จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 710 ขอเพียงมีข้าอยู่ รับรองไม่ยอมแพ้แน่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 710 ขอเพียงมีข้าอยู่ รับรองไม่ยอมแพ้แน่
“แน่นอนว่าอยากให้นางรีบแต่งงานออกเรือน หากโม่หลานแต่งงานกับท่านก็คือเฉินหวางเฟย หวางเฟยไม่อาจมาอยู่กินรวมกับเหล่าทหารที่ค่ายทหารกระมัง
เช่นนั้นรองแม่ทัพอย่างข้าก็ได้เลื่อนตำแหน่งแล้วมิใช่รึ ข้าอยู่แคว้นเทียนจิ่วน่ะเป็นแม่ทัพใหญ่ มาแคว้นต้าเยียนของพวกท่านกลับได้เป็นแค่รองแม่ทัพ รายได้แย่ไปหน่อยนะ
ดังนั้นเฉินอ๋องท่านรีบพยายามเลย ให้ได้แต่งกับโม่หลานนะ แบบนี้ข้าก็จะสามารถเป็นแม่ทัพใหญ่ได้อย่างสง่าผ่าเผยละ พวกเราต่างก็ได้ประโยชน์ทั้งคู่” จี้อวี๋อธิบาย
เฉินอ๋องเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ไม่ว่าเจ้าจะพูดจริงหรือเท็จ หัวใจของข้าที่มีต่อโม่หลานก็ไม่มีวันเปลี่ยน”
“ก็ดีสิ ข้าอวยพรล่วงหน้าให้เฉินอ๋องทำสำเร็จเร็วๆแล้วกัน” จี้อวี๋พูดจบ ถึงได้จากไป
โม่ฉือชิงขี้เกียจใส่ใจว่านางจะมีเป้าหมายอะไรกันแน่ เพราะหากนางกล้าทำร้ายโม่หลาน โม่ฉือชิงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้แน่
“พ่อบ้าน ให้คนรีบเตรียมน้ำ ข้าจะอาบน้ำเปลี่ยนชุด” โม่ฉือชิงสั่งการ
“ขอรับ” พ่อบ้านรีบไปจัดการทันที
โม่ฉือชิงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างฉับไว เขาตั้งใจเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ที่ดูหล่อเหลา หลังจากแต่งตัวเล็กน้อย ก็มุ่งตรงไปจวนตระกูลโม่ทันที
สุดท้ายกลับถูกพ่อบ้านของจวนตระกูลโม่บอกว่า โม่หลานไปค่ายทหารแต่เช้าตรู่ และยังสั่งไว้อีกว่าจะไม่กลับมาหลายวัน
คราวนี้โม่ฉือชิงอึ้งบื้อไปเลย ทำไมเขารู้สึกเหมือนโม่หลานกำลังหลบหน้าเขา
พอคิดถึงการกระทำอันไม่สมควรของตนเมื่อคืน โม่ฉือชิงรู้สึกเสียใจขึ้นมา เกิดโม่หลานโกรธจัดใส่ตน มิเท่ากับทุกสิ่งสูญเปล่ารึ
“เฉินอ๋อง นายท่านของเราอยู่ ท่านเข้าไปนั่งสักหน่อยดีหรือไม่?” ทหารยามหน้าประตูถามเสียงเบา
“ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับแม่ทัพเฒ่าโม่ ไปก่อนล่ะ ไว้โม่หลานกลับมาแล้วข้าค่อยมาแล้วกัน” โม่ฉือชิงหมุนตัวจากไป
ระหว่างทาง โม่ฉือชิงได้เจอกับโม่ฉือหานที่ออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเป่ยตันเสวี่ย
“พี่รอง บังเอิญจริง ท่านก็มาเดินเล่นรึ” โม่ฉือชิงทักทาย
“อืม ข้าเป็นเพื่อนองค์หญิงรองมาเดินเล่น ทำไมเจ้าดูหม่นหมองเหงาหงอยเช่นนี้เล่า เกิดอะไรขึ้นรึ?” โม่ฉือหานถาม
“พี่รอง ข้าดื่มหนักในงานเลี้ยงเมื่อคืนไปหน่อย จี้อวี๋บอกว่าข้าจูบโม่หลานไป ตอนเช้าข้าคิดจะไปหาโม่หลานเพื่ออธิบาย ทหารยามกลับบอกว่านางไปค่ายทหาร แต่ข้ารู้สึกว่านางกำลังหลบหน้าข้ามากกว่า” โม่ฉือชิงพูดอย่างหม่นหมอง
