จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 656 เจ้าไม่อยู่ ข้าจะหลับลงเช่นไร
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 656 เจ้าไม่อยู่ ข้าจะหลับลงเช่นไร
มู่เซียวเซียวทำหน้ารังเกียจ ห่างไปไม่กี่เมตรก็คือหน้าประตู เวลานี้ภายนอกและภายในห้องล้วนเป็นกองไฟ ถ้านางพุ่งออกไปยังมีโอกาสรอดชีวิต แต่ถ้าพาฮ่องเต้ไปด้วย ต้องไม่ทันเป็นแน่
ถ้าทิ้งฮ่องเต้ไว้เยี่ยงนี้ ถ้าเกิดพระองค์ถูกเหล่าองครักษ์ช่วยไว้ได้ พระองค์ต้องรอจังหวะแก้แค้นกับตนเองแน่เช่นนั้นนางคงจบเห่แล้ว
ถึงแม้นางจะควบคุมฮ่องเต้ไว้ แต่ผู้คนมากปานนี้มองอยู่ นางก็ไม่อาจหาข้ออ้างได้เหมือนกัน พูดอีกอย่าง ฮ่องเต้ยังมีประโยชน์ต่อนางอยู่
มู่เซียวเซียวที่กำลังลังเลมองเห็นด้านนอกประตู ฮองเฮาวิ่งเข้ามาอย่างผมเผ้ายุ่งเหยิง
“ฝ่าบาท รีบช่วยฝ่าบาทเร็ว เร็ว!” ฮองเฮาร้องตะโกนอย่างลนลาน อยากพุ่งเข้ามา กลับถูกสาวใช้และองครักษ์ดึงไว้
“เหนียงเหนียง ด้านในอันตรายเพคะ เข้าไปไม่ได้!”
“รีบช่วยฝ่าบาท เร็วเข้า!”
ส่วนฮ่องเต้ที่อยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นมา มู่เซียวเซียวตัดสินใจเรียบร้อย คล้องแขนของฮ่องเต้ขึ้นทันใด “ฝ่าบาท รีบหนีออกไปเพคะ!”
“ได้!” ฮ่องเต้เร่งความเร็วขึ้น
ตามองเห็นทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูแล้ว บนหลังคามีไม้คานท่อนหนึ่งหล่นลงมา ทั้งที่มู่เซียวเซียวสามารถหลบผ่านได้ แต่นางกลับลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นจึงผลักฮ่องเต้ออกไป
“ฝ่าบาทรีบหนีไป!”
ฮ่องเต้ยังไม่ทันตอบสนองกลับมา ทันใดนั้นถูกผลักมาทีหนึ่ง พุ่งไปยังด้านนอก เกือบจะหกล้มลงพื้น
โชคดีที่องครักษ์ประคองพระองค์ไว้ได้ ฮองเฮาวิ่งเข้ามา “ฝ่าบาท พระองค์ทรงเป็นเช่นไรบ้าง บาดเจ็บหรือไม่เพคะ?”
“อ่า!” ด้านหลังร้องโหยหวนทีหนึ่ง ไม้คานท่อนนั้นฟาดบนตัวของมู่เซียวเซียวโดยตรง ทับจนนางสลบ
ฮ่องเต้หันหน้ามองเห็นเหตุการณ์ฉากนี้ ชั่วขณะนั้นสับสนแล้ว “รีบเข้ามาเร็ว ไปช่วยเซียวเฟย เข้าไปช่วยชีวิตให้หมด!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เหล่าองครักษ์รีบฝ่ากองเพลิงไปช่วยชีวิตคน ช่วยเซียวเฟยที่ถูกทับจนสลบออกมา
“หมอหลวง รีบไปบอกหมอหลวง!” ฮ่องเต้ตกใจยกใหญ่ รีบวิ่งเข้าไปดูเซียวเฟย
“เซียวเอ๋อร์ เจ้าจะต้องอดทนไว้ อย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด เหตุใดเจ้าถึงโง่ปานนี้เล่า เซียวเอ๋อร์ ถ้าเจ้าตายไปข้าจะอยู่ต่อไปได้เช่นไร?” ฮ่องเต้พูดอยู่น้ำตานองหน้า เสียใจยิ่งนัก
นึกไม่ถึงเซียวเฟยอยากช่วยตนเองโดยไม่สนใจชีวิตตนเอง นี่ทำให้ฮ่องเต้ประทับใจที่สุด
ฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างมองเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตา ในสายตาของฝ่าบาทมีเพียงเซียวเฟย เช่นนั้นตนเองเล่า เหตุใดพระองค์ถึงมองไม่เห็นการมีอยู่ของตนเองบ้าง
