จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 667 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยู่ข้างหลังข้าไว้นะ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 667 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยู่ข้างหลังข้าไว้นะ
“ท่านพี่ ส่งคนตามฝูงงูที่หลบหนีนั่นไป จะเจอตัวคนบงการงูพิษเอง” หยุนถิงบอกทันที
“หลิงเฟิง!” จวินหย่วนโยวสั่ง
หลิงเฟิงรีบให้เหล่าองครักษ์ลับที่รับหน้าที่อารักขาในที่ลับตามฝูงงูเหล่านั้นไปทันที
พอหยุนหลีเห็นฝูงงูไปแล้ว ถึงถอนหายใจโล่งอก “พี่หญิงใหญ่ ท่านเก่งกาจนัก เหตุใดจู่ๆก็มีงูพิษมากมายขนาดนั้นเล่า?”
พอหยุนถิงหันกลับไปมองก็เห็นหยุนหลีที่เกาะหลังเสวี่ยเชียนโฉวราวกับหมีโคอาล่าพอดี เธอส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“น่าจะมีคนคิดใช้ฝูงงูต่อกรกับพวกเรา”
“ช่างชั่วร้ายนัก ใครกันที่ชั่วร้ายเพียงนี้?” หยุนหลีเดือดดาลนัก
“เจ้าลงมาจากหลังท่านอาเจ้าได้แล้ว!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์หิ้วงูพิษหลากหลายสีเดินเข้ามาหา
หยุนหลีถึงพึ่งนึกได้ และกระโดดลงจากหลังเสวี่ยเชียนโฉวทันที “ท่านอา ขอโทษด้วย ข้ามัวแต่กลัวจนลืมไปเลย”
“มิเป็นไร!” เสวี่ยเชียนโฉวตอบเสียงเรียบ เหล่มองเริ่นเซวียนเอ๋อร์อย่างเย็นชา
องค์หญิงสามผู้นี้ไม่รู้จักสังเกตอะไรเลยจริงๆ ตนกลับรู้สึกว่าฝูงงูพวกนี้มาได้เวลาพอดี อย่างน้อยพอหยุนหลีเจออันตรายก็รู้จักคิดถึงตน
พอหยุนหลีเงยหน้าขึ้นก็เห็นงูพิษในมือเริ่นเซวียนเอ๋อร์ “เจ้าเอางูพวกนั้นมาทำอะไร ไม่กลัวโดนกัดรึ?”
“พวกมันต้องกลัวข้าถึงจะถูก งูหลายตัวนี้เป็นงูพิษร้ายนัก โดนข้าตีสลบแล้ว จะได้เอาดีงูไปทำยาพอดี หากมิใช่หยุนถิงจัดการงูพิษพวกนี้ ข้ายังจับได้อีกหลายตัวเลยนะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เบ้ปากบอก
หยุนหลีถึงพึ่งนึกออก เริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้วิชาแพทย์ ดีงูน่ะเป็นยาดีเลย “เจ้าเอาไปไกลๆข้าหน่อย อย่าทำข้าตกใจ”
เริ่นเซวียนเอ๋อร์แกล้งยื่นงูไปแกว่งใกล้ๆหยุนหลี หยุนหลีรีบหลบหลังเสวี่ยเชียนโฉวทันที
เสวี่ยเชียนโฉวยิ้มมุมปาก แต่สีหน้าเย็นชายิ่งนัก เหล่มองเริ่นเซวียนเอ๋อร์ “องค์หญิงสาม ระวังความปลอดภัยด้วย”
หยุนถิงเห็นทั้งหมดนี้ในสายตา แน่ใจแล้วว่าเสวี่ยเชียนโฉวเป็นห่วงหยุนหลีจริงๆ คอยปกป้องนาง หยุนถิงก็วางใจละ
บนพื้นที่ว่างอันกว้างใหญ่ คนอื่นพากันหนีเอาชีวิตรอดไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่พวกหยุนถิง ทันใดนั้นก็มีคนชุดดำหลายร้อยคนลงมาจากบนฟ้า มือถือธนู ยิงใส่พวกเขาทันที
“ถิงเอ๋อร์ ระวัง!” จวินหย่วนโยวตะโกนเสียงดัง สีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำค้างแข็ง มือที่อุ้มจวินเสี่ยวเทียนแน่นขึ้น อีกมือก็ใช้กำลังภายในซัดคนที่โจมตีเข้ามากระเด็นออกไป
หยุนถิงสายตาเย็นเยียบ ควักปืนออกมาจากในมิติ ยิงกราดใส่คนเหล่านั้นทันที
