จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 670 มีเจ้าอยู่ข้าวางใจ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 670 มีเจ้าอยู่ข้าวางใจ
“ซื่อจื่อเฟยโปรดวางใจ ขอเพียงข้ายังมีลมหายใจอยู่ จะต้องคุ้มครองซื่อจื่อและพวกเด็กๆให้ปลอดภัยแน่นอน!” หลิงเฟิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ได้ มีเจ้าอยู่ข้าวางใจ!”
หยุนถิงกับโม่เหลิ่งเหยียน ตามเริ่นเซวียนเอ๋อร์ออกไป มุ่งตรงไปยังพระราชวัง
และในพระราชวัง
ฮวนกุ้ยเหรินและลั่วผินมาเยี่ยมฝ่าบาทด้วยกัน แต่กลับโดนผู้บัญชาการองครักษ์หลวงสกัดไว้ด้านนอก
“บังอาจ ข้ากับลั่วผินเป็นห่วงฝ่าบาท ดังนั้นเลยตั้งใจมาเยี่ยม เจ้ากลับขวางพวกข้าไว้ ในท้องลั่วผินน่ะกำลังตั้งท้องสายเลือดของฝ่าบาทอยู่นะ!” ฮวนกุ้ยเหรินเดือดดาลนัก
“พูดถูกต้องแล้ว ในท้องข้านี้น่ะเป็นสายเลือดราชวงศ์ หากเกิดเป็นอะไรไปเพราะการขวางของเจ้า เจ้ารับผิดชอบไหวรึ?” ลั่วผินเดือดดาลยิ่งนัก
ผู้บัญชาการองครักษ์หลวงจ้าวเฉวียนต๋าพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ขอฮวนกุ้ยเหรินและลั่วผินเหนียงเหนียงโปรดอภัยด้วย องค์หญิงสามสั่งการไว้ว่าห้ามผู้ใดเข้าเยี่ยมฝ่าบาททั้งสิ้น ขอเหนียงเหนียงทั้งสองโปรดอภัยด้วย”
“องค์หญิงสามถือสิทธิ์อะไรมาห้ามมิให้พวกเราเข้าเยี่ยมฝ่าบาทกัน?” ฮวนกุ้ยเหรินโกรธจัด
“องค์หญิงสามรู้วิชาแพทย์ ดังนั้นขอให้เหนียงเหนียงทั้งสองอย่าทำให้กระหม่อมลำบากใจเลย” จ้าวเฉวียนต๋าบอก
ฮวนกุ้ยเหรินเห็นเขาไม่ยอมขยับออกให้จริงๆ และยืนขวางหน้าประตู ก็เดือดดาลนัก แต่ไม่มีหนทางใด
“พวกนางสองคนไม่ได้ ข้าเล่า?” เสียงเย็นเยียบเข้มงวดเสียงหนึ่งลอยมา
ฮวนกุ้ยเหรินและลั่วผินหันไปมองด้านหลังทันที เฉียนกุ้ยเฟยเดินเข้ามาในชุดพระราชพิธีหรูหรางดงาม แต่งกายอย่างหรูหรา ราศีสูงส่งนัก
ฮวนกุ้ยเหรินและลั่วผินรีบถวายบังคมทันที “ถวายบังคมกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง!”
เฉียนกุ้ยเฟยไม่แม้แต่ชายตาแลพวกนางสองคน และเดินเข้ามาเลย “จ้าวเฉวียนต๋า ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”
ถึงฮวนกุ้ยเหรินจะเดือดดาล แต่ก็ไม่กล้าหืออือ ได้แต่ถลึงตาใส่จ้าวเฉวียนต๋าอย่างขึ้งโกรธ “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงก็มาแล้ว แม่ทัพจ้าวยังไม่หลีกไปอีกรึ?”
จ้าวเฉวียนต๋าถวายบังคมอย่างนอบน้อม “กระหม่อมคารวะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ขอกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงโปรดอภัยด้วย ข้าไม่อาจหลีกให้ได้ นอกเสียจากว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงจะข้ามศพข้าไปก่อน!”
เฉียนกุ้ยเฟยโกรธจนหน้าดำทะมึน เดือดดาลยิ่งนัก แต่นางเคยได้ยินมานานแล้วว่า จ้าวเฉวียนต๋าเที่ยงตรง ไม่กลัวเกรงอำนาจใด ยอมหักไม่ยอมงอ เถรตรงยิ่งนัก รับคำสั่งจากฝ่าบาทเท่านั้น นางไม่อาจฆ่าจ้าวเฉวียนต๋าได้จริงๆหรอก
“หายากนักที่แม่ทัพจ้าวจงรักภักดีในหน้าที่เยี่ยงนี้ มีท่านคอยอารักขาฝ่าบาท ข้าก็วางใจนัก แคว้นเทียนจิ่วของเราควรจะมีคนอย่างแม่ทัพจ้าวให้มากหน่อย!” เฉียนกุ้ยเฟยเอ่ยขึ้น
ลั่วผินอึ้งบื้อไปเลย “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง เหตุใดท่านพูดเช่นนี้เล่า แม่ทัพจ้าวน่ะแกล้งขวางไม่ให้ท่านเข้าไปนะ?”
