จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 665 ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลือรักนางให้ดี
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 665 ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลือรักนางให้ดี
เดินไปได้ถนนหนึ่ง มือของหยุนหลีกับเริ่นเซวียนเอ๋อร์สองคนถือข้าวของเต็มไปหมด และเดินมาถึงงานปิ่นดอกไม้แล้ว
ตอนนี้บนพื้นที่ว่างขนาดใหญ่นั้นเนืองแน่นไปด้วยผู้คน คึกคักยิ่งนัก เต็มไปด้วยชายหนุ่มหญิงสาวมากมาย พวกเขาพากันแลกเปลี่ยนปิ่นดอกไม้แล้ว
“ว้าว คนมากมายขนาดนี้ คึกคักจริงๆเลย ข้าต้องดูให้ดีๆเสียแล้ว คนไหนหล่อเหลาที่สุด” หยุนหลียินดีนัก
เริ่นเซวียนเอ๋อร์เองก็มีสีหน้าประหลาดใจ “ไม่คิดเลยว่าเทศกาลชีซีจะมีคนมากมายขนาดนี้”
“เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่มิใช่รึ ไม่รู้เรื่องเลยรึ?” หยุนหลีถาม
“ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ข้าไม่สนใจเทศกาลนี่นา ข้าแค่ชอบตัวยา ดังนั้นเทศกาลชีซีเวลาคนมากของทุกปีข้าอยู่แต่ในจวน แต่ปีนี้เจ้ามาทั้งที ข้าถึงมาเป็นเพื่อนเจ้าไง” เริ่นเซวียนเอ๋อร์อธิบาย
“ไม่คิดว่าเจ้าจะให้เกียรติข้าเพีนงนี้ ขอบคุณมาก แต่เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว อาศัยตอนนี้คนมีมากนักก็เลือกให้ดีๆ ไม่เช่นนั้นของดีจะโดนคนอื่นเลือกไปหมด แล้วเหลือแค่พวกตาสีตาสา คราวนี้เจ้ามาเสียใจก็ไร้ประโยชน์แล้ว” หยุนหลีกระเซ้า
“หยุดเลย เหตุใดเจ้าก็พูดเช่นนี้ ข้าไม่อยากหาเรื่องตาย! อย่ามาเกลี้ยกล่อมให้ข้ากระโดดเข้ากองไฟเลย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ย้อน
หยุนหลีเห็นนางดื้อรั้น เลยไม่พูดอะไรอีก “เช่นนั้นเจ้าก็อยู่กับพวกตัวยาของเจ้าไปทั้งชาติแล้วกัน ข้าจะตั้งใจหาล่ะ”
เสวี่ยเชียนโฉวได้ยินคำพูดนาง สีหน้าดำทะมึนยิ่งนัก ไม่พูดไม่จา เดินตามหลังหยุนหลี
ไม่นานหยุนหลีก็เจอบุรุษหน้าตาหล่อเหลามาก “ท่านอา เอาปิ่นดอกไม้ให้ข้าหน่อย”
เสวี่ยเชียนโฉวยื่นถุงมาให้ พอหยุนหลีเห็นถุงกระสอบ ก็อึ้งไปเลย “ท่านอา ทำไมถุงว่างเปล่าล่ะ ปิ่นดอกไม้ของข้าล่ะ?”
