จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 662 เจ้าเป็นเมียข้า
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 662 เจ้าเป็นเมียข้า
หยุนหลีสีหน้าประหลาดใจ “ท่านอา ท่านเกล้าผมเป็นด้วยรึ?”
เสวี่ยเชียนโฉวสีหน้ากระดาก “เป็นนิดหน่อย”
“เช่นนั้นท่านอา ท่านรีบเกล้าให้ข้าเร็ว เกล้าให้งามที่สุดเลยนะ” หยุนหลีบอกอย่างยินดี
“ได้” เสวี่ยเชียนโฉวตามหยุนหลีเข้าไปในห้อง หยิบหวีมาหวีผมนางให้ตรง
นิ้วมือของเสวี่ยเชียนโฉวแตะไปที่เส้นผมดำราวกับหมึกของนาง มันอ่อนนุ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ การกระทำของเขาอ่อนโยน ระมัดระวัง เหมือนกำลังทะนุถนอมสมบัติล้ำค่าบางอย่างอยู่
ในห้องเงียบสนิท เสวี่ยเชียนโฉวได้ยินกระทั่งเสียงหัวใจตนเองเต้นรัวเร็ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหวีผมให้สตรี อันที่จริงเขาหวีผมไม่เป็น แค่เคยเห็นท่านแม่หวีตอนเด็กๆ
“ท่านอา ท่านเก่งมากเลย รู้มากขนาดนี้” หยุนหลีชม
เสวี่ยเชียนโฉวรู้สึกกระดากขึ้นมา เดิมเขายังอยากอธิบาย พอหยุนหลีพูดอย่างนี้ เขาก็กระดากที่จะยอมรับว่าตนทำมิเป็นแล้ว
เพียงแต่เขาหวีมานานขนาดนี้ ก็แค่หวีตรง ทำหยุนหลีนั่งไม่ติดแล้ว
“ท่านอา เร็วหน่อยสิ ข้าอยากออกไปเดินเล่นแล้วนะ” หยุนหลีเร่งเร้า
“ได้!”
เสวี่ยเชียนโฉวจัดการเกล้าขึ้นมาดื้อๆ หากเพราะเป็นครั้งแรก มือของเขางกๆเงิ่นๆ ทำอยู่นานก็ทำไม่ดี
หยุนหลีมองผมตนเองในกระจกที่ยุ่งเหมือนรังนกแล้วสีหน้าเย็นชาลง “ท่านอา ท่านจงใจกระมัง”
“ไม่ใช่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าหวีผมให้สตรี ไม่ค่อยคุ้นชินน่ะ” เสวี่ยเชียนโฉวอธิบาย
หยุนหลีรู้สึกอบอุ่นนัก ที่แท้ก็เป็นครั้งแรกนี่เอง ครั้งแรกก็มาหวีผมให้ตน หยุนหลีซาบซึ้งใจนัก
“งั้นท่านก็ทำเถอะ ขอแค่ออกไปข้างนอกได้ก็แล้วกัน”
“ตกลง!”
หยุนถิงที่อยู่ด้านนอกเดิมอยากมาถามว่าหยุนหลีอยากไปเที่ยวเล่นที่ไหนไหม พอเดินถึงหน้าประตูก็เห็นภาพนี้เข้า หยุนถิงตกตะลึงไปเลย
เจ้าอุทยานแห่งเรือนตระกูลเสวี่ยกลับมาหวีผมให้สาวน้อยนางหนึ่ง เสวี่ยเชียนโฉวกลับทำได้ หยุนถิงอดเลื่อมใสไม่ได้
ดูท่าเธอไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งงานของหยุนหลีแล้วล่ะ
หยุนถิงไม่ได้เข้าไป แต่กลับหมุนตัวจากไปแทน
“ถิงเอ๋อร์ ตอนกลางคืนพาเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหยียนไปเดินเล่นดีหรือไม่?” จวินหย่วนโยวถาม
“เทศกาลครึกครื้นเช่นนี้ พาพวกเขาออกไปเดินเล่นเถอะ แต่ต้องส่งคนไปอารักขาลับๆให้ดี ข้ากลัวว่าผิงหนานอ๋องจะลงมือในคืนนี้ เพราะก่อนหน้านี้เขาล้มเหลว!” หยุนถิงตอบ
“วางใจเถอะ ข้าเตรียมการไว้แล้ว เจ้ากับลูกๆเล่นกันให้สนุกก็พอ” จวินหย่วนโยวตอบ
