จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 711 ควรซาบซึ้งใจ หรือควรด่าว่าเขาโง่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 711 ควรซาบซึ้งใจ หรือควรด่าว่าเขาโง่
โม่ฉือชิงตกใจจนตัวสั่น พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าวางใจ ข้าไม่เป็นภาระอย่างแน่นอน จะช่วยเจ้าสู้จนได้รับชัยชนะให้ได้”
“พอเถอะ ขอเพียงเจ้าเอาชีวิตให้รอด ก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว” โม่หลานพูดบ่นขึ้นมา
“คนที่แบ่งทีมเสร็จแล้วไปรับของทางด้านนั้น” หยุนถิงชี้ไปด้านข้างพร้อมพูดขึ้นมา
โม่เหลิ่งเหยียนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าสิ่งของ ทหารหลายสิบคนรับผิดชอบแจกของ ทุกอย่างไปเป็นอย่างเรียบร้อย
ตรงหน้าซวนอ๋อง ใครกล้าไม่เชื่อฟัง
พวกทหารเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ รับของเสร็จแล้ว ก็ไปยังค่ายของตนเองเพื่อเตรียมการรบ
“โม่เหลิ่งเหยียน เจ้าก็เข้าร่วมกับพวกเราไหม มีเจ้าอยู่ด้วย เราจะได้ชัยชนะอย่างแน่นอน?” ฟู่อี้เฉินถามขึ้นมา
โม่เหลิ่งเหยียนส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของฮ่องเต้ หากข้าเข้าร่วมด้วย ไม่เป็นการฆ่าพวกเขาได้ง่ายๆหรือ บั่นทอนความกระตือรือร้นของทหารจะไม่ดี”
คำพูดประโยคนี้มีอำนาจ อวดดี ไม่มีใครกล้าสงสัย
ซวนอ๋องเป็นถึงเทพสงครามพิชิตอาณาจักรสี่แคว้น ยังเป็นเทพสงครามภายในใจประชาชนแคว้นต้าเยียน หากเขาเข้าร่วมด้วย พวกทหารคงไม่มีทางรอด
“ดูเจ้าพูดสิ ข้าให้เจ้าเข้าร่วมกลายเป็นเหมือนเอาเปรียบพวกเขาเสียอย่างนั้น ไม่เล่นก็ช่าง ข้าพาพวกเขาไปเล่นเอง” ฟู่อี้เฉินเม้นปากพูดขึ้นมา
“อย่างเจ้า จะพาทุกคนไปตายด้วยกันหรือ?” เสียงอวดดีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หยุนหลีขี่มาวิ่งมา
วันนี้พี่สาวใหญ่บอกกับนางว่า ในค่ายทหารมีเรื่องสนุก ดังนั้นหยุนหลีจึงมาดู
เสวี่ยเชียนโฉวก็ตามหลังนางมาด้วย มีซวนอ๋องอยู่ด้วย เสวี่ยเชียนโฉวไม่วางใจที่จะจากไป
ฟู่อี้เฉินหันมามอง พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนหลีเจ้าพูดว่าอะไร ข้าแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ไม่ใช่แย่ คือแย่อย่างมาก ไม่รู้ว่าหนานชวนชอบอะไรในตัวเจ้า” หยุนหลีพูดขึ้นมา พร้อมเดินมาถวายความเคารพฮ่องเต้ แล้วพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ ข้าก็อยากเข้าร่วม”
“ดี ในเมื่อมาเพื่อร่วมสนุก งั้นก็เข้าร่วมเถอะ” ฮ่องเต้พูดอนุญาต
“ขอบพระทัยฮ่องเต้”
หยุนหลีรีบไปรับของ มองเห็นโม่เหลิ่งเหยียนพอดี จึงพูดขึ้นมาว่า “ซวนอ๋อง เจ้าก็จะเข้าร่วมหรือ?”
