จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 67 คุณผู้หญิง คุณชายปฏิบัติต่อเจ้าดีจริงๆ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 67 คุณผู้หญิง คุณชายปฏิบัติต่อเจ้าดีจริงๆ
จวินหย่วนโยวมองหยุนถิงที่กำลังยุ่งอยู่ ในหัวใจที่เย็นชานั้นก็มีความอบอุ่นขึ้นมา
ถึงแม้ว่าการเผามันข้างถนนใหญ่ จะค่อนข้างน่าตลก และเขาก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้มาก่อน เพียงแต่เห็นว่าหยุนถิงตั้งใจขนาดนี้ และท่าทางดูมีความสุข จวินหย่วนโยวจึงปล่อยนางไป
นี่เป็นครั้งแรก ที่มีคนเผามันให้เขา
ถึงแม้ว่าจวินหย่วนโยวจะไม่ชอบทานมันเทศมากนัก มักจะรู้สึกว่ามันเหนียวนุ่ม ไม่มีรสชาติใดๆ แต่หยุนถิงเป็นคนเผา จวินหย่วนโยวก็รู้สึกมีความคาดหวังอย่างอธิบายไม่ถูก
ที่ด้านข้าง ยังมีหลิงเฟิงกับรั่วจิ่งและคนลากรถด้วย แม้กระทั่งองครักษ์เงามังกรในที่ลับยังออกมา นั่งล้อมรอบหม้อเพื่อกินมันเทศ
หยุนถิงซื้อมันเผาที่ลุงขายเอาไว้ เป็นธรรมดาที่ต้องมีคนกิน
“ฮูหยินมีความคิดหลากหลายจริงๆ คาดไม่ถึงว่าคิดจะเผามันให้ซื่อจื่อ ซื่อจื่อของเรากินอาหารหรูมาเยอะ เคล็ดลับนี้จะได้ผลไหม” รั่วจิ่งพูดพึมพำ
“เจ้าโง่ เป็นเพราะว่ากินอาหารหรูมาเอยะ ฉะนั้นจึงต้องกินธัญพืชบ้าง เช่นนี้จึงจะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์” หลิงเฟิงมองค้อนเขา
“ใช่แล้ว ฮูหยินยังมีกะจิตกะใจ พวกเจ้าดูสิคุณหนูผู้ดีมีเงินเหล่านั้นใครกล้ามาเผามันให้ซื่อจื่อเราบ้าง” หลงเอ้อเบะปาก
“เกรงว่าพวกนางยังไม่ทันเข้าใกล้ซื่อจื่อ ก็ถูกซื่อจื้อโยนออกไปเสียแล้ว”
“ยังต้องขอบคุณฮูหยิน มิเช่นนั้นจะได้กินมันเทศอร่อยๆ แบบนี้จากที่ไหน หวานจริงๆ เอามาให้ข้าอีกหนึ่งอันสิ”
“พวกเจ้าไม่รู้สึกว่าซื่อจื่อกับฮูหยินอยู่ด้วยกัน สติปัญญาถูกลดลง คาดถึงว่าทั้งสองคนจะเผามันอยู่ข้างถนน มันน่าขายหน้ามากเลยไม่ใช่หรือ?” หลงซื่อเบ้ปาก
เขาเพิ่งจะพูดจบ สายตาของทุกคนก็มองเขาเหมือนกับคนปัญญาอ่อน หลงเอ้อแย่งมันเทศจากในมือของเขาไป : “หากเจ้าคิดว่าน่าขายหน้าเจ้าก็อย่ากินเลย นั่นเรียกว่าอารมณ์เสน่หา เจ้าจะเข้าใจอะไร”
“ข้าก็แค่พูดไปแบบนั้น เจ้าจะเดือดร้อนอะไรกับข้า แต่ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินให้เจ้าห้าหมื่นตำลึง อย่าบอกนะว่าเจ้าถูกฮูหยินซื้อตัวไปแล้ว” หลงซื่อกล่าวอย่างไม่พอใจ
“เชอะ ข้าเป็นคนที่ยอมก้มหัวเพื่อเงินอันน้อยนิดอย่างนั้นหรือ ความสามารถของฮูหยินนั้นมีมากมาย ที่พวกเจ้าเห็นนั่นเป็นส่วนน้อยนิด ความตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชาตินี้ของข้าก็คือติดตามฮูหยิน”
“เจ้าอวดเก่งจริงๆ” หลงซื่อพูดจบ ก็เอามันเทศไปสองอันและหายไปเลย
คนอื่นๆ ต่างอิจฉาอย่างมาก ถึงแม้ว่าทุกๆ คนจะไม่ได้ติดตามหยุนถิง แต่ก็มองออกว่าหยุนถิงไม่มีมาดอะไร ปฏิบัติต่อคนข้างกายดีมาก เข้าพรรคพวกของตนเอง แยกชัดเจนระหว่างบุญคุณกับความแค้น ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นพ้องต้องกันกับหยุนถิงฮูหยินผู้นี้เป็นอย่างมาก
ทางด้านนี้ ไม่นานมันเทศในเตาก็ได้ส่งกลิ่นหอมออกมา หยุนถิงได้กลิ่นก็รู้สึกมีความสุข
“คุณชาย อีกสักครู่ก็จะเสร็จแล้ว เจ้าจะได้ลองลิ้มชิมรสฝีมือของข้า” หยุนถิงหัวเราะแหะๆ และยื่นมือออกไปเช็ดหน้าตนเอง
แต่ขี้เถ้าสีดำสัมผัสแก้มของนาง ราวกับหนวดแมว ในสายตาของจวินหย่วนโยว ดูทะเล้นน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
“ได้ ข้าจะรอ” จวินหย่วนโยวดึงผ้าเช็ดหน้าออกมา และช่วยเช็ดแก้มให้นาง
“คุณชาย หน้าข้าเป็นอะไรหรือ?”