“ท่านพี่คิดได้รอบคอบนัก”
ตกกลางคืน ตอนทุกคนทานอาหารเย็น หยุนถิงตั้งใจหันมองทรงผมของหยุนหลี “ทรงผมมิเลวนี่ สวยมาก”
ไม่คิดเลยว่าเสวี่ยเชียนโฉวจะมีฝีมือเช่นนี้ด้วย
หยุนหลีพูดอย่างภูมิใจ “ท่านอาหวีให้ข้าเองเลยนะ เขาทำทั้งวันเลยล่ะ”
เสวี่ยเชียนโฉวสีหน้ากระดากอาย “ทำครั้งแรก เลยเสียเวลามากไปหน่อย ลำบากทุกคนแล้ว”
“ไม่นี่ สวยดี ซื่อจื่อยังไม่เคยเกล้าผมให้ข้าเลยนะ” หยุนถิงแกล้งพูด
จวินหย่วนโยวโดนเรียกชื่อ เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว “ถิงเอ๋อร์ ข้าเลินเล่อเอง อีกครู่กินข้าวเสร็จแล้วข้าจะช่วยเกล้าผมให้เจ้านะ”
พอคำพูดนี้ออกมา คนอื่นขบขันไปตามๆกัน
“พี่เขยซื่อจื่อ ที่แท้ท่านกลัวพี่หญิงใหญ่ข้าขนาดนี้เชียวรึ” หยุนหลีกระเซ้า
“ไม่ได้กลัว เคารพรักนาง!” จวินหย่วนโยวย้อน
“โอ้โย่โหย พี่เขยหาช่องทางไว้หน้าตนเองได้ดีนะ”
“เจ้าเห็นด้วยรึนี่!” หยุนถิงกระเซ้า
“อิจฉาความรักของพี่หญิงใหญ่กับพี่เขยซื่อจื่อจริงๆ” หยุนหลีพูดอย่างอิจฉา
หยุนถิงเหล่มองเสวี่ยเชียนโฉว “เดี๋ยวเจ้าก็เจอเหมือนกันน่ะ”
“ข้าก็ว่าข้าต้องได้เจอแน่”
พวกหยุนถิงกินข้าวเย็นด้วยกัน เยว่เอ๋อร์และซูหลินเก็บข้าวของ เตรียมของจำเป็นให้เด็กสองคน จากนั้นพวกหยุนถิงก็ออกจากจวน
ท้องถนนคืนนี้คึกคักเป็นพิเศษ รถม้าผ่านไปมาไม่ขาดสาย ร้านค้าเปิดเต็มสองข้างทางของถนน ต่างพากันร้องเรียกลูกค้าอย่างขยันขันแข็ง บนถนนมีชายหนุ่มหญิงสาวอ่อนเยาว์มากมาย ในมือล้วนถือปิ่นดอกไม้ รอยยิ้มเต็มใบหน้า ล้วนแต่กำลังมองหาคนในใจตนเอง
“ท่านพี่ คืนนี้ครึกครื้นนัก หากมิได้พาลูกมา ข้าออกมาเดินกลางถนนนี่ ไม่แน่ว่าอาจมีใครมามอบปิ่นดอกไม้ให้ข้าก็ได้นะ” หยุนถิงเย้า
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชาลงทันที “อย่าคิดเลย เจ้าเป็นเมียข้า ใครกล้ามามอบปิ่นดอกไม้ให้เจ้ากัน”
น้ำเสียงทรงอำนาจอย่างห้ามโต้แย้งคัดค้าน
หยุนถิงมุมปากกระตุก “ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง อีกอย่างคนอื่นเขาเป็นชายหญิงที่ยังมิได้แต่งงาน ข้าพาลูกมาด้วยนี่ใครมันจะตาถั่วเพียงนั้น”
“จะว่าไปก็จริง” จวินหย่วนโยวเห็นด้วย
หยุนถิงมองเห็นเกาลัดคั่วน้ำตาลที่ห่างไปไม่ไกลพอดี “ท่านพี่ ข้าอยากกิน”
“ได้ ข้าไปซื้อให้เอง” จวินหย่วนโยวอุ้มเสี่ยวเทียนไปซื้อ
หยุนถิงเห็นร้านค้าน้ำตาลข้างๆอีก “ท่านแม่ กินน้ำตาล!” เสี่ยวเหยียนชี้นิ้วบอก
“ท่านแม่พาเจ้าไปซื้อเอง” หยุนถิงบอกกับจวินหย่วนโยว ก่อนเดินไปร้านค้าฝั่งตรงข้าม
สุดท้ายยังไม่ทันได้ซื้อน้ำตาล ก็มีบุรุษสองคนเดินเข้ามา ท่าทางขวยอายแต่ทำใจกล้าพูดขึ้นว่า “แม่นาง ข้าสามารถมอบปิ่นดอกไม้ให้เจ้าได้หรือไม่?”
