จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 658 ไม่ใช่ว่าข้าคิดถึงท่านมากเหลือเกินหรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 658 ไม่ใช่ว่าข้าคิดถึงท่านมากเหลือเกินหรือ
หยุนถิงเห็นหยุนหลีที่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก ประทับใจยิ่งนัก เข้ามากอดนางเอาไว้
“ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าสบายดีมาก ยัยเด็กโง่เจ้ามาได้เยี่ยงไรเล่า ระหว่างทางคงลำบากมากกระมัง เหตุใดไม่ส่งจดหมายมาหาก่อนล่วงหน้า ข้าจักได้ให้คนไปรับเจ้า?” หยุนถิงถามอย่างเป็นห่วง
“พี่หญิง เดิมทีข้าตามพี่เขยซื่อจื่อมา แต่กลางทางเกิดท้องเสีย คนของพี่เขยซื่อจื่อพวกเขาเดินไวเสียเหลือเกิน ข้าจึงหลงทางแล้ว
โชคดีท่านอาช่วยข้าไว้แล้ว มิฉะนั้นข้าคงไม่ได้เจอท่าน พี่หญิงข้าคิดถึงท่านมากนักเชียว สองปีนี้ท่านไปที่ใดกันแล้ว เพราะเหตุใดไม่กลับมา ท่านพ่อกับพี่หญิงสาม และพี่ใหญ่พวกเขาล้วนคิดถึงท่านมาก” หยุนหลีถามอย่างฮึกเหิม
“ถิงเอ๋อร์ พาหยุนหลีไปห้องด้านข้างเถิด พวกเจ้าสองพี่น้องจะได้รำลึกความหลังกัน หลงซื่อเจ้าไปหาชาร้อนกับขนมมาเสียหน่อย!” จวินหย่วนโยวเดินออกมาจากด้านในห้อง
หยุนถิงถึงปล่อยมือที่กอดหยุนหลีไว้ออก “อืม ได้!”
วินาทีต่อมา หยุนถิงหันหน้ามองทางจวินหย่วนโยวด้วยหน้าตาอึมครึม “ท่านพี่ เหตุใดท่านไม่รอหยุนหลี หรือว่าพานางมาด้วย ยังทำให้นางหลงทางแล้วด้วย?”
จวินหย่วนโยวทำหน้าไร้ความผิด “ถิงเอ๋อร์ ข้าไม่รู้ว่าหยุนหลีจะตามมาด้วย ตอนนั้นข้าได้รับจดหมายว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ อยากรีบเข้าไปหาโดยเร็วที่สุด ฉะนั้นจึงให้คนเร่งเดินทางอย่างรวดเร็วที่สุด ถ้ารู้ว่าหยุนหลีตามมาด้วย ข้าต้องให้คนพานางมาด้วยกันเป็นแน่ จะไม่ทิ้งนางไว้คนเดียวเป็นอันขาด”
“พี่หญิงท่านอย่าโทษพี่เขยซื่อจื่อเลย เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ ตอนนั้นเขาให้คนไปส่งจดหมายที่จวนตระกูลหยุน บอกว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าจึงตัดสินใจไปหาท่าน
สองปีนี้ที่ท่านไม่อยู่ จวนตระกูลหยุนไร้ชีวิตชีวา ท่านพ่อล้มป่วยหนัก พี่หญิงสามก็ทำงานยุ่งที่ร้านเนื้อย่าง พลางให้คนสืบหาข่าวของท่านไปด้วย และยังต้องดูแลท่านพ่ออีก
อยู่ในตระกูลข้าช่วยอะไรไม่ได้ ฉะนั้นข้าจึงคิดจะไปหาท่านด้วยตนเอง มองเห็นท่านปลอดภัยไม่เกิดเรื่องอะไร ข้าก็วางใจแล้ว” หยุนหลีรีบอธิบาย
หยุนถิงปวดใจยิ่งนัก “เจ้ายัยเด็กนี่ ต่อไปห้ามทำเรื่องเหลวไหลปานนี้อีก ถ้าเจออันตรายจักทำเช่นไรเล่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เจ้าจงรออยู่ที่จวนอย่างสบายใจ ข้าทำธุระเสร็จย่อมจะกลับไปหาพวกเจ้าเอง”
