จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 701 หยุนเฉิงเซี่ยงหาว่าข้าเป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 701 หยุนเฉิงเซี่ยงหาว่าข้าเป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน
“ท่านพ่อข้า ท่านพ่อข้าทำไมรึ?” หยุนถิงสงสัย
เสวี่ยเชียนโฉวมองหยุนถิงอย่างกระดากอาย ก่อนมองจวินหย่วนโยว พลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ถึงเอ่ยขึ้น “หยุนเฉิงเซี่ยงหาว่าข้าเป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน!”
“พรืด!” หยุนถิงหลุดขำออกมาทันที
สมเป็นพ่อนางจริงๆ ปกติไม่ไว้หน้านางเลยก็ว่าแย่แล้ว พ่อคนนี้นี่ปากกรรไกรจริงๆเลย
สีหน้าเสวี่ยเชียนโฉวบูดบึ้งขั้นสุด ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เจ้าอุทยานเสวี่ย เข้าไปคุยกันด้านในเถอะ” หยุนถิงบอก
เพราะในจวนนี่ ทั้งคนรับใช้ องครักษ์ องครักษ์ลับ บนกำแพงยังมีองครักษ์เงามังกรเกาะอยู่ จะอย่างไรเสวี่ยเชียนโฉวก็เป็นเจ้าอุทยานแห่งอุทยานตระกูลเสวี่ย ไม่แน่ว่าพ่อตนจะพูดอะไรน่าเกลียดกว่านี้อีกก็ได้
“ได้!” เสวี่ยเชียนโฉวถอนห ายใจโล่งอก เรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้เขาก็ไม่อยากให้คนรู้มากเกินไป
พ่อบ้านรีบยกน้ำชามาให้ทันที จากนั้นอุ้มจวินเสี่ยวเทียนออกไป
“เจ้าอุทยานเสวี่ยบอกข้าอย่างละเอียดได้หรือไม่ว่า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” หยุนถิงถาม
เสวี่ยเชียนโฉวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่งก่อนพูดออกมาว่า “หลายวันก่อนข้าไปจวนตระกูลหยุนกับหยุนหลี พอหยุนเฉิงเซี่ยงได้ยินว่าเจ้าพาลูกๆกลับมาแล้ว ก็รีบมาที่จวนซื่อจื่อทันที ตอนนั้นข้าไม่มีโอกาสพูดอะไรเลย
หยุนเฉิงเซี่ยงรักใคร่บุตรสาวยิ่งนัก ข้าเข้าใจดี เพราะซื่อจื่อเฟยเองก็ไม่ได้กลับมาสองปีแล้ว ข้าคิดดูเรื่องก็ไม่ได้เร่งร้อนอะไร ต่อมาพอเจ้าจากไป ข้านำของกำนัลไปเยี่ยมเยือนหยุนเฉิงเซี่ยงด้วยความตั้งใจ
ข้าบอกกับหยุนเฉิงเซี่ยงว่าข้าชื่นชมหยุนหลี ข้าพูดได้แค่ไม่กี่คำ หยุนเฉิงเซี่ยงก็ถลึงตาใส่อย่างขึ้งโกรธ หาว่าข้าเป็นโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน คิดจะลักพาตัวลูกสาวเขา
แถมเขายังวางแผนเรื่องการแต่งงานของหยุนหลีไว้แล้วด้วย บอกว่า ต่อไปคนที่หยุนหลีจะแต่งงานด้วยเป็นคนฐานะสูง ไม่ใช่ใครที่เจ้าอุทยานเช่นข้าจะเทียบได้เลย หยุนเฉิงเซี่ยงยังบอกว่าเฉินอ๋องไม่เลวเลย”
“โม่ฉือชิง?” หยุนถิงหลุดหัวเราะออกมา
“ซื่อจื่อเฟย มีอะไรน่าขันรึ?” เสวี่ยเชียนโฉวกระดากขั้นสุด
เดิมเขารู้สึกว่าหยุนหลีน่าสนใจ แต่พอรู้จักกันไปนานๆเข้าก็พบว่า นังหนูนี่ถึงจะอารมณ์ร้อน ชอบลงไม้ลงมือ แต่ก็เป็นคนตรงไปตรงมา จริงใจเปิดเผยไม่ปิดบัง
โดยเฉพาะตอนหยุนหลีเกือบเกิดเรื่อง ตอนนั้นเสวี่ยเชียนโฉวเสียใจแทบตาย หากเขาไปช้าเพียงนิด ไม่อาจคาดคิดถึงผลลัพธ์ได้เลย
หลังจากเจอซวนอ๋อง มองเห็นหยุนหลีถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับซวนอ๋อง เสวี่ยเชียนโฉวิ่งมั่นใจในความรู้สึกตนมากขึ้น