“ข้าไม่เข้าร่วม ปกป้องความปลอดภัยของฮ่องเต้” โม่เหลิ่งเหยียนพูดตอบ
“งั้นน่าเสียดายมาเลย ยังคิดว่าจะได้สู้เคียงคู่กับเจ้า” หยุนหลีพูดบ่นขึ้นมา
“รับมือให้ดี ระวังตัวด้วย” โม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นมา จากนั้นก็หยิบของด้วยตนเอง ตั้งใจยื่นให้กับหยุนหลีหนึ่งชุด หยุนหลีดีใจอย่างมาก รีบรับมาพร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบพระทัยซวนอ๋อง”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
เสวี่ยเชียนโฉวที่อยู่ด้านหลัง สีหน้ามืดลงทันที ต่างพูดกันว่าซวนอ๋องเป็นคนเจ้าระเบียบที่สุด ไม่เคยลำเอียง กลับกระทำผิดกฎเพื่อหยุนหลี ถึงแม้ว่าควรดีใจที่หยุนหลีได้ของมาเพิ่ม แต่ในใจเสวี่ยเชียนโฉวกลับรู้สึกไม่ดี
เมื่อถึงคิวเสวี่ยเชียนโฉวรับของ โม่เหลิ่งเหยียนแค่ยืนด้านข้าง ไม่ขยับเขยื้อน เป็นทหารที่อยู่ด้านข้างหยิบของให้เขา
การเลือกปฏิบัตินี้ แตกต่างกันมากจริงๆ
ทุกคนได้รับของหมดแล้ว ต่างไปรวมตัวกันที่ทีมของตนเอง
เสียงส่งสัญญาณดังขึ้นมา ทีมคนทั้งสามกองต่างเคลื่อนไหวขึ้นมา รีบฉวยโอกาสโจมตีฝ่ายศัตรูก่อน แย่งชิงอาหารแล้วพื้นที่
โม่ฉือชิงติดตามอยู่ข้างหลังโม่หลานตลอด มองดูนางวางแผนการสู้รบกับทุกคน รอบคอบระมัดระวัง อดไม่ได้ที่จะภาคภูมิใจ
จู่ๆ มีคนมาโจมตี โม่หลานรีบหันไปส่งสัญญาณมือให้กับคนด้านข้าง ทุกคนผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี รีบหลบซ่อนตัวทันที
โม่ฉือชิงไม่มีฝีมือการต่อสู้ และไม่มีประสบการณ์ จึงหลบหนีไม่ทัน เท้าสะดุดล้มลงไปกองบนพื้นด้านข้าง
ลูกธนูยางถูกยิงลอยมา ในขณะที่กำลังจะยิงถูกโม่ฉือชิง โม่หลานตวัดดาบในมือ ฟันลูกธนูนั้นหล่นลงพื้น
ลูกน้องคนอื่นๆ รีบยิงฆ่าหลายคนที่แอบลอบทำร้ายทำหมด พวกลูกน้องรีบไปเอาอาวุธและอาหารแห้งของพวกเขา
โม่ฉือชิงค่อยคลานลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างย่ำแย่ พร้อมพูดขึ้นว่า “โม่หลาน ขอบใจพวกเจ้า”
โม่หลานกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “บอกแล้วว่าเจ้าไม่ต้องเข้าร่วมด้วย ยังไม่ทันได้ไปไหนก็เกือบถูกฆ่าตายแล้ว ต่อไปก็ระวังหน่อย”
โม่ฉือชิงพูดขึ้นมาอย่างเก้อเขินว่า “ก็ไม่มีประสบการณ์ไง ข้ารับประกันว่าจะเชื่อฟังเจ้า”
“ตามมาให้ดี” โม่หลานหันเดินจากไป
โม่ฉือชิงรีบตามไป พอโม่หลานหยุดกะทันหัน โม่ฉือชิงไม่ทันตั้งตัว เดินชนด้านหลังโม่หลานอย่างจัง
“ไอโย้ เจ็บ” โม่ฉือชิงร้องพูดขึ้นมา
โม่หลานพูดขึ้นมาอย่างจนใจว่า “อ่อนแอ”
“ใครจะไปรู้ว่า จู่ๆเจ้าจะหยุดลง”
“พูดมาก รีบตามมา ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ไปหาที่หลบซ่อนตัวไว้ รอสิ้นสุดแล้วค่อยออกมา” โม่หลานพูดขึ้นมา
“แบบนั้นไม่ได้ ข้ายังจะต้องปกป้องเจ้า” โม่ฉือชิงพูดเถียง
ยังไม่รอให้โม่หลานได้พูดอะไร ลูกน้องคนอื่นๆ ต่างก็หัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไร ห้ามหัวเราะ” วินาทีนี้โม่ฉือชิงแทบอยากหารูมุดเข้าไป น่าอับอายยิ่งนัก