เสวี่ยเชียนโฉวทำหน้างุนงง “ข้าไม่รู้”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ท่านแบกมาตลอดไม่รู้สึกอะไรเลยรึ?” หยุนหลีคว้าถุงมาตรวจดูทันที สุดท้ายก็เป็นที่ท้ายถุงมีรูใหญ่มาก
“อาจเพราะคอยจ่ายเงินตลอด เลยไม่ได้สังเกต” เสวี่ยเชียนโฉวอธิบาย
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ของทุกอย่างที่หยุนหลีกับเริ่นเซวียนเอ๋อร์ซื้อล้วนเป็นเงินของเสวี่ยเชียนโฉวทั้งนั้น
หยุนหลีสีหน้าตึงเครียด ถลึงตาใส่อย่างโกรธขึ้ง “ท่านอา ท่านจงใจกระมัง ถุงกระสอบใหญ้ขนาดนี้น้ำหนักเบาลง ท่านกลับไม่สังเกตเลยรึ”
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ยืนดูอยู่ข้างๆอย่างนึกสนุก ไม่คิดว่าท่านอาคนนี้จะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ นางมองมาอย่างครุ่นคิด
“หยุนหลีไม่ต้องโกรธหรอก บางทีท่านอาของเจ้าอาจจะไม่ได้ตั้งใจจริงๆก็ได้ ไม่เป็นไรดอก ข้าคิดหาหนทางหาปิ่นดอกไม้มาให้เจ้านะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ปลอบ และเห็นคนรู้จักอยู่ไม่ไกลพอดี
องค์หญิงหลันรั่วพาสาวใช้คนสนิทเดินเข้ามาหา นางให้สาวใช้หิ้วปิ่นดอกไม้มาสองถุงใหญ่ ถึงนางจะเป็นองค์หญิง ต่อไปต้องแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรี แต่เป็นเทศกาลชีซีทั้งที หลันรั่วก็ออกมาร่วมเทศกาลด้วยเหมือนกัน
เริ่นเซวียนเอ๋อร์รีบเดินเข้าไปหาทันที “หลันรั่วเจ้ามางานด้วยรึ ขอข้ายืมปิ่นดอกไม้สักหน่อยเร็ว”
องค์หญิงหลันรั่วมองนาง “พี่หญิงสาม ท่านไม่ชอบงานเทศกาลเช่นนี้ที่สุดมิใช่รึ เหตุใดจึงมาเล่า?”
“เพื่อนมาเยือน ข้ามาเป็นเพื่อนนาง เจ้าจะมอบให้ใครหรือไม่ก็เหมือนกัน ให้ข้าแล้วกัน” เริ่นเซวียนเอ๋อร์คว้าถุงหนึ่งจากมือสาวใช้มาเลย
หลันรั่วใบ้กินฉับพลัน “พี่หญิงสาม ท่านอย่าพูดความจริงเรื่องนี้ออกมาได้หรือไม่ ปีหนึ่งมีแค่วันนี้วันเดียว ให้ข้าเล่นสนุกหน่อยมิได้รึ”
“ได้ เจ้าตามสบายเลย เที่ยวให้สนุกนะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์หยิบถุงหนึ่งจากไป พุ่งเข้าหาหยุนหลีทันที “เอ้า มอบให้คนอื่นตามสบายเลย”
“เจ้านี่รักกันจริง ขอบใจนะ” หยุนหลีรับมาอย่างซาบซึ้ง
เสวี่ยเชียนโฉวปวดหัวเลยทีนี้ เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่ต้องรักสหายขนาดนี้ได้หรือไม่
องค์หญิงหลันรั่วเห็นหยุนหลีแล้วเหมือนกัน แต่ว่าสายตากลับมาตกอยู่ที่เสวี่ยเชียนโฉวที่อยู่ข้างๆแทน
เขาอยู่ในชุดคลุมสีดำองอาจสง่างาม รูปร่างสูงโปร่งใหญ่ ราศียิ่งใหญ่ ใบหน้าเย็นชาคมปลาบ ดูเย็นชาและเหินห่าง แค่ดูก็รู้ว่ามิใช่คนธรรมดา
ถึงจะหน้าตาหล่อเหลา แต่ยังห่างชั้นจากคนในใจนางผู้นั้นเล็กน้อย
ส่วนหยุนหลีรับปิ่นดอกไม้ก็มอบให้คนทันที เพียงชายผู้นั้นยังไม่ทันรับ ก็รู้สึกได้ถึงสายตาเย็นเยียบทะมึนมองจ้องมาที่ตน ทำเอาเขาตกใจดึงมือที่ยื่นออกมากลับไป และรีบหนีไปเลย
เจอแบบนี้หลายคนติดๆกัน หยุนหลีไม่พอใจละ
“ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึ พวกเขาแต่ละคนทำหน้าราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน น่าตายนัก มีพวกตามีแววหรือไม่ ข้างดงามมากนะ”
“ใช่ พวกเขาตาไม่มีแววเอง” เสวี่ยเชียนโฉวเห็นด้วย
หยุนหลีมอบไปหลายอันก็มอบไม่ได้สักที เดือดดาลยิ่งนัก ยื่นถุงในมือให้เสวี่ยเชียนโฉวเลย “ท่านอา ให้ท่านหมดเลย!”