นางได้ยินว่าตำหนักของเซียวเฟยไฟไหม้ นึกถึงว่าฝ่าบาทประทับอยู่ตำหนักของเซียวเฟย จึงรีบเข้ามาทันใด แต่ฝ่าบาทกลับไม่มองนางสักนิด นี่ทำให้ฮองเฮาทั้งปวดใจทั้งอับอายที่สุด
ฮองเฮาชำเลืองมองทางเซียวเฟยที่นอนสลบบนพื้น นัยน์ตาเผยความน่าสะพรึงกลัวและความโหดร้ายออกมา
เซียวเฟยช่วยฝ่าบาทไว้จากการถูกไม้คานทับเข้าพอดี ฮองเฮาที่คุ้นชินกับเล่ห์เหลี่ยมสารพัดในวังหลังไม่เชื่อว่าเรื่องราวจะบังเอิญขนาดนี้
เซียวเฟยผู้นี้หลักแหลมมากพอเสียจริง ดูแล้วถ้าตนเองไม่ลงมืออีก อาศัยที่ว่าวันนี้นางช่วยชีวิตฝ่าบาทไว้แล้ว ทั่วทั้งวังหลังกลัวว่าจะเปลี่ยนแปลงแล้ว
“ฝ่าบาทเพคะ ถ้าไม่เช่นนั้นพาเซียวเฟยไปที่ตำหนักหยาซวนก่อนเถิด ตำหนักนี้ไฟไหม้อยู่ในช่วงสั้นๆ กลัวว่าคงยากจะดับลง ตอนนี้เซียวเฟยหมดสติลงหากเอาแต่นอนบนพื้นตลอดจะเป็นหวัดเอา ตำหนักหยาซวนมีคนทำความสะอาดทุกวัน สามารถเข้าพักได้ทันที หม่อมฉันจะสั่งให้คนนำผ้าห่มและเสื้อผ้าใหม่เข้าไปให้เพคะ” ฮองเฮาเอ่ยปาก
“ได้ เช่นนั้นไปที่ตำหนักหยาซวน” ฮ่องเต้อุ้มเซียวเฟยขึ้นมาจากบนพื้นแล้วเสด็จไป
บางทีเป็นเพราะผ่านกองเพลิงเมื่อสักครู่มา ฮ่องเต้ยืนไม่นิ่งอยู่บ้าง เกือบหกล้ม โชคดีองครักษ์ด้านข้างพยุงไว้ทัน
“ฝ่าบาท ถ้าไม่เช่นนั้นกระหม่อมอุ้มเองพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่ต้อง ข้าอุ้มได้” ฮ่องเต้อุ้มมู่เซียวเซียวไว้แล้วเดินไป
ฮองเฮามองภาพด้านหลังของฮ่องเต้ มือที่อยู่ในแขนเสื้อกุมหมัดแน่นแล้ว
นางสมรสกับฮ่องเต้มาหลายปี พระองค์ยังไม่เคยอุ้มตนเองมาก่อน ตอนนี้กลับอุ้มเซียวเฟย ฮ่องเต้หลายใจมาตั้งแต่สมัยโบราณตามคาด
“พวกเจ้ารีบช่วยดับไฟ จากนั้นสั่งคนไปจัดการที่พักผ่อนใหม่อีก” ฮองเฮาทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง ออกไปทันที
นางกลับมาที่ตำหนักของตนเองโดยตรง สั่งคนให้นำผ้าห่มใหม่และเสื้อผ้าใหม่ที่ตนเองเก็บไว้ออกมา จากนั้นฮองเฮาหยิบผงยาห่อนั้นที่หยุนถิงให้นางมาโรยไปมากมายอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“พวกเจ้านำผ้าห่มและเสื้อผ้าพวกนี้เข้าไปให้เซียวเฟยใช้ก่อน” ฮองเฮากล่าว
“เพคะ!” นางกำนัลสองสามคนรีบนำเข้าไปส่ง
“เหนียงเหนียง ผ้าห่มพวกนั้นช่างเถิดเพคะ ส่วนเสื้อผ้าพวกนั้นล้วนเป็นผ้าไหมผ้าแพรชั้นดีที่แคว้นโม่เป่ยถวายให้ ทั่วทั้งวังหลังมีเพียงพระองค์ถึงคู่ควรกับผ้าชั้นดีเยี่ยงนั้น เหตุใดถึงให้เซียวเฟยไปเพคะ?” มามาคนสนิทถามอย่างไม่เข้าใจ
“เซียวเฟยช่วยชีวิตฝ่าบาทมีคุณงามความดี แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดเท่านั้น ขอเพียงฝ่าบาทไม่เป็นอะไรก็โชคดีมากแล้ว พรุ่งนี้เจ้าไปแผนกอาภรณ์ด้วยตัวเองให้พวกเขาตัดเสื้อผ้าใหม่สามสี่ชุดตามสัดส่วนของเซียวเฟยแล้วส่งเข้ามา” ฮองเฮาทอดถอนใจ
“เพคะ เหนียงเหนียงทรงพระทัยกว้างยิ่งนัก!”
นัยน์ตาฮองเฮาเผยการเยาะเย้ยออกมา นางใจกว้างที่ใดเล่า นางอยากให้เซียวเฟยตายไปเยี่ยงนี้ใจแทบขาด
เพียงแต่ว่าตำหนักที่ปกติดี เหตุใดถึงเกิดเพลิงไหม้ที่พระราชวังได้ หนำซ้ำยังเป็นคืนนี้ หรือว่าคนผู้นั้นสร้างโอกาสให้ตนเอง?