พวกโม่หลานรีบเดินทางไปข้างหน้า ตามแผนการของพวกเขาคือไปโจมตีค่ายจี้อวี๋ สู้รบกับทีมสามค่อนข้างรังแกคนอื่น ดังนั้นโม่หลานก็อยากดูความสามารถของจี้อวี๋
ตลอดทาง โม่ฉือชิงร้องบ่นเหนื่อยมาตลอด ไม่เพียงต้องตามฝีเท้าโม่หลานให้ทัน ยังต้องหลบซ่อนตัวจากคนที่ลอบทำร้าย ยิ่งต้องรีบลงมือ จัดการอีกฝ่ายให้ได้ สำหรับพวกแม่ทัพเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับโม่ฉือชิงที่เป็นอ๋องเคยเสพสุขไปวันๆแบบนี้ ถือเป็นความทุกข์ยากลำบากอย่างมาก
ฟ้าเริ่มมืด โม่ฉือชิงก็เดินไม่ไหวแล้ว เขาปล่อยตัวนั่งอยู่บนพื้นหญ้า
“ข้าเดินไม่ไหวแล้ว ตีให้ตายก็เดินไม่ไหวแล้ว โม่หลานพวกเจ้าไปกันเถอะ ข้าไม่ไปแล้ว” โม่ฉือชิงอยากจะตายแล้วด้วยซ้ำ
รู้แบบนี้แต่แรกเขาก็จะไม่ดั้นด้นมาแล้ว รออยู่ข้างกายเสด็จพี่ กินของกินเครื่องดื่มอย่างอร่อยไม่ดีหรือ
โม่หลานรู้ว่าเขาเหนื่อยแล้วจริงๆ แต่ตามแผนของนางแล้วยังเหลือระยะทางอีกไกล ในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าควรจะพูดกล่อมเฉินอ๋องอย่างไร
“แม่ทัพ เราพักกันก่อนดีไหม เฉินอ๋องตามพวกเรามานานขนาดนี้แล้ว เขาคงเหนื่อยมากแล้วจริงๆ” หนึ่งในลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ใช่แม่ทัพ ทุกคนต่างก็เหนื่อยแล้ว เราพักกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ”
“ก็ได้ งั้นทุกคนหาที่พักกันก่อน” โม่หลานจำต้องตอบตกลง
โม่ฉือชิงค่อยโล่งอก เดินตามทุกคนมาได้สักพัก หาสถานที่พักผ่อนที่ปลอดภัย
โม่หลานคิดแต่เรื่องสู้รบ ไม่ค่อยได้ทานอะไรเลย เมื่อนั่งลงก็รีบเอาอาหารแห้งออกมา แล้วก็กำลังจะกิน
“โม่หลาน เจ้าไม่ต้องกินหมั่นโถวแห้งอันนี้” โม่ฉือชิงพูดห้าม แล้วก็รีบเอากระเป๋าสพายบนตัวมาเปิดออก ข้างในเป็นไก่ทอด ขนมหวาน ขนมสอดไส้เนื้อ……
ที่สำคัญคือ ล้วนเป็นสิ่งที่โม่หลานชอบกินที่สุด
“รีบทานอันนี้ นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าชอบกิน” โม่ฉือชิงพูดพร้อมกับยื่นน่องไก่ชิ้นโตไปให้หนึ่งชิ้น
โม่หลานขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ดังนั้นที่เจ้าสพายมาทั้งวัน ยอมเหนื่อยจนเดินไม่ไหว ก็ไม่ยอมวางทิ้งนั้น เป็นกระเป๋าที่สะพายเต็มไปด้วยของกินพวกนี้?”
“ใช่ พวกนี้ข้าล้วนจัดเตรียมไว้ให้เจ้า กลัวว่าเจ้าจะหิว” โม่ฉือชิงพูดตอบ
เวลานี้ โม่หลานไม่รู้ว่าควรซาบซึ้ง หรือควรด่าว่าเขาโง่ ตนเองวิ่งแทบไม่ไหวอยู่แล้ว ยังต้องเสี่ยงอันตรายที่จะถูกศัตรูกำจัดทิ้ง เพียงเพื่อเตรียมของกินไว้ให้กับนาง
“เฉินอ๋องช่างมีความตั้งใจจริงๆ นี่ข้ายังซาบซึ้งใจเลย แม่ทัพท่านรีบกินเถอะ” ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ใช่แม่ทัพ นี่เฉินอ๋องอุตส่าห์แบกมาทั้งวันเลยนะ หากท่านไม่กินจะเสียน้ำใจเฉินอ๋อง”
“เฉินอ๋องเสี่ยงตายเพื่อเอาของกินมาให้แม่ทัพ นี่ถ้าเป็นข้าจะต้องซาบซึ้งจนยอมยกชีวิตให้อีกฝ่ายแน่”