จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 685 ไม่รนหาที่ตาย ก็จะไม่ตาย
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 685 ไม่รนหาที่ตาย ก็จะไม่ตาย
นั่นเป็นถึงยาพิษที่นางทุ่มเทศึกษาค้นคว้ามาสองปี เพื่อจัดการกับหยุนถิงและจวินหย่วนโยวโดยเฉพาะ ใครก็ตามที่ถูกพิษลำไส้ต้องเน่าเสียอย่างแน่นอน เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถูกทรมานจนตาย
เดิมทีมู่เซียวเซียวต้องการจะเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัสจนตาย แต่ตอนนี้จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงล้วนไม่ได้ถูกพิษ ชั่วขณะหนึ่งมู่เซียวเซียวไม่สามารถยอมรับได้
“พิษของเจ้าเป็นพิษที่ร้ายแรงจริงๆ แต่เจ้าคิดว่าสองปีมานี้ข้าอยู่ว่างๆหรือ ก่อนหน้านี้ข้าพบว่าฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วถูกพิษ ก็เดาได้แล้วว่าเจ้าจะวางยาพิษข้ากับซื่อจื่อ ข้าย่อมเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีอยู่แล้ว!”
ขณะที่หยุนถิงกล่าวไป ก็เดินไปทางมู่เซียวเซียว และหยุดตรงหน้านาง คว้าคอเสื้อของนางขึ้นมา ตบไปที่แก้มซ้ายและขวาของนางทันที
เสียง “เพียะๆๆ!” ดังขึ้นอย่างชัดเจน ทำเอาคนที่ได้ยินพากันขมวดคิ้ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวาง
นานพักใหญ่ หยุนถิงตบจนเจ็บมือไปหมด ถึงได้โยนนางออกไป “ข้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุด เมื่อครู่เพื่อที่จะให้ความร่วมมือกับการแสดงของเจ้า ถูกเจ้าตบไปสองฉาก ตอนนี้ข้าคืนให้เจ้ายี่สิบฉาก คืนให้เป็นสิบเท่า!”
มู่เซียวเซียวกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง คนทั้งคนล้มลงไปบนพื้น ตรงแขนที่ขาดเลือดไหลออกมาไม่หยุด เจ็บปวดจะตายอยู่แล้ว แก้มบวมแดงราวกับหัวหมูในชั่วพริบตา มองไม่เห็นรูปลักษณ์เดิมแล้ว
เมื่อครู่นี้นางยังไม่ทันได้กรีดร้อง ก็ถูกหยุนถิงตบจนตะลึงงันไปแล้ว
เวลานี้ล้มลงไปกับพื้น มู่เซียวเซียวเจ็บจนคร่ำครวญซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก
“เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่าจะกรีดใบหน้าของข้าให้เสียโฉมไม่ใช่หรือ?” หยุนถิงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
โม่เหลิ่งเหยียนยื่นมีดสั้นที่อยู่ในมือมาให้แล้ว “ถิงเอ๋อร์ ให้!”
หยุนถิงยื่นมือไปรับมา ทีนี้มู่เซียวเซียวตื่นตระหนกอย่างสิ้นเชิง
ในฐานะที่เป็นผู้หญิง รูปร่างหน้าตาสำคัญยิ่งกว่าชีวิต นางยอมตายดีกว่าเสียโฉม ยิ่งไม่อยากถูกหยุนถิงทำให้เสียโฉม
“หยุดนะ หากเจ้ากล้ากรีดใบหน้าของข้า ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!” มู่เซียวเซียวกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“เวลานี้แล้ว เจ้ายังจะข่มขู่ข้าอีก ช่างน่าขำจริงๆ เจ้าเอาอะไรมาข่มขู่ข้า!” หยุนถิงกล่าวอย่างดูหมิ่น
ตอนนี้มู่เซียวเซียวก็แค่ดิ้นรนประคับประคองให้มีชีวิตรอด นางไม่มีทางหนีทีไล่อะไรจะมาคุกคามหยุนถิงจริงๆ
แต่มู่เซียวเซียวไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้เด็ดขาด “ฮ่องเต้แห่งแคว้นเทียนจิ่วถูกข้าควบคุมเอาไว้ ขอเพียงเจ้าไม่ทำลายใบหน้าของข้า ข้าสามารถช่วยแก้ให้เขา!”
