จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 702 ครั้งนี้ห้ามปฏิเสธข้าเด็ดขาด
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 702 ครั้งนี้ห้ามปฏิเสธข้าเด็ดขาด
“ขอบคุณซื่อจื่อเฟยยิ่งนัก!” สาวใช้โขกศีรษะขอบคุณหลายครั้ง
“ข้าไปกับเจ้าด้วย ครั้งนี้ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด” จวินหย่วนโยวเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด เขาไม่อยากให้หยุนถิงเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรอีก
หยุนถิงพยักหน้าน้อยๆ “ได้ องค์หญิงใหญ่ป่วยหนัก ซื่อจื่อไปเยี่ยมเยียนก็เห็นได้ชัดถึงมารยาทเพียบพร้อม”
“หลิงเฟิง ไปเตรียมตัวซะ!” จวินหย่วนโยวสั่งการ
“ขอรับ!”
“ข้าจะให้คนส่งเจ้ากลับไป ในเมื่อเจ้าแอบหนีออกมา เช่นนั้นก็แอบกลับไป อย่าให้ใครจับได้!” หยุนถิงบอก
สาวใช้โขกศีรษะอีกครั้งอย่างซาบซึ้ง แต่กลับโดนหยุนถิงรั้งไว้ “ไม่ต้องเกรงใจมากเพียงนี้”
องครักษ์ลับคนหนึ่งรีบเข้ามาทันที และพาสาวใช้ออกไป
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกลับนั่งรถม้ามุ่งตรงไปยังจวนองค์หญิงใหญ่
พออาเหรินได้ยินว่าจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยมา ก็ตกตะลึงยิ่งนัก รีบออกมาต้อนรับทันที
“คารวะจวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย มิทราบว่าทั้งสองท่านมาจวนองค์หญิงใหญ่ด้วยเรื่องอันใดรึ?” อาเหรินถวายบังคมอย่างนอบน้อม
ถึงจะถวายบังคม แต่กลับไม่ได้คุกเข่า
หยุนถิงมองอาเหริน ดูสุขุมกว่าเมื่อสองปีก่อนมากนัก และอ้วนขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังคงหล่อเหลาอยู่ แต่มีแววเย่อหยิ่งเพิ่มขึ้นมา ต่างกับเมื่อสองปีก่อนที่ว่าง่ายเชื่อฟังนั่นอย่างมาก
“ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ป่วยหนัก เลยพาซื่อจื่อเฟยมาเยี่ยม!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
อาเหรินตะลึง เรื่ององค์หญิงใหญ่ป่วยหนัก พวกจวินซื่อจื่อรู้ได้อย่างไรกัน เขาจัดการปิดข่าวไว้อย่างดีแล้วนี่นา
“ขอบคุณจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยยิ่งนัก องค์หญิงใหญ่สบายดี มีหมอหลวงจากในวังคอยทำการรักษาองค์หญิงใหญ่ ไม่รบกวนซื่อจื่อเฟยแล้วดีกว่า!” อาเหรินตอบ
ดวงตาจวินหย่วนโยวหม่นลง สายตาคมปลาบดุจใบมีดนั่นมองมา “ทำไม ข้าเข้าพบองค์หญิงใหญ่มิได้?”
อาเหรินสะท้านเยือกกับราศีแข็งแกร่งของจวินซื่อจื่อ ตกใจรีบอธิบาย “จวินซื่อจื่ออย่าเข้าใจผิด ข้าแค่กลัวจะไปรบกวนการพักผ่อนขององค์หญิงใหญ่เท่านั้นเอง!”