อย่างไรก็ตามมันอยู่ข้างถนน หยุนถิงเกรงว่าจะทำให้ลุงตกใจ ดังนั้นจึงเรียกจวินหย่วนโยวว่าคุณชาย หากทำให้ลุงรู้ว่า คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือคนที่เย็นชากระหายเลือดในสายตาปุถุชน ไม่ต้องพูดถึงคนขายมันเทศ เขาคงตกใจจนไม่สามารถดูแลรถเข็น และวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปเลยหรือ
“มีขี้เถ้าเล็กน้อย” จวินหย่วนโยวกระทำอย่างนุ่มนวล เช็ดอย่างระมัดระวัง เหมือนกับว่ากำลังดูแลสมบัติที่หายาก
หยุนถิงก็ไม่งอแงไร้เหตุผล ปล่อยให้เขาเช็ดไป : “ขอบคุณคุณชาย”
“คุณผู้หญิง คุณชายของเจ้าปฏิบัติต่อเจ้าดีจริงๆ ชายชราอย่างข้าอิจฉาหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าจริงๆ รักกันก็ต้องดูแลกันและกัน อย่าให้ขาดสายสัมพันธ์ที่ดี” ลุงกล่าวอย่างอิจฉา
แก้มของหยุนถิงแดงก่ำ เหลือบมองจวินหย่วนโยว : “ลุง ท่านพูดถูกเหลือเกิน แน่นอนว่าข้าจะต้องรักและทะนุถนอมคุณชายของข้าเป็นอย่างดี ใครกล้ามาสวมเขาข้า ข้าจะทุบนางให้ตายด้วยหมัดเดียว”
ป่าเถื่อนจริงๆ แต่กลับทำให้จวินหย่วนโยวพอใจมากที่ได้ยิน และอารมณ์ดี
สิ่งที่เขาชื่นชมที่สุดคือความตรงไปตรงมาของหยุนถิง ชื่นชอบหรือเกลียดชังล้วนกล่าวออกมา ไม่ใช่ว่าเก็บซ่อนเอาไว้ในใจ คนอื่นจะได้เข้าใจจิตใจของเจ้า
“ฮ่าๆ คุณผู้หญิงเจ้าช่างตลกเสียจริง คุณชายหน้าตาดีขนาดนี้จะต้องดูแลให้ดีเลย” ลุงกล่าวสนับสนุน
“แน่นอนอยู่แล้ว” หยุนถิงลำพองใจ
ลุงได้กลิ่นหอมของมันเทศ จึงเอ่ยปากว่า : “มันเทศน่าจะใช้ได้แล้วนะ ข้าจะเอาออกมาดูระดับความร้อนของมันเสียหน่อย”
“ดีเลย”
ลุงหยิบมันเทศเผาออกมาอย่างชำนาญ ร้อนๆ หอมๆ เหนียวนุ่ม ดูน่าอร่อยมาก
หยุนถิงหยิบถุงข้างๆ อย่างระมัดระวัง จากนั้นก็วางถุงไว้บนมือ และจิ้มๆ มันเทศเหล่านั้น : “สุกแล้ว ท่านลุงมีฝีมือดีจริงๆ”
“เป็นเจ้าที่เผาได้ดี ข้าก็แค่ดูไฟให้ ล้วนเป็นความดีความชอบของเจ้าทั้งสิ้น” ลุงตอบกลับอย่างชาญฉลาด
“ลุงถ่อมตัวเกินไปแล้ว รบกวนท่านเอามันเทศเหล่านี้ใส่ถุงให้ข้าหน่อย”
“ได้เลย”
ลุงบรรจุมันเทศลงในถุงอย่างชำนาญ หลิงเฟิงให้เงินแก่เขา จากนั้นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็ขึ้นรถม้า และคนกลุ่มนั้นก็จากไป
“ซื่อจื่อเจ้ารีบลองชิมเร็วเข้า มันเทศนี้มีกลิ่นหอมมากๆ เลย” หยุนถิงปอกเปลือกออกอย่างตั้งใจ และยื่นไปให้
