญิงผู้นั้นพอเห็นจวินหย่วนโยว ตกใจจนสีหน้าซีดเผือด คุกเข่าลงพื้นเสียงดังตึก “คุณชายไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ ไว้ชีวิตด้วย!” พูดอยู่ ดึงลูกสาวของตนเองให้คุกเข่าลงด้วยกัน
จวินหย่วนโยวมองทางพวกนางสองแม่ลูกจากบนลงล่าง สายตาเย็นเฉียบยิ่งนัก ดุร้ายดุจคมมีด กัดฟันไว้แน่น กลิ่นอายรอบตัวดูอันตรายถึงที่สุด
วินาทีต่อมา จวินหย่วนโยวถีบหญิงผู้นั้นจนกระเด็นออกไป
“อ่า!” หญิงผู้นั้นร้องโหยหวน กลิ้งออกไปหลายเมตร พ่นเลือดสดออกมาจากปาก
“ท่านแม่ ท่านแม่ พวกท่านได้โปรดปล่อยท่านแม่ข้าไปเถิดเจ้าค่ะ” เด็กหญิงร้องไห้ตะโกนขอความเมตตา
“บอกมา เป็นผู้ใดให้เจ้าใส่ยาพิษในน้ำตาลปั้น?” จวินหย่วนโยวถามอย่างเย็นชา
หญิงผู้นั้นยังลังเลอยู่ กระบี่ในมือหลิงเฟิงจ่อบนคอของเด็กหญิงโดยตรง “ถ้าไม่พูดอีก ข้าก็ฆ่าเด็กคนนี้เสียตอนนี้เลย!”
“เป็นแม่คนเหมือนกัน เจ้าทนได้เช่นไร ตอนนี้ซื่อจื่อน้อยกับจวิ้นจู่น้อยของพวกข้ายังไม่สบายอยู่ เจ้าลงมือได้เช่นไรกัน!” ซูหลินพุ่งเจ้ามาอย่างเดือดดาล
“ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย ท่านแม่!” เด็กหญิงตกใจจนร้องไห้ดังกว่าเดิม
หญิงผู้นั้นเห็นเข้า ยังกล้าคิดมากที่ไหนกัน “คุณชายไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้ทำร้ายลูกสาวข้าเลยเจ้าค่ะ ข้าบอกแล้ว ข้าบอกทั้งหมด
มีคนมาหาพวกข้า เขาให้ข้าใส่สิ่งนี้ตอนที่ทำน้ำตาลปั้น จากนั้นให้เงินข้ามาหนึ่งร้อยตำลึง ตอนนั้นข้าหน้ามืดตามัวจึงตอบรับไป
ข้าก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เป็นผงสีขาวส่วนหนึ่ง ข้ายังจงใจเหลือไว้ส่วนหนึ่งด้วยความสงสัย คุณชายก็คือสิ่งนี้เจ้าค่ะ”
หญิงผู้นั้นรีบล้วงห่อกระดาษอันหนึ่งออกมาจากในอ้อมอก แล้วยื่นเข้ามา
ซูหลินหยิบขึ้นมา “ซื่อจื่อ ข้านำไปให้คุณหนูใหญ่ดูเสียหน่อยเจ้าค่ะ”
“ไปเถิด!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเย็นชา
ซูหลินรีบเดินไปแล้ว วิ่งตรงไปที่ห้องของหยุนถิง เวลานี้เด็กทั้งสองก็หลับกันแล้ว ซูหลินเคาะประตูพอดี หยุนถิงเดินออกมาจากข้างใน
“คุณหนูใหญ่ หลิงเฟิงจับตัวแม่ลูกคู่นั้นมาแล้วเจ้าค่ะ นางผู้นั้นบอกว่ามีคนให้เงินนางเพื่อให้นางวางยาพิษในน้ำตาลปั้น นางจงใจเหลือผงยาไว้ส่วนหนึ่งเจ้าค่ะ” ซูหลินรีบยื่นห่อกระดาษเข้ามา
หยุนถิงรับเข้ามาทันที เปิดออกพอเห็นผงนั้น ดมดูแล้ว ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าอึมครึมเย็นเยือก มือที่จับห่อกระดาษไว้ออกแรงหนักมาก
“หญ้าซูร่า เป็นผู้ใดใจอำมหิตปานนี้ ซูหลินเจ้าเฝ้าดูที่นี่ไว้ ข้าจะไปเอง” หยุนถิงกัดฟันแน่นแล้วพูด
“เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่”
หยุนถิงวิ่งตรงไปนอกเรือน ถามองครักษ์มาว่าจวินหย่วนโยวและคนอื่นอยู่ที่ห้องหนังสือ หยุนถิงรีบเข้าไปทันที
นางเพิ่งเข้าประตูมา ก็มองเห็นแม่ลูกคู่นั้นคุกเข่าอยู่บนพื้น กำลังกอดกันไว้ตกใจตัวสั่นเทา
หยุนถิงวิ่งเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว ดึงคอเสื้อของหญิงผู้นั้นขึ้น “เจ้านังคนใจร้ายนี่ เด็กเล็กปานนั้นเจ้าลงมือไปได้เช่นไร?”