ชาตินี้คือนางแล้ว
เขารู้ว่าตนไม่คู่ควรกับหยุนหลี นางเป็นคุณหนูสี่แห่งจวนตระกูลหยุน ถึงจะเป็นลูกเมียรอง แต่ก็อยู่อย่างสุขสบายเงินทองไม่ขาดมือแต่เล็ก ยิ่งเป็นแก้วตาดวงใจของหยุนเฉิงเซี่ยง บัดนี้ซื่อจื่อเฟยเองก็รักใคร่นางเช่นนี้ อันที่จริงยามเผชิญหน้าหยุนหลี เสวี่ยเชียนโฉวรู้สึกต่ำต้อยอยู่เหมือนกัน
เพราะเขาเจอเรื่องต่างๆมามากมายตั้งแต่เล็ก ยิ่งอยู่ในคุกหลวงของแคว้นต้าเยียนมานานหลายปี แต่เขาไม่อยากพลาด ไม่อยากเสียหยุนหลีผู้ที่นำพาความอบอุ่นและแสงสว่างมาสู่ชีวิตเขาคนนี้
หยุนถิงเห็นสีหน้าลำบากใจและกระดากอายบนใบหน้าเสวี่ยเชียนโฉว ถึงได้อธิบายว่า “พ่อข้าพูดเช่นนี้ เป็นแค่อุบาย เขาไม่ชอบโม่ฉือชิงดอก และยิ่งไม่มีทางให้หยุนหลีแต่งกับโม่ฉือชิง”
“จริงรึ?” เสวี่ยเชียนโฉวถามอย่างตกตะลึง อารมณ์ที่เดิมทะมึนกลายเป็นงดงามขึ้นมาทันที
“แน่นอน ถึงพ่อข้าจะปากกรรไกร แต่ในใจใสกระจ่างดุจคันฉ่อง นิสัยของหยุนหลีค่อนข้างร่าเริง มุทะลุ ไม่เหมาะแต่งเข้าราชวงศ์ นางไม่เหมาะกับโม่ฉือชิง ยิ่งไปกว่านั้นข้าเคยบอกกับฝ่าบาทแล้วว่า ลูกสาวตระกูลหยุนจะไม่เข้าวังเด็ดขาด ส่วนเรื่องแต่งเข้าราชวงศ์หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวพวกนางเอง!” หยุนถิงพูดอย่างจริงจัง
เสวี่ยเชียนโฉวคว้าแขนหยุนถิงอย่างตื่นเต้นทันที “ซื่อจื่อเฟย ขอบคุณท่านนัก ขอบคุณ!”
จวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆสีหน้าเย็นชาลงฉับพลัน “เจ้าอุทยานเสวี่ย ปล่อยมือ!”
เสวี่ยเชียนโฉวถึงนึกได้ว่าตนเสียกิริยาไป รีบปล่อยมือทันที “ขออภัยซื่อจื่อเฟย จวินซื่อจื่ออย่าได้เข้าใจผิด ข้าแค่ตื่นเต้นมากไปหน่อย ข้าชอบหยุนหลี”
เขารู้ดีว่าจวินหย่วนโยวขึ้นชื่อเรื่องขี้หึงนัก รีบอธิบายออกมาทันที
“มิเป็นไร แต่เหตุใดเจ้าอุทยานเสวี่ยไม่ถามความรู้สึกของหยุนหลีเองเล่า” หยุนถิงเสนอ
สีหน้าเสวี่ยเชียนโฉวยิ่งบูดบึ้งหนักไปอีก “หยุนหลียังเด็ก นางยังไม่ค่อยเข้าใจ ข้าคิดว่าจะรอให้นางโตอีกหน่อย ค่อยพูดกับนางให้ชัดเจน”
“นี่เป็นเรื่องของพวกเจ้าสองคน เจ้าอุทยานเสวี่ยตัดสินใจเองก็พอ”
“ขอบคุณซื่อจื่อเฟยมาก!” เสวี่ยเชียนโฉวถึงขอตัวกลับไป
จวินหย่วนโยวเดินเข้ามา “หากเสวี่ยเชียนโฉวรักกับหยุนหลีจริงๆ น้องเขยคนนี้อายุดูจะมากไปสักหน่อย”
หยุนถิงมองค้อนเขา “ความรักไม่แบ่งอายุและฐานะ ขอเพียงพวกเขารักกันด้วยใจจริง รักกันจริง ก็พอแล้ว”
“ถิงเอ๋อร์พูดถูก!” ผ่านไปอีกระยะหนึ่งก็วันตรุษจีนเล็กแล้ว ถิงเอ๋อร์ช่วงสิ้นปีมีแผนอะไรหรือไม่?” จวินหย่วนโยวถาม
“ลูกๆชอบเรื่องครึกครื้น สิ้นปีปีนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงขึ้นเถอะ พอดีเลยเรียกลูกของจ้าวเคอกับลูกของพี่ใหญ่มาด้วย เด็กๆเล่นด้วยกัน จะได้สนิทสนมกันไว้” หยุนถิงเสนอ
“ทำตามที่ซื่อจื่อเฟยบอก”
ด้านนอกสวน องครักษ์คนหนึ่งพาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย รั่วเอ๋อร์สาวใช้ข้างกายองค์หญิงใหญ่ขอเข้าพบ!”
