จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 686 เจ้าไม่ได้เป็นคนวางกู่หรอกหรือ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 686 เจ้าไม่ได้เป็นคนวางกู่หรอกหรือ
โดยเฉพาะผิงหนานอ๋อง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง สีหน้าก็ยิ่งไม่น่าดูราวกับกลืนแมลงวันเข้าไป
“เป็นไปได้อย่างไร เสด็จพี่ท่าน?”
เขาถูกควบคุมเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ ทำไมจู่ๆถึงได้สติขึ้นมา
“ผิงหนานอ๋องเจ้าช่างบังอาจนัก ถึงกับร่วมมือกับเซียวเฟยควบคุมข้า ยังสังหารองค์ชายองค์หญิงของข้า ข้าไม่มีน้องชายเช่นเจ้า ไม่สนใจความสัมพันธ์ของครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ตามหลักศีลธรรมจรรยา แถมยังบีบให้ข้าสละบัลลังก์ เจ้าช่างทำให้ข้าผิดหวังสุดขีดจริงๆ กองทัพหลวงพวกเจ้ายังรออะไรอยู่อีก?” ฮ่องเต้โกรธจัด
กองทัพหลวงมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ไม่มีใครขยับเขยื้อนเลย
ผิงหนานอ๋องยิ้มเย้ยหยัน “เสด็จพี่พระองค์ทรงแก่ชราแล้ว พระองค์คิดว่ากองทัพหลวงพวกนี้ยังเชื่อฟังคำสั่งของท่านอยู่อีกหรือ ข้าเปลี่ยนพวกเขาเป็นคนของข้านานแล้ว ถึงแม้พระองค์จะได้สติแล้วอย่างไร วันนี้ข้าจะบีบให้พระองค์สละบัลลังก์ให้ได้”
ฮ่องเต้โกรธจนไอขึ้นมาอย่างรุนแรง “เจ้าคนเนรคุณ!”
“ข้าเนรคุณแล้วอย่างไร เดิมทีบัลลังก์นี่ก็เป็นของข้าอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเจ้ากับองค์หญิงใหญ่ร่วมมือกันบีบบังคับเสด็จพ่อ แล้วเจ้าจะได้นั่งในตำแหน่งสูงนี่ได้อย่างไร!” ผิงหนานอ๋องกล่าวอย่างเย็นชา จ้องมองไปทางฮ่องเต้ที่อยู่บนที่นั่งสูงด้วยความโกรธ
“เจ้า เจ้านี่มันช่างต่ำช้าไร้ยางอายสุดขีดจริงๆ” ฮ่องเต้โกรธจนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“ฝ่าบาท!” เหล่าขุนนางล้วนพากันตกใจแทบแย่ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก
อย่างไรเสียเวลานี้ผิงหนานอ๋องก็ควบคุมทั่วทั้งพระตำหนักเอาไว้แล้ว นอกเสียจากพวกเขาไม่อยากมีชีวิตแล้ว
ฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วจนหนทาง สายตาหยุดอยู่ที่หยุนถิงกับจวินหย่วนโยว “จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยขอพวกเจ้าโปรดช่วยข้ากำจัดผิงหนานอ๋องด้วย ขอเพียงพวกเจ้าลงมือ ข้ายินดีจะมีความสัมพันธ์อันดีกับแคว้นต้าเยียนตลอดไป และมอบเขตเมืองให้ทั้งสองท่านห้าสิบเมือง ทองคำหนึ่งแสนตำลึงทอง ม้าเหงื่อโลหิตหนึ่งหมื่นตัว พร้อมทั้งแก้วแหวนเงินทองหลายสิบกล่อง!”
หยุนถิงหันหน้ามองไปทางโม่เหลิ่งเหยียน “ซื่อจื่อ เงื่อนไขข้อนี้ฟังดูไม่เลว มีของพวกนี้แล้วต่อไปเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่แล้ว”
โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างให้ความร่วมมือ “ซื่อจื่อเฟยตัดสินใจได้เลย!”
“ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเทียนจิ่ว ถึงกับขอความช่วยเหลือจากคนของต้าเยียน แถมยังแบ่งดินแดนขายแผ่นดิน เสด็จพี่ท่านช่างมีความสามารถจริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเจ้าทำให้ลูกชายของข้ากลายเป็นคนพิการ ความแค้นใหม่บวกความแค้นเก่าชำระไปพร้อมกันเลย
พวกเจ้าคิดว่าจะสามารถมีชีวิตรอดไปจากที่นี่หรือ ทหาร ฆ่าหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเดี๋ยวนี้ ใครตัดหัวของพวกเขามาได้ข้าจะให้รางวัลหนึ่งหมื่นตำลึงทอง!” ผิงหนานอ๋องกล่าวด้วยความโกรธแค้น
เหล่ากองทัพหลวงหวั่นไหวจริงๆ หนึ่งหมื่นตำลึงทองเชียวนะ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย แต่เมื่อครู่นี้จวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยลงโทษเซียวเฟยอย่างไร พวกเขาล้วนเห็นอยู่ในสายตา
กองทัพหลวงคนหนึ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตวัดกระบี่ยาวที่อยู่ในมือเดินเข้ามา “ที่บ้านข้ามีแม่อายุแปดสิบที่ป่วยหนัก รอเอาเงินไปรักษาอยู่ ดังนั้นจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยอย่าโทษข้าเลยนะ!”