ดวงตาดำขลับของโม่เหลิ่งเหยียนหรี่ลงเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวพลันเย็นถึงติดลบ “เสี่ยวเหยียน หลับตาลง” พูดพลางหันหัวเสี่ยวเหยียนเข้าหาหน้าอกตน
“อืม!” จวินเสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างว่าง่าย พลางหลับตาลง
เสวี่ยเชียนโฉวยื่นมือรั้งแขนหยุนหลีไว้ “ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น หลบด้านหลังข้าไว้นะ”
“ได้” หยุนหลีว่าง่ายสุดๆ
เพียงแต่เสวี่ยเชียนโฉวยังไม่ทันลงมือ ก็เห็นทุกคนควักของดำๆของออกมา ถือมือซ้ายขวาอย่างละอัน จากนั้นก็กราดยิงใส่คนที่ยิงธนูพวกนั้นเข้ามา
เสวี่ยเชียนโฉวไม่ได้ยินเสียงเลยสักนิด จากนั้นก็เห็นมือธนูเหล่านั้นต่างหยุดยิงจากนั้นร่วงลงมา และที่หน้าผากหรือหน้าอกของพวกเขาเลือดเนื้อสาดกระเซ็น และตายคาที่
นี่ทำให้เสวี่ยเชียนโฉวตกตะลึงและประหลาดใจยิ่งนัก เขาไม่เคยเห็นอาวุธลับเช่นนี้มาก่อน ไม่คิดเลยว่าจะมีอานุภาพขนาดนี้
“หยุนหลี พวกเรามาแข่งกัน ดูว่าใครฆ่าได้มากกว่ากัน” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เสนอ
“ตกลง” หยุนหลีเปิดฉากยิงทันที
“เรื่องแบบนี้จะขาดข้าได้อย่างไรกัน” หยุนถิงบอก
“ได้เลย เอาด้วยกัน” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เพิ่มความเร็วทันที
แค่ชั่วพริบตา มือธนูที่มาลอบยิงก็ตายไปกว่าครึ่ง
ส่วนจวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนต่างอุ้มเด็กไว้ มีแค่มือเดียว แต่ก็ไม่ได้ล่าช้ากว่า
“ไม่คิดเลยจริงๆ สองปีให้หลังพวกเรามาพบหน้ากันอีกครั้ง กลับมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกัน” จวินหย่วนโยวพูดเสียงเรียบ
“ทำไม เจ้ากลัวแพ้ให้ข้ารึ?” โม่เหลิ่งเหยียนท้า
“แพ้ให้เจ้า ฝันไปเถอะ!” จวินหย่วนโยวเร่งความเร็วขึ้น
โม่เหลิ่งเหยียนก็ไม่ยอมน้อยหน้า มือหนึ่งอุ้มจวินเสี่ยวเหยียนไว้ อีกมือยิงกราดทันที
ทันใดนั้นกลางอากาศ เสียงขลุ่ยขาดๆหายๆดังขึ้น เสียดแก้วหูเล็กน้อย
จวินหย่วนโยวที่กำลังยิงกราดอยู่พลันสีหน้าซีดเผือด คิ้วขมวดมุ่น สีหน้าทุกข์ทรมานนัก ไม่มีหนทางสู้กลับแล้ว
หยุนถิงสังเกตเห็นความผิดปกติของสามีทันที เธอรีบยื่นมือไปพยุงจวินหย่วนโยวไว้ “ท่านพี่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!” จวินเสี่ยวเทียนเองก็มองออกถึงอาการไม่สบายของท่านพ่อเช่นกัน รีบเรียกทันที
จวินหย่วนโยวอาศัยตอนที่ตนยังมีสติ รีบยื่นจวินเสี่ยวเทียนไปให้หยุนถิงทันที “ถิงเอ๋อร์ คุ้มครองเสี่ยวเทียนให้ดี หากข้าขาดสติไปจะทำร้ายพวกเจ้า ไม่ต้องยั้งมือเลยนะ”
หยุนถิงรู้สึกบีบคั้นหัวใจนัก เป็นห่วงมาก “ท่านพี่ ท่านไม่เป็นอะไรหรอก ข้าเองก็จะไม่ให้ท่านเกิดเรื่องแน่”
วินาทีต่อมา โม่เหลิ่งเหยียนดึงหยุนถิงไปยืนข้างกาย มองจวินหย่วนโยวด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “หากเจ้ากล้าทำร้ายหยุนถิง ข้าไม่มีทางยั้งมือกับเจ้าแน่!”