พอจวินหย่วนโยวที่อยู่ในห้องได้ยินก็ขมวดคิ้วน้อยๆ องค์หญิงใหญ่ส่งคนมาทำอะไรอีก
หยุนถิงถึงพึ่งนึกได้ว่า ไม่ได้ติดต่อองค์หญิงใหญ่นานแล้ว “ท่านพี่ พวกเราออกไปดูหน่อย”
“ได้” จวินหย่วนโยวยื่นมือเข้ามาจูงมือหยุนถิง ทั้งสองเดินออกมาด้วยกัน
พอสาวใช้เห็นจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยออกมา ก็คุกเข่าพลั่กลงพื้นทันที “ขอร้องซื่อจื่อเฟยช่วยองค์หญิงใหญ่ของข้าด้วยเถอะ!”
“องค์หญิงใหญ่เป็นกระไรรึ?” หยุนถิงถาม
“ระยะครึ่งปีมานี้องค์หญิงใหญ่ไม่ใคร่สบาย อ่อนแอลงเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่อาจลงจากเตียงได้แล้ว นอนป่วยติดเตียงมานาน ข้าน้อยหนีตายออกมา ขอร้องซื่อจื่อเฟยยื่นมือเข้าช่วยองค์หญิงใหญ่ของข้าด้วยเถอะ” สาวใช้รีบโขกศีรษะ ไม่กี่ครั้งหน้าผากก็แดงเถือก
หยุนถิงปล่อยมือจวินหย่วนโยวเดินเข้ามาหา และพยุงนางขึ้นมา “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า หนีออกมา เกิดอะไรขึ้น?”
สาวใช้หันมองรอบด้านในทันที จากนั้นกระซิบเสียงต่ำว่า “ข้าน้อยสงสัยว่ามีคนวางยาพิษองค์หญิงใหญ่ แต่หมอหลวงในวังมาดูอาการแล้วก็หาสาเหตุไม่เจอ ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่ร่างกายยังดีๆอยู่เลย ต่อให้ล้มป่วยกินยาพักผ่อนสักหลายวันก็หายแล้ว ไม่มีทางล้มป่วยเป็นครึ่งปีอย่างนี้”
หยุนถิงได้ยินเนื้อหาสำคัญ “เจ้ามีคนที่สงสัยหรือไม่?”
สาวใช้กลั้นใจ สูดลมหายใจเข้าปอดก่อนพูดว่า “ข้าน้อยสงสัยว่าเป็นคุณชายอาเหริน ตั้งแต่องค์หญิงใหญ่ล้มป่วยลง เขาก็รับหน้าที่เป็นพ่อบ้านควบคุมดูแลทั่วทั้งจวนองค์หญิงใหญ่ เรื่องใหญ่เล็กล้วนเป็นเขาตัดสินใจทั้งสิ้น ขนาดคนรับใช้จะออกจากบ้านยังต้องขออนุญาตเขาก่อน
หลายวันก่อนได้ยินว่าซื่อจื่อเฟยกลับมาแล้ว องค์หญิงใหญ่ให้ป้ายกับข้าน้อย ให้ข้าน้อยมาเชิญซื่อจื่อเฟย แต่โดนคุณชายอาเหรินพบเข้า
เขาให้คนโบยข้าน้อยสิบไม้ และยังบอกว่าต่อไปห้ามออกนอกจวนเด็ดขาด และยังห้ามบอกองค์หญิงใหญ่เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าอย่าหวังว่าจะรอดเลย
ข้าไร้หนทางได้แต่โกหกกับองค์หญิงใหญ่ว่าซื่อจื่อเฟยไม่อยู่ในจวน ได้แต่ไปเชิญวันหลัง แต่วันนี้องค์หญิงใหญ่กระอักเลือดแล้ว
องค์หญิงใหญ่มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตข้าน้อย ดังนั้นข้าน้อยเลยแอบตามรถที่ออกไปซื้อของออกมา ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตข้าน้อยก็จะเชิญซื่อจื่อเฟยไปให้ได้!”
เห็นท่าทางร้อนใจเป็นกังวลของสาวใช้แล้ว หยุนถิงคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า ข้างกายองค์หญิงใหญ่ที่เย่อหยิ่งจองหองมาตลอดก็มีคนที่จงรักภักดีเพียงนี้อยู่ด้วย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าสักครั้ง!”