“อืม ไม่ใช่ว่าข้าคิดถึงท่านมากเหลือเกินหรือไรเล่า” หยุนหลีดีใจจนน้ำตานองหน้า
“ไปเถิด ไปห้องด้านข้าง เด็กๆ เพิ่งนอนหลับ พรุ่งนี้ให้เจ้าเจอพวกเขาเสียหน่อย” หยุนถิงดึงหยุนหลีแล้วเดินไป
“เด็ก พี่หญิงท่านคลอดแล้วหรือ อ่อจริงด้วย นี่มันสองปีแล้ว ผู้ชายหรือผู้หญิง หน้าตาคล้ายท่านหรือคล้ายพี่เขยซื่อจื่อ?” หยุนหลีถาม
“ชายคนหญิงคน ลูกชายคล้ายพี่เขยเจ้า ลูกสาวคล้ายข้า” หยุนถิงพาหยุนหลีไปห้องด้านข้าง
สองพี่น้องไม่ได้เจอหน้ากันสองปี ย่อมมีเรื่องราวมากมายให้พูดคุย พอคุยก็คุยกันจนฟ้าสว่าง
ส่วนเสวี่ยเชียนโฉวที่รออยู่บนกำแพงเห็นว่าฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว หยุนหลียัยเด็กนี่ยังไม่ออกมา ต้องลืมตนเองไปแล้วเป็นแน่ ช่างใจร้ายเสียจริง
เหล่าองครักษ์เงามังกรที่กำแพงก็มองเขาไว้อยู่ คุมเชิงซึ่งกันและกัน
จนกระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา สองพี่น้องพูดคุยกันมาทั้งคืน หยุนหลีก็ง่วงเช่นกัน หยุนถิงให้คนนำผ้าห่มใหม่มาให้ ช่วยคลุมให้นาง หยุนหลีนอนลงแล้วหลับไปทันที เดิมทีก็ลืมท่านอาเสียสนิท
ตอนที่หยุนถิงออกมา ช่วยนางปิดประตูให้ดี ถึงได้ยินหลงซื่อบอกเรื่องของเสวี่ยเชียนโฉว หยุนถิงทั้งจำใจทั้งตลก รีบไปที่กำแพงโดยเร็ว
อยู่บริเวณไกลๆ มองเห็นเสวี่ยเชียนโฉวนั่งอยู่บนกำแพง ประหนึ่งเหลืออยู่ตัวคนเดียวปักหลักอยู่ตรงนั้น น่าขันเสียจริง หยุนถิงรีบเอ่ยปาก
“เจ้าอุทยานเสวี่ยขอโทษด้วยเจ้าค่ะ หยุนหลีไม่ได้บอกกับข้าว่าท่านก็มาด้วย ข้ายังคิดว่านางมาเพียงคนเดียว เชิญเข้ามาเถิด ขอโทษท่านด้วย รีบยกชาเข้ามาเร็ว ทำของกินเข้ามาด้วย” หยุนถิงเอ่ยปาก
เสวี่ยเชียนโฉวถึงกระโดดลงจากบนกำแพง สีหน้าเย็นเยือกเฉยชา “รบกวนแล้ว หยุนหลีเล่า?”
น้ำเสียงดูหงุดหงิดและอดกลั้นพอสมควร ไม่ว่าผู้ใดมาเจอเรื่องแบบนี้ก็อัดอั้นตันใจมากพอเช่นกัน
“นางหลับไปแล้ว พวกเราคุยกันทั้งคืน ยัยเด็กนี่เดินทางมาเหนื่อยล้า ข้าจึงให้นางนอนไปแล้ว” หยุนถิงตอบ
เวลานี้เสวี่ยเชียนโฉวโมโหจนหน้าซีดแล้ว “นางยังไม่รู้จักคิดเสียจริง”
ลืมตนเองไปแล้วยังถือว่าไม่เป็นอะไร คาดไม่ถึงยังนอนหลับอย่างไม่สะทกสะท้าน เสียแรงที่เขายังคุ้มครองนางเข้ามาตลอดทาง
หยุนถิงเห็นใจเสวี่ยเชียนโฉวเสียจริง “เจ้าอุทยานเสวี่ยอภัยให้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ น้องหญิงสี่คนนี้ของข้าไม่ละเอียดรอบคอบ นางไม่ได้เห็นท่านเป็นคนนอก ฉะนั้นถึงนึกไม่ได้ แต่ว่าพูดไปแล้ว เหตุใดเจ้าอุทยานเสวี่ยถึงมากับหยุนหลีได้?”