ขณะที่กล่าวไป กระบี่ยาวในมือของเขาก็ฟันเข้ามา
มุมปากของหยุนถิงเกี่ยวขึ้นมาอย่างเย็นชาเย้ยหยันเล็กน้อย ใบหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนก็ยิ่งเต็มไปด้วยการดูถูก ทั้งสองคนล้วนไม่ได้หลบออกไป เพียงแค่ยืนอยู่อย่างนั้น
ทันใดนั้นบริเวณหน้าอกของกองทัพหลวงคนนั้นก็เต็มไปด้วยเลือด คนทั้งคนล้มลงไปเสียชีวิตในทันที
เหล่าขุนนางล้วนพากันตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยไม่ขยับเขยื้นแม้แต่น้อยแท้ๆ ทำไมคนผู้นี้ถึงตายได้ล่ะ?
ผิงหนานอ๋องก็ยิ่งโกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ เส้นเลือดบนหน้าผากปูดออกมา “น่าชิงชังนัก กองทัพหลวงทั้งหมดฟังคำสั่ง ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าสังหารจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงเดี๋ยวนี้ ผู้ที่ขัดคำสั่งอย่าคิดว่าจะได้พบหน้าครอบครัวของพวกเจ้าอีก!”
ผิงหนานอ๋องใช้ครอบครัวของพวกเขาข่มขู่ ไหนเลยที่พวกเขาจะยังกล้าขัดคำสั่งอีก รีบโจมตีไปทางหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวทันที
กระบี่ที่อยู่ในมือของกองทัพหลวงสองสามนายที่อยู่ข้างหน้ายังไม่ทันได้ยกขึ้นมา ก็ถูกกองทัพหลวงที่อยู่ข้างหลังฆ่าในกระบี่เดียว
มองดูกองทัพหลวงที่จู่ๆก็ทรยศกะทันหัน ผิงหนานอ๋องโกรธจนระเบิดอารมณ์ออกมา “ไอ้สารเลวอย่างพวกเจ้าคิดจะก่อกบฏหรือ?”
“คนที่ก่อกบฏคือเจ้าต่างหาก คนที่บีบบังคับให้ฮ่องเต้สละบัลลังก์คือเจ้า คนที่วางยาพิษเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ก็คือเจ้าเช่นกัน คนที่ใช้ครอบครัวข่มขู่กองทัพหลวงก็ยังเป็นเจ้าอีก ผิงหนานอ๋องเจ้าเอาหน้าจากไหนไปวิจารณ์คนอื่น!” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้าเปลี่ยนคนของกองทัพหลวงแล้วก็จริง แต่ข้าก็เปลี่ยนเป็นคนของข้าเช่นกัน ตอนนี้กองทัพหลวงที่ยืนอยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนของข้าทั้งนั้น!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างดูหมิ่น
“ไม่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?” ใบหน้าของผิงหนานอ๋องเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้!”
นาทีนี้ผิงหนานอ๋องตื่นตระหนกขึ้นมาแล้วจริงๆ ตอนนี้กองทัพหลวงล้วนเป็นคนของจวินหย่วนโยว เช่นนั้นเขาจะไม่หมดโอกาสในการพลิกสถานการณ์กลับมาแล้วหรอกหรือ
เขาให้กองทัพผิงหนานล้อมรอบจวนเซ่อเจิ้งอ๋องกับตำหนักรับรองเอาไว้หมดแล้ว ถึงแม้กู้จิ่วเยวียนกับเริ่นเซวียนเอ๋อร์จะหนีไปได้ แต่คนของตำหนักรับรองยังไม่ได้มารายงานข่าว เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเขาทำสำเร็จแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ผิงหนานอ๋องก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย “หยุนถิง จวินหย่วนโยวพวกเจ้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะสังหารคนในตำหนักรับรองหมดหรือ?”