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปรับ มือของเขากดที่มุมโต๊ะ เสียงดังครืน ช่องลับได้ถูกเปิดออก
“ซื่อจื่อ นี่คืออะไรหรือ?” หยุนถิงมองอย่างแปลกใจ
“ชุดรับประทานอาหาร” จวินหย่วนโยวหยิบมันออกมา ด้านในเป็นกล่องผ้าไหมหนึ่งกล่อง ปิดออกมาก็เป็นชุดรับประทานอาหาร
หยุนถิงกล่าวชื่นชม : “ซื่อจื่อเป็นคนพิถีพิถันจริงๆ แต่ข้าถนัดใช้มือทานโดยตรง”
“เช่นนั้นจะทำให้มือสกปรก” จวินหย่วนโยวพูดเช่นนี้ ก็เอาตะเกียบคีบมันเทศหนึ่งคำ เป่าเบาๆ และส่งเข้าปากหยุนถิงไป
“ซื่อจื่อ นี่คือข้าเผาให้เจ้านะ เจ้าทานก่อนเถอะ ยังมีอีกเยอะเลยนะ”
“คำแรกให้เจ้าทาน เจ้าเหนื่อยแล้วที่เผามัน” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หยุนถิงซาบซึ้งใจมาก อ้าปากกินลงไป
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันสายพันธุ์นี้อร่อย หรือว่าเป็นเพราะซื่อจื่อป้อน หยุนถิงรู้สึกว่ามันเทศคืนนี้ช่างหอมหวานมาก
“อร่อยจัง ซื่อจื่อเจ้าทานเถอะ”
“ตกลง” จวินหย่วนโยวคีบตะเกียบ และทานด้วยตนเอง
ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทานมันเทศเท่าไหร่นัก แต่คืนนี้หยุนถิงเผาให้ จวินหย่วนโยวรู้สึกว่ามันอร่อยมาก มันเป็นมันเทศที่ดีที่สุดที่เขาเคยทานมา
“ซื่อจื่อ อร่อยมากเลยใช่หรือไม่?” หยุนถิงเอ่ยถาม
“อืม”
“ถ้าเจ้าชอบ เช่นนั้นข้าก็จะเผามันเทศให้เจ้าตลอดชีวิตเลย เป็นยังไง?” หยุนถิงพูดอย่างจริงใจ
จวินหย่วนโยวหันไปเผชิญกับดวงตาที่สดใสคู่นั้นของหยุนถิง ดวงตาใสสะอาด สว่างไสวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ทำให้จวินหย่วนโยวประทับใจมาก : “ตกลง”
มันเทศหนึ่งอัน จวินหย่วนโยวคีบให้หยุนถิงหนึ่งคำ คีบให้ตนเองหนึ่งคำ ทั้งสองคนใช้ตะเกียบคู่เดียวกัน ทานกันอย่างน่าอบอุ่น และสบายใจ
รถม้าคันใหญ่ ดูอบอุ่นไปหมด
รวมทั้งหลิงเฟิงกับรั่วจิ่งที่นั่งอยู่ด้านนอกรถม้า ก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้
“ฮูหยินมีวิธีการจริงๆ ที่สามารถทำให้ซื่อจื่อปฏิบัติอย่างอ่อนโยนเช่นนี้ได้” รั่วจิ่งกล่าวชื่นชม
“ฉะนั้นต่อไปนี้จะต้องเคารพนับถือฮูหยิน มิเช่นนั้นซื่อจื่อจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า เกรงว่าต่อแต่นี้ไปกับข้าวในจวนซื่อจื่อของเราจะต้องมีมันเทศรวมอยู่ด้วยแน่ๆ” หลิงเฟิงกล่าว
“ฮ่าๆ นี่เป็นไปได้จริงๆ” รั่วจิ่งหัวเราะ