“แม่หญิงไว้ชีวิตด้วยเจ้าค่ะ ข้าสำนึกผิดแล้ว เป็นข้าสมควรตาย เป็นข้าที่จิตใจอำมหิตแล้ว ต่อไปข้าก็ไม่กล้าอีกแล้วเจ้าค่ะ ขอให้แม่หญิงไว้ชีวิตข้าเถิด——” หญิงผู้นั้นรีบขอความเมตตา
หยุนถิงโกรธเคืองจนตบหน้าอย่างแรงไปสองที “ลูกคือแก้วตาดวงใจของข้า เจ้าลงมือต่อพวกเขา ก็ควรจะรู้ผลที่ตามมา”
“ขอร้องท่านอย่าฆ่าท่านแม่ข้าเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่ข้าถูกบังคับมาเจ้าค่ะ” เด็กหญิงอ้อนวอน
จวินหย่วนโยวก็วาดภาพเหมือนตามที่หญิงผู้นั้นบอกมา “เจ้าดูเสียหน่อย คนนั้นที่ให้ยาพิษเจ้ามาหน้าตาเป็นเช่นนี้หรือไม่?”
หญิงผู้นั้นรีบยืดตัวขึ้นอย่างนอบน้อม เบิกดวงตาโตๆ มองเข้าโดยเร็ว จากนั้นออกแรงพยักหน้า “เป็นเขาเจ้าค่ะ ก็คือเขา เป็นคุณชายผู้นี้”
หยุนถิงรีบมองทางภาพวาดนั้น ชั่วขณะหนึ่งสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านพี่ เหตุใดดูขึ้นมาเหมือนมู่เซียวเซียวยิ่งนัก ไม่ใช่ว่านางควรจะตายไปแล้วหรือ?”
ตอนนั้นหอเทพเซียนถูกกำจัดทั้งหมด จวินหย่วนโยวให้คนนำตัวมู่ว่านว่านไป คนอื่นน่าจะเสียชีวิตในไฟไหม้คราวนั้น?
หรือว่ามู่เซียวเซียวแอบหลบหนีไป หนำซ้ำยังหลบซ่อนมาหลายปี
ถ้าเป็นเยี่ยงนี้จริง เช่นนั้นก็อธิบายกระจ่างแล้ว นางจ้างแม่ลูกคู่นี้วางยาพิษลูกของตนเอง ก็คือเพื่อแก้แค้น
สีหน้าจวินหย่วนโยวก็ดูแย่ถึงที่สุด “ต้องเป็นเป่ยหมิงฉี่เจ้าสารเลวนั้นจัดการไม่สำเร็จ ให้นางหนีไปแล้ว ถิงเอ๋อร์ยาพิษนั้นคืออะไร?”
“หญ้าซูร่า หากผู้ใหญ่กินจะสติเลอะเลือน เด็กน้อยกินก็จะสติฟั่นเฟือน เป็นยาพิษที่ร้ายแรงยิ่งนัก ยาพิษเยี่ยงนี้พบเจอน้อยมาก โชคดีที่เด็กทั้งสองไม่เป็นไร มิฉะนั้นต่อให้ฆ่าพวกนางสองคนก็ไม่หายแค้น!” หยุนถิงพูดอย่างโกรธเคือง
หญิงผู้นั้นบนพื้นพอได้ยิน ตกใจจนเป็นลมทันที
“ท่านแม่ ท่านแม่!” เด็กหญิงร้องไห้ตะโกน
หยุนถิงไม่ได้เห็นใจแม้แต่น้อย ถึงแม้หญิงผู้นี้ไม่เป็นผู้กระทำผิด แต่ก็ช่วยคนร้าย หากไม่ใช่ว่าร่างกายเด็กทั้งสองมีความพิเศษ กลัวว่าคงปัญญาอ่อนไปแล้ว
ต้องโทษตนเองที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ทำร้ายเด็กทั้งสองเข้า หยุนถิงยิ่งเสียใจและตำหนิตนเอง
“พาลงไป!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเย็นชา
หลิงเฟิงรีบให้คนนำหญิงผู้นั้น และเด็กหญิงตามลงไป
“ถิงเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำเช่นไรต่อ?” จวินหย่วนโยวถาม
หลงซานเข้ามาจากข้างนอก สีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย เมื่อสักครู่สายของพวกเราที่พระราชวังแคว้นเทียนจิ่วส่งข่าวมาขอรับ เซียวเฟยของฮ่องเต้ก็คือมู่เซียวเซียว”
“เซียวเฟย?” หยุนถิงตกตะลึงยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้มู่เซียวเซียวเป็นคุณหนูใหญ่ของหอเทพเซียน หยิ่งยโสมาเพียงใด หนำซ้ำนางยังเคยนิยมชมชอบจวินหย่วนโยว ตอนนี้ยินยอมเข้าวัง ผู้หญิงเพื่อแก้แค้นแล้วอะไรก็ยอมทำทั้งนั้นตามคาด
“เรียนซื่อจื่อเฟย เซียวเฟยเข้าวังเมื่อหนึ่งปีก่อนขอรับ ได้รับความรักใคร่เอ็นดูมาก ตั้งแต่นางเข้าวัง ไม่กี่วันของทุกเดือนที่ฮ่องเต้ต้องไปหาฮองเฮาก็ทรงยกเลิกแล้ว ยังรับสั่งเป็นพิเศษว่าเซียวเฟยไม่ต้องแสดงความเคารพต่อฮองเฮาด้วย ฉะนั้นทั้งวังหลังทั้งอิจฉาทั้งเกลียดชังต่อเซียวเฟยกันหมด กลับไม่มีทางทำอันใด” หลงซานเล่าเรื่องที่ไปสอบถามออกมา
หยุนถิงหรี่ดวงตาเย็นเยือกขึ้นเล็กน้อย ในใจมีแผนการผุดขึ้นฉับพลัน “วางแผนซ้อนแผน คืนนี้ไปพระราชวังสักรอบ”