“ฝีมือการแพทย์ของข้าเจ้าคงไม่สงสัยกระมัง จะได้ช่วยดูให้องค์หญิงใหญ่ได้พอดีเลย นำทางเถอะ!” หยุนถิงพูดเสียงเรียบ
คราวนี้ต่อให้อาเหรินอยากปฏิเสธ ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ได้แต่เดินหน้าตึงนำทางไป
“อันที่จริงองค์หญิงใหญ่มิเป็นอะไรมาก เพียงแค่ร่างกายอ่อนเพลียเล็กน้อย หมอหลวงแวะมาตรวจชีพจรให้นางทุกๆสามวัน” อาเหรินพูดระหว่างนำทาง
“ในเมื่อมาแล้ว ก็ต้องเข้าพบองค์หญิงใหญ่สักหน่อย ไม่เช่นนั้นจะโดนคนหาว่ามิรู้มารยาท”
อาเหรินเสริมอย่างกระดาก “ซื่อจื่อเฟยพูดถูกแล้ว
ห้ององค์หญิงใหญ่
อาเหรินรีบพุ่งเข้าไปคุกเข่าลงข้างเตียงทันที “องค์หญิงใหญ่ จวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยมาเยี่ยมท่านแล้ว”
องค์หญิงใหญ่ไอค่อกแค่กอย่างอ่อนแรงสองครั้ง อยากลุกขึ้นนั่งแต่เพราะร่างกายอ่อนแอนักขยับไม่ได้เลย
อาเหรินพยุงองค์หญิงใหญ่ขึ้นนั่งอย่างเอาใจใส่ หยิบหมอนมาหนุนหลังให้นาง “องค์หญิงใหญ่พิงนี่เถิดจะได้สบายหน่อย”
“อืม” องค์หญิงใหญ่มองคนที่เข้ามาอย่างอ่อนแรง “จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยมาหาข้ามีอะไรรึ?”
“ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ไม่สบาย ข้ากับซื่อจื่อเลยตั้งใจมาเยี่ยม!” หยุนถิงพูดพลางเดินเข้ามานั่งลงขอบเตียง
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ซื่อจื่อเฟยยังนึกถึงข้า ตอนนี้ข้าเป็นเช่นนี้ คงทำเจ้าตกใจน่าดู” องค์หญิงใหญ่พูดพลางไอออกมาอีก
อาเหรินรีบลูบหลังให้องค์หญิงใหญ่อย่างระมัดระวัง “องค์หญิงอย่าหักโหมเลย หมอหลวงบอกแล้วว่าท่านต้องพักฟื้นให้ดี”
“ระยะนี้ที่ข้าป่วย ลำบากเจ้าแล้ว นานทีซื่อจื่อเฟยและจวินซื่อจื่อจะมา เจ้าไปนำชาจิ่งหงที่ข้าเก็บรักษาออกมา” องค์หญิงใหญ่บอก
“ขอรับ!” อาเหรินช่วยห่มผ้าห่มให้นาง และได้แต่ถอยออกไป
หยุนถิงพุ่งเข้ามา พลางคว้ามือองค์หญิงใหญ่มาจับชีพจรให้ทันที
“ซื่อจื่อเฟยมิต้องเสียเวลาแล้ว ข้าป่วยเช่นนี้มากว่าครึ่งปีแล้ว หมอหลวงมาตรวจชีพจรให้ทุกๆสามวันก็หาสาเหตุไม่เจอ อาจเพราะข้าทำกรรมมามากเกินไป สมน้ำหน้าต้องมามีจุดจบเช่นนี้!” องค์หญิงใหญ่บ่น
องค์หญิงใหญ่เมื่อก่อนหรูหรา เย่อหยิ่งจองหอง เอาแต่ใจ แถมยังชอบฉุดคร่าผู้ชาย ขอเพียงเป็นชายรูปงามที่นางต้องตา ไม่ว่าใช้วิธีการใดก็จะแย่งมาให้ได้ นางไม่ต่างอะไรกับคนสารเลวที่ฉุดคร่าผู้หญิงเหล่านั้นเลยสักนิด
ตอนนี้ตนกลายมาเป็นแบบนี้ เท่ากับกรรมตามสนองแล้ว
หยุนถิงส่ายหัว “ไม่เจอกันสองปี นิสัยขององค์หญิงใหญ่ใจกว้างขึ้นมาก”
“ว่ากันว่า คนพอจะตายมักจะพูดความจริง ข้าล่ะอิจฉาซื่อจื่อเฟยจริงๆ ในชาติหนึ่งได้เจอคนที่ตนรักและรักตน มันช่างเป็นความสุขอย่างยิ่ง และโชคดีมาก ชาตินี้ข้าคงไม่มีโอกาสแล้ว” องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจยาว
“องค์หญิงไยพูดเช่นนี้ ท่านไม่ตายหรอก แค่ถูกพิษเท่านั้น คนที่วางยาฉลาดมาก พิษออกฤทธิ์ช้า พบเจอได้ไม่ง่าย และไม่ทำให้คนตายทันที แต่ทำให้อ่อนเพลียลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะนอนหายใจรวยรินราวกับมนุษย์ผัก” หยุนถิงตอบ
องค์หญิงใหญ่ตกใจมาก “ข้าโดนวางยาพิษรึ?”