สองปีก่อน โม่เหลิ่งเหยียนเห็นหยุนถิงกระโดดลงหน้าผากับตา ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นเดิมอีกครั้ง
“ขอบคุณมาก!” จวินหย่วนโยวบอก
สองปีก่อนเขาช่วยถิงเอ๋อร์ไว้ไม่ได้ ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้ตนเองทำร้ายหยุนถิงเด็ดขาด
เหล่าองครักษ์เงามังกรรีบแยกย้ายไปตามหาคนทันที ครั้งนี้พวกเขาจะไม่ยอมให้คนผู้นั้นหนีรอดไปได้เด็ดขาด และจะไม่ยอมให้เรื่องเศร้าเมื่อสองปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้งแน่
“พี่เขยซื่อจื่อ ท่านเป็นกระไรรึ สีหน้าดูน่ากลัวปานนั้น?” หยุนหลีถามอย่างเป็นห่วง
คนอื่นพากันมองมา ล้วนเป็นห่วงจวินหย่วนโยวมาก
“ข้าไม่เป็นไร คุ้มครองพี่หญิงใหญ่และหลานๆให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องขึ้นกับพวกนาง” จวินหย่วนโยวบอก
“ได้” ถึงหยุนหลีจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่เขยซื่อจื่อ แต่นางจะไม่ยอมให้พี่หญิงใหญ่บาดเจ็บเด็ดขาด
สีหน้าจวินหย่วนโยวซีดเผือดอีกหลายส่วน เหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก ในสมองเหมือนโดนคนเอามีดมาหั่น เจ็บปวดนักจนอยากตาย แต่เขาอดทนไว้ ไม่อยากให้ถิงเอ๋อร์เป็นห่วง
ดวงตางามของหยุนถิงพลันปิดลง ตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวรอบกาย ปิดกั้นเสียงทั้งหมดรอบตัว ตั้งใจแยกแยะทิศทางเสียงขลุ่ย
ทันใดนั้น หยุนถิงพลันลืมตาขึ้น ปืนในมือยิงไปทิศทางด้านหลังทิศหนึ่ง ยิงติดกันหลายนัด จนปืนในมือไม่เหลือลูกกระสุนแล้ว เธอเปลี่ยนปืนอย่างรวดเร็ว และยิงรัวต่อ
พวกหลงยีเห็นทิศทางที่ซื่อจื่อเฟยยิงไป ก็เหาะตามไปทันที
หมอตี๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ไหล่และแขนพลันโดนยิง เจ็บจนสีหน้าซีดเผือด ใบหน้าบิดเบี้ยวทันที
ไม่คิดว่าอยู่ห่างไกลขนาดนี้ หยุนถิงกลับเดาทิศทางของตนได้ สตรีผู้นี้เก่งกาจจริงๆ
เดิมหมอตี๋ไม่อยากลงมือ แต่ไม่คิดว่านักฆ่าหลายร้อยคนที่ท่านอ๋องส่งมา ซึ่งเตรียมการอย่างพร้อมสรรพแล้วนั้น กลับบาดเจ็บล้มตายเกินครึ่ง ดังนั้นเขาถึงได้ลงมือยับยั้ง
เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันตรายในอากาศ มองเห็นหลายคนที่พุ่งมาทางนี้ หมอตี๋รีบหลบหนีทันที
ส่วนหยุนถิงก็เป่านกหวีดทันที ทันใดนั้นพลันปรากฏอินทรีทองสองตัวกลางอากาศ หยุนถิงตะโกนเสียงดังทันที “หาตัวคนเป่าขลุ่ยให้เจอ!”
อินทรีทองรีบบินวนเหนือท้องฟ้า จากนั้นบินจากไป