นึกถึงตรงนี้ ฮองเฮาตื่นตกใจอย่างมาก อดทอดถอนใจไม่ได้ คนผู้นั้นยังใจกล้าไม่ธรรมดาเสียจริง ดูแล้วคืนนี้ก็คือความจริงใจของนาง ตอนนี้ฮองเฮากลับโล่งอกไปทีหนึ่ง
คนที่อยากให้เซียวเฟยตาย ไม่ใช่มีเพียงตนเอง เช่นนี้ฮองเฮาจึงวางใจแล้ว
ทางนี้ หยุนถิงกลับมาจากพระราชวัง พอเข้าประตูมาก็มองเห็นซื่อจื่อกำลังนั่งอยู่บนเตียง กำลังจ้องเด็กทั้งสองนอนหลับ
“ท่านพี่ เหตุใดท่านยังไม่นอน?” หยุนถิงเอ่ยปาก
“รอเจ้าอยู่ เป็นเช่นไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” จวินหย่วนโยวถามอย่างห่วงใย
ไม่เห็นว่าถิงเอ๋อร์ปลอดภัยกลับมา เดิมทีจวินหย่วนโยวนอนไม่หลับ
“ข้าสบายดี ไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่ใช้วิธีที่ผู้อื่นใช้มาจัดการคนผู้นั้นเท่านั้นเอง ฉะนั้นท่านพี่ไม่ต้องกังวล รีบนอนเถิด”
“เช่นนั้นก็ดี ข้ากลัวพวกเขาถีบผ้าห่มออกแล้วจะเป็นหวัด ฉะนั้นเลยจ้องไว้ตลอด” จวินหย่วนโยวอธิบาย
“โถ่ท่านพี่ ถ้าข้าจ้องไว้เหมือนกับท่าน เช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วข้าคงอดนอนจนตายแล้ว ลูกหลับแล้วท่านก็นอนเถิด ได้ยินเสียงขยับค่อยมาดูเสียหน่อยก็พอ” หยุนถิงหาวขึ้นทีหนึ่ง ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกแล้วปีนขึ้นเตียง กำลังอยากจะนอนลง
ฝ่ามือของจวินหย่วนโยวดึงนางเข้ามาในอ้อมอก ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้มหน้าลงก็จูบไปยังหยุนถิง
ในความเผด็จการมาพร้อมความหยาบคายนิดๆ ความรีบร้อนระดับหนึ่ง และความรุนแรงระดับหนึ่ง
จวินหย่วนโยวนำความกังวลในค่ำคืนนี้ ละลายเข้าสู่ในจูบนี้ทั้งหมด
นางไม่อยู่ เขาจะนอนหลับลงได้เช่นไร
ดีที่เห็นนางกลับมาอย่างปลอดภัย มิฉะนั้นจวินหย่วนโยวต้องรื้อทั้งพระราชวังแน่
หยุนถิงสัมผัสถึงการกระทำรุนแรงของสามี เจ็บจนนางขมวดคิ้วอยู่บ้าง กลับไม่ได้ผลักจวินหย่วนโยวออก ปล่อยเขาจูบไป
หลังผ่านไปนาน จวินหย่วนโยวถึงสิ้นสุดจูบนี้ลง มองทางหยุนถิงที่แอบอิงในอ้อมอกตนเองแล้วหายใจหอบ จวินหย่วนโยวกดนางไว้โดยตรง
“ถิงเอ๋อร์ คืนนี้ถ้าไม่เช่นนั้นพวกเรา——”
สบสายตาร้อนแรงคู่นั้นของจวินหย่วนโยว ความเร่งรีบอันเร่าร้อน ทั้งหัวใจหยุนถิงประหม่าแทบไม่ไหว
“ท่านพี่อย่าดื้อ ลูกๆ ยังนอนอยู่ แบบนี้ไม่ดี”
“พวกเขาหลับกันหมดแล้ว พวกเราไปห้องด้านข้าง ก่อนหน้านี้เจ้าปฏิเสธข้าเพราะข้าขาไม่ดี ตอนนี้ขาข้าก็หายเป็นปกติแล้ว ลูกๆ ก็นอนหลับแล้ว ควรชดใช้หนี้ที่ค้างไว้หรือไม่”
หยุนถิงเพิ่งอยากจะพูดอะไร ตัวคนก็ถูกจวินหย่วนโยวอุ้มขึ้นมา ลงจากเตียงไปโดยตรง เดินไปที่ห้องด้านข้าง
ห้องนี้เดิมทีมีสามห้อง ตรงกลางเป็นโถงใหญ่ ซ้ายขวามีอย่างละห้อง ห่างไปใกล้มาก มีเสียงเคลื่อนไหวอะไรก็สามารถได้ยินทันที
“ท่านพี่ ข้าปฏิเสธได้หรือ?”