“เฉินอ๋องชอบคุณหนูโม่รึ?” เป่ยตันเสวี่ยอดแปลกใจไม่ได้
โม่ฉือหานพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ให้เวลานางหน่อย อย่าบีบคั้นมากไปนัก โม่หลานน่ะนิสัยโผงผาง จู่ๆเจ้ามาทำเช่นนี้ คงทำนางตกใจน่ะ”
นางนำทัพออกศึกยังไม่กลัว จะมากลัวข้า?” โม่ฉือชิงไม่เข้าใจ
“นี่มันคนละเรื่องกัน เจ้ากลับไปก่อน ผ่านไปสักหลายวันค่อยไปหานางอธิบายให้ชัดเจน”
“ก็ได้ งั้นพี่รองท่านเดินเล่นต่อไปนะ ข้าไปก่อนล่ะ” โม่ฉือชิงหมุนตัวจากไป
“ท่านอ๋อง ท่านไม่ช่วยเฉินอ๋องหน่อยรึ?” เป่ยตันเสวี่ยถาม
“เรื่องความรัก คนอื่นช่วยไม่ได้ ได้แค่อาศัยตัวเองเท่านั้น ไปเถอะ” โม่ฉือหานตอบ
“ได้”
พริบตาเดียวผ่านไปแปดวันแล้ว วันนี้เป็นวันสิ้นเดือนที่ค่ายทหารจะทบทวนตรวจสอบเหล่าทหารพอดี
พอเช้ามา ฮ่องเต้ก็เรียกเหล่าองค์ชาย ท่านอ๋องและเหล่าขุนนางไปค่ายทหารด้วยกัน
รอจนพวกเขาไปถึงแล้ว กลับเจอหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว ยังพาลูกสองคน และยังมีฟู่อี้เฉิน หยุนหลีเป็นต้น
“หยุนถิง พวกเจ้ามาได้ยังไงน่ะ ที่นี่คือค่ายทหาร เจ้าไม่กลัวทำลูกๆตกใจรึ?” โม่ฉือชิงถามอย่างเป็นห่วง
“เฉินอ๋องวางใจเถอะ ข้ากลับกลัวว่าเด็กทั้งสองจะทำเหล่าทหารตกใจเสียมากกว่า” หยุนถิงตอบ
ทุกคนใบ้กิน ความรักพวกพ้องของซื่อจื่อเฟยนี่เกินไปหน่อยกระมัง เด็กสองคนที่อายุไม่ถึงสองขวบจะทำให้เหล่าทหารนับพันนับหมื่นตกใจได้ น่าขันนัก แน่นอนว่าคำพูดนี้ทุกคนได้แต่พูดในใจ ไม่มีใครกล้าพูดออกมาเลย
“ข้าให้พวกหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวมาเอง ทุกปีก็มาทบทวนตรวจสอบทหาร จัดกองทัพ วางค่ายกลไม่มีอะไรสนุก ปีนี้หยุนถิงเสนอความคิดใหม่ น่าสนใจมาก” ฮ่องเต้บอก
ทุกคนพากันมองมา ต่าสงสัยในความคิดใหม่ของซื่อจื่อเฟย
โม่หลานและจี้อวี๋เดินเข้ามา “ถวายบังคมฝ่าบาท เหล่าทหารรวมตัวกันครบหมดแล้ว”
“ได้ หยุนถิง เจ้าเป็นตัวแทนข้าไปประกาศกฎ!” ฮ่องเต้บอก
“เพคะ!”
หยุนถิงส่งลูกให้จวินหย่วนโยว เดินไปที่เวทีห่างไปไม่ไกล มองดูหัวดำไปหมดของเหล่าทหารด้านล่าง
“เมื่อก่อนทุกปี ทุกคนจะจัดกองทัพ วางค่ายกล แต่แบบนี้ก็ดูไม่ออกถึงฝีมือที่แท้จริงและผลลัพธ์ของการฝึกฝนของทุกคน เพราะปกติทุกคนก็ฝึกฝนแบบนี้
ดังนั้นข้าเลยเสนอกับฝ่าบาทว่า ปีนี้ให้เปลี่ยนวิธีทบทวนตรวจสอบค่ายทหาร ทั้งกองทัพให้แบ่งเป็นสามกลุ่ม โม่หลานและจี้อวี๋แบ่งกันนำคนละกลุ่ม อีกกลุ่มหนึ่งให้คนนอกค่ายทหารมาร่วมด้วย อย่างเช่นองค์ชายองค์หญิงหรือไม่ก็ขุนนางบุ๋นและบู๊ได้ทั้งนั้น
การที่เข้าร่วมกลุ่มที่สาม เพราะจะได้ตรวจสอบถึงความสามารถในการพลิกแพลงและการฝึกซ้อมของทุกคนในปกติ ยังไงต่อไปพวกเจ้าก็ต้องไปสนามรบ การศึกสงครามน่ะมีหลากหลายรูปแบบนัก คู่ต่อสู้ยิ่งมีมากมายหลายแบบ