เสวี่ยเชียนโฉวชะงัก เหล่มองปิ่นดอกไม้นั่น ยื่นมือรับมา อารมณ์ดียิ่งนัก
พวกหยุนถิงเดินมาถึงพอดี จวินหย่วนโยวเห็นหลิงเฟิงพยักหน้าให้ตน รีบเอ่ยขึ้นทันที “ถิงเอ๋อร์ รอที่นี่นะอย่าขยับ รอข้าครู่หนึ่ง”
“ตกลง!” หยุนถิงไม่ได้ซักไซ้ ยื่นถุงน้ำป้อนเสี่ยวเหยียนเล็กน้อย
เด็กน้อยขลุกอยู่ในอ้อมแขนโม่เหลิ่งเหยียนอย่างว่านอนสอนง่าย หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดียิ่งนัก
หยุนหลีเห็นภาพนี้พอดี รีบพุ่งเข้ามาทันที พอเห็นโม่เหลิ่งเหยียน นางประหลาดใจมาก “ซวนอ๋อง ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“ผ่านมา เจอพี่หญิงใหญ่เจ้าพอดี” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ
เขาไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด และไม่อยากให้หยุนถิงลำบากใจ
“เป็นเช่นนี้นี่เอง สองปีมานี้ท่านหายไปไหนมารึ ข้าไม่ได้เจอท่านมาสองปีแล้วนะนี่?” หยุนหลีถาม
นางรู้แค่เพียงว่าโม่เหลิ่งเหยียนจากไป พอไปก็ไปถึงสองปี ไม่รู้เลยว่าเขาไปทำอะไร
เสวี่ยเชียนโฉวที่ตามมาสีหน้าบูดบึ้งตึง มือที่ถือถุงอยู่กำแน่นในบัดดล หรือว่านังหนูนี่ชอบซวนอ๋อง
โม่เหลิ่งเหยียนรับรู้ได้ถึงสายตาเป็นศัตรูของเสวี่ยเชียนโฉวอยู่แล้ว ดวงตาเย็นเยียบปรายมองมา แค่เพียงแวบเดียวโม่เหลิ่งเหยียนก็ดึงสายตากลับ
คนไม่เกี่ยวข้องกัน เขาไม่สนใจดอก
“ข้าไปเที่ยวทั้งสี่แคว้นมาน่ะ”
“ว้าว ไปมาหลายที่เลยสิ สนุกมากใช่หรือไม่ มีเรื่องน่าสนใจมากมาย วันหลังท่านเล่าให้ข้าฟังนะ” หยุนหลีไม่เห็นตนเองเป็นคนนอกเลย
“ไว้ข้าว่างจะเล่าให้ฟังแล้วกัน” อยู่ต่อหน้าหยุนถิง โม่เหลิ่งเหยียนไม่สะดวกจะปฏิเสธ เลยได้ตอบอย่างขอไปที
หยุนถิงเห็นสีหน้าดำหยั่งกับก้นหม้อของเสวี่ยเชียนโฉว ก็รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว พอจะพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงดังมาไม่ไกล
“วันนี้ ข้าจะอาศัยเทศกาลนี้ ข้าอยากมอบปิ่นดอกไม้พวกนี้ให้กับเมียข้า พวกเราแต่งงานกันมาสามปี แต่พรากจากกันสองปี ข้ารู้สึกผิดต่อเมียข้ายิ่งนัก
ข้ามิได้ทำหน้าที่สามีที่ดีและหน้าที่พ่อที่ดี ดังนั้นข้าจึงอยากบอกนางต่อหน้าทุกคนว่า ข้ารักนาง รักลูกๆของเรา ข้าจะใช้ชีวิตที่เหลือรักนางให้ดี ชดเชยให้นางกับลูกๆ อยู่กับนางจนผมขาว
ต่อไปเทศกาลชีซีของทุกปีข้าจะร่วมเทศกาลเป็นเพื่อนนาง ขอเพียงเหลือความทรงจำที่งดงามที่สุดไว้ในหัวใจนาง ความทรงจำอันงดงามของข้ากับนาง” จวินหย่วนโยวพูดเน้นทีละคำอย่างหนักแน่นเข้มงวด
พอพูดจบ เหนือหัวเขาก็มีฝนปิ่นดอกไม้หล่นลงมา ปิ่นดอกไม้นับไม่ถ้วนหล่นจากฟ้า ตกอยู่รอบกายจวินหย่วนโยว ตกลงกลางใจหยุนถิง