“อืม”
“ใครกันบังอาจวางยาข้า น่าตายนัก มิน่าหมอหลวงก็หาสาเหตุไม่เจอ หากให้ข้ารู้ว่าเป็นใคร จะต้องจับมันสับเป็นแปดชิ้นสิบชิ้น ห้าม้าแยกร่างเลย” องค์หญิงใหญ่กัดฟันกรอด
นางที่คิดว่าจะตายแล้ว มาโดนบอกว่าถูกวางยาพิษ องค์หญิงใหญ่มีหรือจะไม่แค้น ไม่เดือดดาล
หยุนถิงไม่ได้ตอบ ควักเข็มเงินออกมาช่วยลงเข็มให้องค์หญิงใหญ่ทันที จากนั้นก็จิ้มนิ้วมือทั้งสิบของนาง
เลือดที่ออกมาจากปลายนิ้ว เป็นสีดำทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่าโดนพิษลึกมาก
“ซื่อจื่อเฟย บุญคุณครั้งนี้ข้าจะระลึกไว้ในใจ ต่อไปหากมีเรื่องอันใดให้ข้าช่วย ขอเพียงเจ้าบอกมาคำเดียว!” องค์หญิงใหญ่บอกอย่างซาบซึ้ง
“ได้ ข้าจะไม่เกรงใจองค์หญิงใหญ่แน่” หยุนถิงช่วยถอนพิษให้นางต่อไป
รอจนอาเหรินยกชาเข้ามา หยุนถิงก็จัดการเสร็จหมดแล้ว และกลับไปนั่งข้างเตียงตามเดิม องค์หญิงใหญ่ยังคงเอนพิงหมอน ท่าทางอ่อนแรงนัก
“นี่คือชาจิ่งหงที่องค์หญิงใหญ่เก็บรักษาไว้อย่างดี ขอเชิญจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยชิมดูเถิด” อาเหรินเทน้ำชาสองถ้วยทันที และยื่นมาให้
จวินหย่วนโยวกลับไม่รับมา เพียงปรายตามองอย่างเย็นชา “ข้าไม่ดื่มชา”
อาเหรินกระดากนัก มือที่ถือถ้วยชากำแรงโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกเหมือนโดนดูถูกเข้าอย่างจัง
ต่อให้เขาพยายามปีนขึ้นที่สูงแค่ไหน ต่อให้เขาได้ควบคุมดูแลจวนองค์หญิงใหญ่ทั้งหมด หากเมื่อมาอยู่ต่อหน้าจวินซื่อจื่อก็ยังคงต่ำต้อยกว่าคนอื่นอยู่ดี
หยุนถิงมองออกถึงความโกรธและอดกลั้นของอาเหริน เลยยื่นมือรับถ้วยชามา “ซื่อจื่อไม่ชอบดื่มชาข้างนอก ข้าชิมดูแล้วกัน” พูดพลางจิบไปหนึ่งคำ
“รสชาติเป็นอย่างไร?” องค์หญิงใหญ่ถาม
“ไม่เลว รสอ่อนบาง เหลือกลิ่นหอมจางในปาก ชาที่องค์หญิงใหญ่เก็บรักษาไว้นี่ดีจริงๆ” หยุนถิงชมเชย
“ในเมื่อเจ้าชอบ อีกครู่ตอนเจ้าจะกลับก็ให้อาเหรินเอาให้เจ้ากลับไปหน่อย” องค์หญิงใหญ่หอบหายใจพูด
“เช่นนั้น ข้าไม่เกรงใจองค์หญิงใหญ่แล้วนะ” หยุนถิงพูดกับองค์หญิงใหญ่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไป
ก่อนกลับ อาเหรินให้คนห่อใบชาสองห่อใหญ่มอบให้ซื่อจื่อเฟยนำไปโดยเฉพาะ
พอเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกลับไป อาเหรินที่เดิมยิ้มละไมพลันสีหน้าเย็นชาลง ดวงตาดำขลับฉายแววเหี้ยมเกรียมและเย้ยหยันทันที
พอคิดถึงคำพูดคนผู้นั้น อาเหรินเรียกคนรับใช้มาคนหนึ่ง กระซิบข้างหูเขาหลายคำ คนรับใช้คนนั้นรีบวิ่งออกไปทันที
“จวินหย่วนโยว ต่อให้เจ้าเย่อหยิ่งจองหองแล้วอย่างไร อีกไม่นานหยุนถิงก็มีภัยแล้ว ดูสิว่าเจ้าจะจองหองอยู่ได้อย่างไร!”