หากเหล่าแม่ทัพชนะ แสดงว่าการฝึกซ้อมของพวกเจ้าในปกตินั้นสำเร็จมาก หากพวกเจ้าแพ้ คงได้แต่บอกว่าฝึกซ้อมยังไม่พอ คนธรรมดายังเอาชนะพวกเจ้าได้ แล้วศัตรูจากอีกสามแคว้นที่เหลือเล่า
สามกลุ่มล้วนมีพื้นที่ค่ายของตนเอง เข้าไปบุกค่ายของคนอื่น และ”ฆ่า”แม่ทัพอีกฝ่ายได้ก็ถือว่าชนะแล้ว การฆ่าในที่นี้แค่การแตะถึงตัวเท่านั้น
ทุกคนจะมีกระบี่ยาวหนึ่งเล่ม ลูกศรยี่สิบดอก ลูกศรล้วนแต่ใช้ระเบิดหมอก ขอแค่ยิงลูกศรไปที่ตัวอีกฝ่าย ก็ถือว่าอีกฝ่ายแพ้แล้ว
ทุกคนจะมีเสบียงอาหารแค่สามวัน กินหมดแล้วต้องหาหนทางเอาเอง ล่าสัตว์หรือแย่งของคนอื่น ใช้ฝีมือกันเอาเอง อาวุธลับ กลโกงต่างๆได้หมด ขอเพียงไม่ทำร้ายชีวิตอีกฝ่ายก็พอแล้ว เพราะไว้พวกเจ้าได้ไปสงครามจริงๆ ขอเพียงเอาชนะได้ก็สามารถใช้ได้ทุกวิถีทางเลย” หยุนถิงอธิบาย
นางเอาวิธีการฝึกซ้อมของกองกำลังพิเศษในยุคปัจจุบันมาใช้ในค่ายทหารสมัยโบราณ
เหล่าทหารตกใจมาก พวกเขาไม่เคยได้ยินวิธีทบทวนตรวจสอบเช่นนี้มาก่อน ทั้งแปลกใหม่และเต็มไปด้วยการรอคอย
“ข้ารู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลว ใครอยากติดตาม มายืนทางข้านี้เลย!” โม่หลานฮึกเหิมมาก
ทบทวนตรวจสอบพวกนั้นทุกปีนางรู้เบื่อหน่ายมานานเต็มทีแล้ว ปีนี้น่าสนุกจริงๆ
“ข้าก็เห็นด้วย ใครจะติดตามข้า ข้ารับประกันกับพวกเจ้าได้เลย ขอเพียงมีข้าอยู่ รับรองไม่มีทางยอมแพ้แน่!” จี้อวี๋เสริม
เหล่าทหารแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่างครึกครื้น กลุ่มหนึ่งยืนฝ่ายโม่หลาน อีกกลุ่มยืนฝ่ายจี้อวี๋ ถึงจี้อวี๋จะพึ่งมาค่ายทหารไม่กี่เดือน แต่นางเคยเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว ฝีมือนั้นไม่เป็นรองโม่หลานเลย ทุกคนล้วนอยากเห็นฝีมือนางกันทั้งนั้น
“กลุ่มที่สามข้าเข้าร่วม!” ฟู่อี้เฉินฮึกเหิมนัก วันนี้ไม่ได้มาเสียเวลาเปล่า น่าสนุกนัก
“ข้าก็เข้าร่วม” โม่ฉือหานเอ่ยขึ้น
พอทุกคนเห็นหลีอ๋องเข้าร่วมด้วย เหล่าขุนนางและแม่ทัพพากันตื่นเต้นไปตามๆกัน พากันเข้าร่วม เพราะทบทวนตรวจสอบเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย
เฉินอ๋องพุ่งไปหาโม่หลาน “โม่หลาน ข้าเข้าร่วมกลุ่มเจ้าด้วย”
โม่หลานอยากปฏิเสธ หยุนถิงก็แทรกขึ้นก่อนว่า “หายากที่เฉินอ๋องจะกระตือรือร้นเช่นนี้ ย่อมได้อยู่แล้ว โม่หลานเจ้าเป็นแม่ทัพห้ามปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นนะ”
โม่หลานถลึงตาใส่หยุนถิงอย่างเดือดดาลด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ทำไมนางรู้สึกราวตกหลุมพรางบางอย่าง
แต่อยู่ต่อหน้าฝ่าบาทและทุกคน โม่หลานเลยไม่พูดอะไร ได้แต่กำชับโม่ฉือชิงว่า “ฟังคำสั่งข้าทั้งหมด หากเจ้ากล้าเป็นตัวถ่วง ข้าจะหักขาเจ้าทิ้งซะ!”