ฮวนกุ้ยเหรินอยากยับยั้งแต่ไม่ทันการแล้ว ในใจลอบถอนหายใจ นังโง่ลั่วผินหาเรื่องตายหรือไรกัน
ทันใดนั้นก็เห็นเฉียนกุ้ยเฟยมองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ใครก็ได้ ตบปาก!”
ลั่วผินชะงักกึก “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง เจ้าถือสิทธิ์อะไรมาตบปากข้า?”
“ถือสิทธิ์ที่เจ้ายุแยงให้แตกคอ แม่ทัพจ้าวรับหน้าที่เฝ้าดูฝ่าบาท แน่นอนว่าต้องรับหน้าที่อารักขาความปลอดภัยของฝ่าบาทอยู่แล้ว ต่อให้ข้าเป็นห่วงฝ่าบาทเพียงใด ก็ไม่อาจละเลยกฎเกณฑ์ได้
และในฐานะสนมนางในของวังหลัง ไม่เพียงไม่อยู่ในตำหนักตนเองอย่างสงบเสงี่ยม แต่กลับมารบกวนการพักผ่อนของฝ่าบาทที่นี่ และยังยุแยงเช่นนี้ สมควรถูกลงโทษ!” เฉียนกุ้ยเฟยตะคอกอย่างเดือดดาล
กุ้ยเฟยอย่างนางกลับโดนแม่ทัพหักหน้า เดิมก็ไม่พอใจอยู่แล้ว ตอนนี้ลั่วผินแส่หาเรื่องเอง เฉียนกุ้ยเฟยไม่มีทางปล่อยนางอยู่แล้ว
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงโปรดยั้งมือด้วย ตอนนี้ลั่วผินตั้งครรภ์อยู่ หกาตบปากน่ากลัวจะกระทบกระเทือนถึงท้อง” ฮวนกุ้ยเหรินรีบเกลี้ยกล่อมทันที
คำพูดนี้ราวกับเป็นห่วงลั่วผิน แต่กลับเป็นการบอกเฉียนกุ้ยเฟยว่า ลั่วผินตั้งท้องอยู่ แตะต้องนางไม่ได้
เฉียนกุ้ยเฟยมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ทำไม ข้าสั่งสอนผินผู้หนึ่งมิได้รึ?”
ฮวนกุ้ยเหรินตกใจเข่าอ่อนคุกเข่าลงพื้นทันที “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงโปรดอภัยด้วย หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันเพียงแค่เป็นห่วงร่างกายน้องลั่วผิน ดังนั้นถึงพูดผิดไป ต่อไปหม่อมฉันมิกล้าอีกแล้ว”
“คำโบราณว่าไว้ ในวังก็มีกฎของวังหลวง หากทุกคนทำความผิดแล้วหาข้ออ้างว่าตั้งท้องอยู่ ทำให้ละเว้นการลงโทษไป เช่นนั้นข้ายังจะดูแลจัดการวังหลังได้อย่างไร! ลั่วผินยุแยงให้แตกคอ ฮวนกุ้ยเหรินละเมิดลำดับขั้น ตบปาก!” น้ำเสียงเฉียนกุ้ยเฟยเย็นเยียบขึ้นหลายส่วน
มามาคนสนิทเดินเข้ามา เริ่มต้นตบแก้มซ้ายขวาของลั่วผินและฮวนกุ้ยเหรินทันที
“อ๊า!” ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของลั่วผิน ทำท่าจะล้มลงพื้นไป
มามาผู้นั้นมือไวพยุงลั่วผินไว้ทัน “ขอลั่วผินโปรดระวังหน่อย หากล้มลงไปผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจะเป็นลูกในท้องท่านเอง”
ลั่วผินตกใจยิ่งนัก มือกุมท้องตนเองในบัดดล
เมื่อครู่นางยังคิดว่าตนเองคงล้มลงพื้นแล้วแน่ๆ นางเองก็กลัวว่าเด็กในท้องจะเกิดเรื่องเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่ามามาที่ตบตนจะช่วยตนไว้ นี่มันช่างน่าขันเสียจริง
แต่ลั่วผินไม่กล้าหืออีก เพราะหากมามาไม่ช่วยเหลือ นางต้องล้มลงพื้นแล้วแน่ๆ
ฮวนกุ้ยเหรินตกใจยิ่งนัก มือกุมแก้มไม่กล้าพูดมากอีก
“ลั่วผิน เจ้าสำนึกผิดหรือไม่!” เฉียนกุ้ยเฟยตะคอกอย่างเดือดดาล
ลั่วผินยังไม่ทันรู้สึกตัวจากอาการตกใจเมื่อครู่ นางมองเฉียนกุ้ยเฟยอย่างงุนงงเล็กน้อย