“ข้ามาทำธุระ เดินผ่านป่าแห่งหนึ่งเข้าพอดี เจอหยุนหลีโดนคนรังแกจึงถือโอกาสช่วยนางไว้ คิดว่านางเป็นผู้หญิงคนเดียวเดินทางมาคงไม่ปลอดภัย จึงคุ้มครองนางมาส่งแล้ว” เสวี่ยเชียนโฉวเล่าเรื่องราวง่ายๆ ออกมา
เดิมเขาไม่คิดจะบอก แต่ทำอะไรมิได้คนของจวินหย่วนโยวระแวงเขาหนักเกินไป หยุนถิงเป็นคนที่ให้ท้ายคน หากรับรู้ว่าตนเองช่วยน้องสาวนางไว้ น่าจะให้ตนเองอยู่ที่นี่ต่อกระมัง
ชั่วขณะนั้นสีหน้าของหยุนถิงเย็นเยือกดุจน้ำค้างแข็ง ดวงตาดูน่าสะพรึงกลัวและแหลมคม “คนตัดฟืนระยำคาดมิถึงทำเรื่องพรรค์นี้กับหยุนหลีได้ ฆ่ามันแล้วยังใจดีกับมันเกินไปด้วยซ้ำ ขอบพระคุณเจ้าอุทยานเสวี่ยที่ลงมือช่วยไว้เจ้าค่ะ บุญคุณนี้ข้าจะจำเอาไว้”
“คุณหนูหยุนไม่ต้องเกรงใจ”
เสวี่ยเชียนโฉวตามไปที่ห้องโถงใหญ่ เด็กทั้งสองตื่นมาไม่เห็นมารดาก็ร้องไห้ครู่หนึ่ง หยุนถิงได้ยินเสียงร้องไห้จึงให้หลงซื่อพาเสวี่ยเชียนโฉวไปพักผ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยืนอยู่บนกำแพงมาทั้งคืนคงเหนื่อยมาก
เสวี่ยเชียนโฉวไม่เกรงใจเหมือนกัน หนาวจนแข็งมาทั้งคืนเขาอยากหาสถานที่อบอุ่นพักผ่อนเสียหน่อยจริงๆ จึงตามหลงซื่อไป
ส่วนที่พระราชวังแคว้นเทียนจิ่ว
เช้าตรู่ ฮวนกุ้ยเหรินสั่งสาวใช้หอบดอกไม้สองกระถางไปเยี่ยมเซียวเฟย พอเห็นฝ่าบาทอยู่ ฮวนกุ้ยเหรินรีบแสดงความเคารพ
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันได้ยินว่าเซียวเฟยหมดสติแล้วจึงตั้งใจเข้ามาเยี่ยมเพคะ ท่านพี่หญิงยังไม่ฟื้นหรือเพคะ?”
“ลุกขึ้นเถิด หมอหลวงบอกว่าเจ็บหนักมาก ยังไม่ฟื้นขึ้นมา” ฮ่องเต้ไม่ได้หันหน้ามา ทรงเฝ้าอยู่ข้างเตียงทั้งคืนมาตลอด
“ฝ่าบาททรงรักษาพระพลานามัยด้วยเพคะ เซียวเฟยจะต้องไม่เป็นอะไร หม่อมฉันตั้งใจนำดอกไม้ที่ปกตินางชื่นชอบที่สุดสองกระถางมาให้เพคะ บางทีได้กลิ่นที่นางคุ้นเคยที่สุดท่านพี่หญิงอาจจะฟื้นขึ้นมาเร็วหน่อย!” ฮวนกุ้ยเหรินยกเข้ามา
ฮ่องเต้มองดอกไม้นั้นแวบหนึ่ง เป็นดอกที่ปกติเซียวเฟยชื่นชอบจริงๆ “เจ้ามีน้ำใจจริง วางไว้เถิด”
ฮวนกุ้ยเหรินรีบวางไว้ทางหน้าต่างที่ห่างจากหัวเตียงใกล้ที่สุด “เช่นนั้นหม่อมฉันไม่รบกวนฝ่าบาทแล้วเพคะ หม่อนฉันทูลลาเพคะ!”
“อืม!”
วินาทีนั้นที่ฮวนกุ้ยเหรินออกไปจากตำหนัก มุมปากเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะขึ้น ดอกไม้สองกระถางนั้นนางจงใจโรยผงยามากมายลงไป ในใจภาวนาว่าดีที่สุดชาตินี้ขอให้เซียวเฟยไม่ต้องฟื้นขึ้นมาเลย
ตั้งแต่เช้าตรู่มามาคนสนิทของฮองเฮาก็เข้ามาส่งผ้าห่ม และเสื้อผ้าใหม่หลายชิ้น ยังมีเครื่องของที่จำเป็นทั่วไป ล้วนจัดวางเป็นระเบียบ
หนึ่งวันนี้ พระสนมมากมายเข้ามาปลอบใจถามไถ่ เข้ามาส่งของมากมาย แสดงความห่วงใย มีเพียงลั่วผินที่ไม่ได้ไป
“เป็นสวรรค์ทรงเมตตาเสียจริง หญิงใจดำอำมหิตเยี่ยงนั้นคาดไม่ถึงโดนไม้คานทับจนล้ม ช่างดีเสียจริง ดีที่สุดทับนางให้ตายเลย!” ลั่วผินพูดอย่างระบายความโกรธ
“เหนียงเหนียงท่านต้องพูดเบาๆ หน่อยนะเจ้าคะ คำพูดนี้ถ้าแพร่ออกมา ฝ่าบาทคงไม่ทรงปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน” สาวใช้เตือนเบาๆ
“น้องหญิงนี่อารมณ์ร้อนมากเสียจริงเชียว” ฮวนกุ้ยเหรินเดินเข้ามาแล้วบอก
พอลั่วผินเห็นว่าเป็นนาง จึงไม่ได้สนใจ “ถึงแม้ข้าจะยังไม่มีหลักฐาน แต่ข้าแน่ใจว่าคนที่วางยาพิษข้าก็คือเซียวเฟย แค้นนี้ข้ามิลืมเด็ดขาด”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้มีโอกาสแล้ว ไม่รู้ว่าน้องหญิงกล้าหรือไม่?”