“ผิงหนานอ๋องความสามารถในการพูดไปเรื่อยของเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ คนของตำหนักรับรองล้วนเป็นองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับของซื่อจื่อทั้งนั้น คนของเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
เจ้าต้องกำลังคิดอยู่ว่า เหตุใดคนของเจ้ายังไม่เข้ามารายงานใช่ไหม เพราะพวกเขาถูกองครักษ์เงามังกรฆ่าตายหมดแล้วไงล่ะ รวมไปถึงกองทัพผิงหนานของเจ้าด้วย ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!” เสียงของหยุนถิงเย็นชาเคร่งขรึม ราวกับถูกตีกลางแสกหน้า ทุบลงไปบนหัวใจของผิงหนานอ๋องอย่างแรง
“เจ้าพูดเหลวไหล! องครักษ์ลับ ทหาร ใครก็ได้รีบมาเดี๋ยวนี้!” ให้ตายอย่างไรผิงหนานอ๋องก็ไม่เชื่อ รีบตะโกนขึ้นมาทันที
เขาซุกซ่อนองครักษ์ลับและหน่วยกล้าตายเอาไว้ในพระราชวังมากมาย ก็เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องไม่คาดคิด
เพียงแต่ว่าไม่ว่าเขาจะร้องตะโกนเรียกจนคอแตก ก็ไม่มีใครเข้ามาเลยสักคนเดียว
นาทีนี้ ผิงหนานอ๋องเชื่อแล้ว ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกกักขังดิ้นรนก่อนจะตาย ชำเลืองไปทางจวินหย่วนโยวด้วยความโกรธแค้น “พวกเจ้ารู้แผนการของข้าตั้งแต่ตอนไหน?”
“ตั้งแต่นาทีที่รู้ว่าเจ้าวางพิษกู่ให้กู้จิ่วเยวียน”
“ข้าเก็บซ่อนความสามารถ อดกลั้นมานานหลายปี คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายยังพ่ายแพ้ให้กับพวกเจ้าสองคน น่าขำ ช่างน่าขำจริงๆ!” จู่ๆผิงหนานอ๋องก็หัวเราะและคำรามอย่างบ้าคลั่ง ทั่วทั้งร่างกายจะล้มมิล้มแหล่
น้ำเสียงนั่นช่างน่าเศร้า ช่างน่าทอดถอนใจ
โม่เหลิ่งเหยียนวิ่งเข้าไปในสองสามก้าว คว้าคอเสื้อของผิงหนานอ๋องขึ้นมา “ตอนนั้นทำไมเจ้าต้องวางพิษกู่ให้ท่านแม่ของข้า เจ้าถึงกับลงมือกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ เจ้านี่มันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน?”
ใบหน้าของผิงหนานอ๋องซีดขาวราวกับขี้เถ้าที่มอดดับไปแล้ว “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนวางยาพิษแม่ของเจ้า ฮ่าๆ ฮ่าๆ——”
“ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือ?” หยุนถิงถามกลับ
“ข้าไม่มีทางบอกเจ้าหรอก” ผิงหนานอ๋องกล่าวอย่างเย็นชา
หยุนถิงวิ่งเข้าไปในสองสามก้าว มีดสั้นที่อยู่ในมือกรีดไปทางแขนของผิงหนานอ๋อง อีกมือหนึ่งหยิบขวดเครื่องเคลือบออกมาจากกระเป๋า เทหนอนสีเลือดตัวหนึ่งในขวดเครื่องเคลือบไปบนบาดแผลของผิงหนานอ๋อง
การกระทำรวดเร็วแม่นยำและโหดเหี้ยม ทำมันจบในรวดเดียว ผิงหนานอ๋องอยากจะขัดขวางก็ไม่ทันการแล้ว
หนอนสีเลือดตัวนั้นได้กลิ่นเลือด พริบตาเดียวก็มุดเข้าไปในเนื้อของผิงหนานอ๋องตามบาดแผลนั่น
“น่าชิงชังนัก!” ผิงหนานอ๋องยื่นมือออกไปอยากจะดึงหนอนนั่นออกมา แต่กลับไม่ทันการเสียแล้ว หนึ่งฝ่ามือของเขาจู่โจมไปทางหยุนถิงทันที
มืออีกข้างหนึ่งของโม่เหลิ่งเหยียนดึงหยุนถิงไปอยู่ด้านหลังทันที ฝ่ามือตบไปทางผิงหนานอ๋องจนกระเด็นออกไป
“อ๊า!” ผิงหนานอ๋องครางออกมาเบาๆ คนทั้งคนกระเด็นออกไป ชนเข้ากับโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าของฮ่องเต้พอดี เขาเจ็บจนสีหน้าซีดขาว
นาทีนั้น ผิงหนานอ๋องไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวด คลานขึ้นมาจากพื้นอย่างสุดแรงเกิด หันหลังก็ไปจับฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วที่อยู่ด้านหลังเป็นตัวประกัน
“ปล่อยข้าออกไป มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าฮ่องเต้เดี๋ยวนี้!”