“เฮอะๆ ความเป็นความตายของฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วเกี่ยวข้องอะไรกับข้าด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพิษร้ายในร่างกายของเขาเข้าสู่ไขกระดูกแล้ว ถึงแม้คนที่วางยาพิษจะถอนพิษให้ ก็มีชีวิตอยู่ได้แค่หนึ่งเดือนเท่านั้น เจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนโง่หรือ” หยุนถิงกล่าวอย่างเยาะเย้ยถากถาง
เมื่อขุนนางคนอื่นๆได้ยิน ล้วนพากันตะลึงงัน “ฝ่าบาทมีชีวิตอยู่ได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”
“ฝ่าบาทยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาทเลย หากสวรรคตไปเช่นนี้ แคว้นเทียนจิ่วจะต้องเกิดความขัดแย้งภายในขึ้นอย่างแน่นอน”
“เจ้าโง่หรือเปล่า องค์ชายกับองค์หญิงล้วนถูกผิงหนานอ๋องสังหารไปหมดแล้ว ใครยังจะสามารถสืบทอดบัลลังก์ได้อีก”
ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าขุนนาง ผิงหนานอ๋องได้ใจอย่างยิ่ง ถึงแม้จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงจะไม่ถูกพิษแล้วอย่างไร พวกเขาสองคนเป็นคนของแคว้นต้าเยียนไม่สนใจเหตุการณ์ของแคว้นเทียนจิ่วอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทายาทของราชวงศ์ล้วนตายไปหมดแล้ว และเขาก็เป็นลูกชายของฮ่องเต้องค์ก่อน เป็นคนเดียวที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะสืบทอดบัลลังก์
มู่เซียวเซียวเห็นว่าไม้อ่อนไม้แข็งใช้ไม่ได้กับหยุนถิง ได้แต่ร้องขอความเมตตาเท่านั้น “ข้าผิดไปแล้ว ซื่อจื่อเฟยข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะมอบสูตรสกัดยาทั้งหมดของหอเทพเซียนให้กับท่าน ขอเพียงท่านปล่อยข้าไป!”
หยุนถิงขี้เกียจจะตอบ มีดสั้นที่อยู่ในมือเหวี่ยงเข้าไปโดยตรง
“อ๊า!” เสียงกรีดร้องที่เหมือนกับหมูโดนเชือดดังมา คนทั้งคนของมู่เซียวเซียวตะลึงงันไป
นางยื่นมือออกไปต้องการสัมผัสใบหน้าของตัวเอง แต่ความเจ็บปวดที่ทะลวงใจจู่โจมมา เลือดนับไม่ถ้วนไหลออกมาจากใบหน้าของนาง มู่เซียวเซียวเจ็บจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับ
“ไม่ ไม่เอา ข้าไม่อยากเสียโฉม!” มู่เซียวเซียวรีบหลบออกไป หันหน้าไปด้านข้างทันที
เหล่าขุนนางมองดูใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยเลือดของนาง และแขนที่ขาดไปข้างหนึ่ง ล้วนพากันตกใจกลัวจนขนหัวลุก วิธีการของซื่อจื่อเฟยกับจวินซื่อจื่อช่างโหดเหี้ยมและกระหายเลือดจริงๆ นาทีนี้ขุนนางพวกนั้นพากันรู้สึกโชคดี ที่ตัวเองไม่ได้ล่วงเกินพญายมสองท่านนี้
หยุนถิงมองไปทางมู่เซียวเซียวอย่างเย็นชา หยิบกระจกออกมาจากกระเป๋า เดินไปตรงหน้านาง “คุณหนูเซียวมาดูใบหน้าของเจ้าสิ ใบหน้านี่ช่างอัปลักษณ์เหลือทนจริงๆ!”
มู่เซียวเซียวที่กำลังตื่นตระหนกหวาดกลัวและเจ็บปวด ได้ยินเสียงที่เยาะเย้ยถากถางเย็นชาเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกอัปยศอดสูสุดขีด
“ไสหัวออกไป ข้าไม่มอง หยุนถิงผู้หญิงที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างเจ้าไม่ได้ตายดีแน่!”
หยุนถิงไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งถือกระจกมาตรงหน้าของมู่เซียวเซียว
เมื่อมู่เซียวเซียวที่กำลังโมโหโกรธแค้นเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นตัวเองในกระจก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด บาดแผลระเกะระกะสลับตัดกันไปมา เนื้อหนังของทั้งใบหน้าล้วนพลิกออกมาข้างนอก น่าขยะแขยงอย่างยิ่ง
“ไม่ ไม่เอา นี่ไม่ใช่ข้า!” มู่เซียวเซียวคำรามด้วยความโกรธ มือที่เหลือข้างนั้นผลักกระจกที่อยู่ในมือของหยุนถิงหล่นลงไปบนพื้นอย่างสุดแรง
“ไม่ นี่ไม่ใช่ใบหน้าของข้า ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่นอน ข้าไม่มีทางเป็นเช่นนี้เด็ดขาด!”