“เจ้าเป็นสนมของฝ่าบาท บัดนี้ตั้งครรภ์ หากลูกในท้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นความผิดเจ้าคนแรก ปกป้องสายเลือดราชวงศ์ไว้ไม่ดี มีโทษเท่ากับให้ร้ายสายเลือดราชวงศ์ นั่นคือประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร!” เฉียนกุ้ยเฟยพูดอย่างทรงอำนาจดุดัน
ลั่วผินตกใจสีหน้าซีดเผือด “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว เมื่อครู่หม่อมฉันเพียงแค่ยืนไม่มั่นคง ต่อไปข้าจะระมัดระวังให้มาก”
“เห็นแก่ที่เจ้าตั้งครรภ์บุตรของฝ่าบาท ข้าไม่ถือสาเจ้า เพื่อความปลอดภัยของบุตรในครรภ์ ต่อไปลั่วผินอยู่อย่างสงบเสงี่ยมในตำหนักตนมิต้องออกมาแล้วกัน แม่ทัพจ้าว เจ้าให้คนส่งลั่วผินกลับไป!” เฉียนกุ้ยเฟยออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” จ้าวเฉวียนต๋ารีบให้องครักษ์สองคนส่งลั่วผินกลับไปทันที
เฉียนกุ้ยเฟยจัดการลั่วผินเสร็จ มองดูฮวนกุ้ยเหรินที่ตกใจสีหน้าซีดเผือดอยู่บนพื้นแล้วสาแก่ใจยิ่งนัก
เจ้าโง่สองคนนี้กล้ามาโอหังต่อหน้าตน หาเรื่องตาย
อีกด้าน เริ่นเซวียนเอ๋อร์พาหยุนถิงกับโม่เหลิ่งเหยียนเข้ามา และเห็นหลายคนออกันหน้าประตูตำหนักแต่ไกลแล้ว เริ่นเซวียนเอ๋อร์สีหน้าทะมึน เดินเข้ามาทันที
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง?”
เฉียนกุ้ยเฟยเหล่มองเริ่นเซวียนเอ๋อร์ สีหน้าบูดบึ้งหนักกว่าเดิม “ข้ามิรู้เลยว่าอำนาจขององค์หญิงสามมีมากเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ถึงกับให้แม่ทัพจ้าวขวางมิให้ข้าเข้าเฝ้าฝ่าบาท?”
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิได้ให้แม่ทัพจ้าวขวางท่าน เพราะเสด็จพ่อไม่สบาย มิสะดวกให้ใครรบกวน” เริ่นเซวียนเอ๋อร์อธิบาย
เฉียนกุ้ยเฟยโกรธมาก แต่ไม่อาจพูดอะไรได้ สายตาเหล่มองหยุนถิงและโม่เหลิ่งเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตะลึงเล็กน้อย “เช่นนั้นองค์หญิงสามพาคนนอกสองคนมาด้วยเหตุใดเล่า?”
“นี่คือซื่อจื่อเฟยแห่งแคว้นต้าเยียน ฝีมือการแพทย์สะท้านสะเทือนไปทั่วสี่แคว้น อยู่เหนือกว่าข้า ข้าเชิญนางมาช่วย ท่านนี้คือซวนอ๋องแห่งแคว้นต้าเยียน แคว้นเทียนจิ่วของเรากับแคว้นต้าเยียนมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน ซวนอ๋องย่อมมาเยี่ยมเยียนเสด็จพ่ออยู่แล้ว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตอบ
นางคงบอกไม่ได้หรอกว่า โม่เหลิ่งเหยียนมาคุ้มครองหยุนถิงน่ะ เพราะฐานะของทั้งคู่ไม่ธรรมดาเลย จะให้เกิดเรื่องไม่ได้
เฉียนกุ้ยเฟยตะลึง จากนั้นสีหน้าผ่อนคลายลงหลายส่วน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าไม่รบกวนองค์หญิงสามแล้วกัน ขอองค์หญิงสามต้องรักษาฝ่าบาทให้ดีด้วย”
พูดจบ เฉียนกุ้ยเฟยไม่รอเริ่นเซวียนเอ๋อร์ตอบ หมุนตัวจากไปทันที
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถึงรีบพาหยุนถิงเข้าไป หยุนถิงรีบจับชีพจรให้ฮ่องเต้ที่สลบไสลไม่ได้สติทันที จากนั้นคิ้วขมวดมุ่น