หยุนถิงตะลึง มองซ้ายขวาไม่มีคนอื่น “เจ้าแน่ใจว่าจะให้ข้ารึ?”
“ใช่” บุรุษผู้หนึ่งตอบ
หยุนถิงกระดาก ไม่คิดว่ามีลูกแล้วยังโดนจีบอีก พอนึกได้ว่าจวินหย่วนโยวอยู่ด้านหลังห่างไปไม่กี่เมตร เธอแกล้งถามว่า “แต่ข้ามีลูกด้วยนะ เจ้าไม่ถือรึ?”
“แค่ลูกสาวคนเดียว ข้าไม่ถือดอก สมัยนี้พาลูกออกเรือนด้วยมีถมไป เจ้าจะพิจารณาข้าสักหน่อยได้หรือไม่?” บุรุษอีกคนบอก
พอคำนี้ออกมา ชายผู้นั้นเพียงรู้สึกถึงสายตาเย็นเยียบคู่หนึ่งมองตนจากด้านหลัง พอเขาหันไปมองก็สบเข้ากับดวงตากระหายเลือดเหี้ยมเกรียมคู่นั้นของจวินหย่วนโยวพอดี สายตานั้นทั้งเหี้ยมโหด กระหายเลือดราวกับจะสับเขาเป็นหมื่นๆชิ้น ชายผู้นั้นตกใจจนสีหน้าซีดเผือด รีบลนลานหนีไป
ชายอีกผู้หนึ่งเห็นสถานการณ์ไม่ดี รีบหนีไปเหมือนกัน
จวินหย่วนโยวถึงดึงสายตากลับ พลางมองหยุนถิงอย่างไม่ชอบใจ “สนุกมากรึ?”
“สนุกดีนะ ข้าไม่เคยมาเทศกาลชีซีนี่นา ท่านก็รู้ว่าเมื่อก่อนชื่อเสียงข้าแย่แค่ไหน อย่าว่าแต่มีบุรุษมอบปิ่นดอกไม้ให้ข้าเลย แค่มองข้ามากหน่อยพวกเขายังรู้สึกคลื่นไส้เลย จู่ๆโดนคนเข้ามาจีบ ก็รู้สึกสนุกดีนะ” หยุนถิงอธิบาย
ความโกรธของจวินหย่วนโยวมลายหายไปทันที เพิ่มประกายปวดใจมามากขึ้น มือใหย่ดึงหยุนถิงเข้าอ้อมกอด “เมื่อก่อนข้าสะเพร่าเอง เทศกาลชีซีของทุกปีต่อไปข้าจะร่วมงามเป็นเพื่อนเจ้าเอง”
หยุนถิงซาบซึ้งใจนัก “ตกลง!”
จากนั้นจวินหย่วนโยวส่งสายตาให้หลิงเฟิง หลิงเฟิงเข้าใจทันที ผลันร่างจากไป
ในที่ลับ มีหลายสิบคนจับตาดูความเคลื่อนไหวของทางนี้ มองเห็นรอบกายจวินหย่วนโยวและหยุนถิงรายล้อมไปด้วยองครักษ์ลับและองครักษ์เงามังกรมากมายอารักขา คนพวกนั้นกำลังรอโอกาสลงมือ
ทันใดนั้นจู่ๆด้านหน้า บนรถม้าคันหนึ่ง สตรีหลายคนแต่งงานเย้ายวนงดงาม ในมือถือตะกร้าดอกไม้ กำลังโปรยดอกไม้ลงมา
ผู้คนที่รายล้อมมิเคยเห็นเช่นนี้มาก่อน ยินดียิ่งนัก พากันมองมา
หยุนถิงได้กลิ่นในอากาศ สีหน้าเย็นชาลงทันที “กลิ่นดอกไม้นี้มีพิษ ทุกคนรีบกลั้นหายใจเร็ว!”
พอหยุนถิงตะโกน ก็ยกมือปิดปากเสี่ยวเหยียนในบัดดล จวินหย่วนโยวก็ปิดจมุกและปากของเสี่ยวเทียนเหมือนกัน ดวงตาดำขลับดุจราตรีพุ่งมองไปทางสตรีที่กำลังโปรยดอกไม้คนนั้นทันที