“นี่ก็คือเจ้า คือเจ้านั่นแหละมู่เซียวเซียว คือคุณหนูเซียว เซียวเฟยที่ฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วทรงโปรดปราน เหล่าขุนนางล้วนเห็นกันอย่างชัดเจน นี่ก็คือมู่เซียวเซียว!” คำพูดของหยุนถิงกระชับละเมียดละไม หนักแน่นมีพลัง
“อ๊า!” เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดของมู่เซียวเซียวดังมา เส้นผมสีดำเต็มศีรษะกลายเป็นผมขาวในชั่วพริบตา เนื้อทั้งร่างกายหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ แค่เห็นก็ทำให้คนรู้สึกตกใจกลัว
“มู่เซียวเซียว เจ้าวางยาพิษในสุรา ข้าก็วางยาพิษในสุราเช่นกัน ก็คือสุราที่เจ้าช่วยข้าลองชิมถ้วยนั้น ข้าไม่อนุญาตให้ใครทำร้ายลูกของข้าเด็ดขาด แต่เจ้ากลับวางยาพิษพวกเขา เจ้าเป็นคนรนหาที่ตายเอง!” หยุนถิงกล่าวต่อไป
มู่เซียวเซียวโกรธจนกระอักเลือดออกมา ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ เกลียดชังสุดขีด “หยุนถิง เจ้าไม่ได้ตายดีแน่!”
นางพุ่งเข้ามาอย่างสุดแรงเกิด ต้องการจะลากหยุนถิงให้พินาศไปด้วยกัน แต่กลับถูกโม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ด้านข้างเตะกระเด็นออกไป
เดิมทีทั่วทั้งร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของมู่เซียวเซียวก็เน่าเปื่อยหลุดลุ่ยอยู่แล้ว เมื่อถูกเตะเช่นนี้ คนทั้งคนก็พังทลายไปโดยตรง ราวกับดินโคลนแอ่งหนึ่ง เลือดและเนื้อกระเซ็นไปทุกที่ น่าขยะแขยงอย่างยิ่ง เสียชีวิตไปในทันที
เนื้อเน่าเสียกระเซ็นไปถูกชุดคลุมสีขาวของผิงหนานอ๋องเข้าพอดี กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ใบหน้าของผิงหนานอ๋องเต็มไปด้วยความรังเกียจและหงุดหงิดโมโห ถอยหลังซ้ำๆไปหลายก้าว
ขุนนางคนอื่นๆทนไม่ไหว เริ่มอาเจียนโฮกฮากกันขึ้นมาแล้ว
องครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยความรีบร้อนและตื่นตระหนก “ท่านอ๋อง แย่แล้ว!”
“มีเรื่องอะไร?” ผิงหนานอ๋องสอบถามอย่างเย็นชา
องครักษ์มองดูทุกคนที่อยู่รอบๆครู่หนึ่ง รีบเข้าไปใกล้ และกระซิบที่ข้างหูของผิงหนานอ๋องสองสามคำทันที
เห็นเพียงสีหน้าของผิงหนานอ๋องเย็นชามืดมนราวกับน้ำแข็งในชั่วพริบตา รู้สึกหงุดหงิดโมโหไม่สิ้นสุด เส้นเลือดบนหน้าผากปูดออกมา “บัดซบ ถึงกับปล่อยให้เริ่นเซวียนเอ๋อร์หนีไปได้ ขยะไร้ประโยชน์!”
หยุนถิงได้ยินคำพูดของเขา ก็รู้แล้วว่ากู้จิ่วเยวียนกับเริ่นเซวียนเอ๋อร์ปลอดภัยแล้ว เช่นนี้นางก็วางใจแล้ว
หยุนถิงอาศัยตอนที่ผิงหนานอ๋องหงุดหงิดโมโห แอบขยับไปด้านข้างสองสามก้าวอย่างเงียบๆ เข็มเงินที่อยู่ในแขนเสื้อแทงไปทางร่างกายของฮ่องเต้โดยตรง
“ทหาร!” ผิงหนานอ๋องคำรามด้วยความโกรธ
กองทัพหลวงกลุ่มหนึ่งถือกระบี่ยาวเข้ามาจากนอกประตู ล้อมรอบหยุนถิงกับขุนนางเหล่านั้นเอาไว้
“เสด็จพี่ เขียนราชโองการมอบบัลลังก์ให้ข้าเดี๋ยวนี้!” ผิงหนานอ๋องกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
รูม่านตาดำที่เดิมทีหย่อนยานของฮ่องเต้ที่อยู่บนที่นั่งสูงค่อยๆจดจ่อมีสมาธิขึ้นมาเล็กน้อย จ้องมองทางผิงหนานอ๋องด้วยใบหน้าที่มืดมน
“ผิงหนานอ๋องร่วมมือกับเซียวเฟยวางยาพิษข้ากับขุนนางบุ๋นบู๊ทั่วทั้งราชสำนัก วางแผนชิงบัลลังก์ มีโทษมหันต์ กองทัพหลวงข้าขอสั่งให้พวกเจ้าจับตัวผิงหนานอ๋องเอาไว้เดี๋ยวนี้!” เสียงที่หนักแน่นของฮ่องเต้ สร้างความตกตะลึงไปทั้งพระตำหนัก