จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 712 แม่ทัพ ท่านยอมเสียเถอะ
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 712 แม่ทัพ ท่านยอมเสียเถอะ
โม่หลานถลึงตาใส่ลูกน้องพวกนั้น แล้วก็พูดขึ้นว่า “ของกินยังไม่สามารถปิดปากพวกเจ้าได้ ระหว่างข้ากับเฉินอ๋องไม่มีอะไรกัน ห้ามพูดจาไปเรื่อย”
โม่ฉือชิงเห็นสีหน้าโม่หลานไม่พอใจ รีบพูดอธิบายขึ้นว่า “โม่หลานพูดถูก ตอนนี้ยังไม่มีอะไร แต่ว่าข้าจะพยายาม”
“พยายามบ้าอะไร รีบเอาของกินพวกนี้ไปแบ่งให้กับทุกคน” โม่หลานพูดขึ้นมาอย่างโมโห
โม่ฉือชิงพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจทันทีว่า “ข้าแบกสิ่งของพวกนี้มาทั้งวัน ยอมเหน็ดเหนื่อยแทบตายก็เพื่อให้เจ้าได้กินสิ่งที่ชอบ จะให้พวกเขากินได้อย่างไร”
“พวกเขาไม่เพียงเป็นลูกน้องของข้า ยังเป็นเหมือนญาติสหายของข้า ข้าไม่เคยกินอะไรคนเดียว ถ้าไม่แบ่งให้ทุกคนกินด้วยกัน ก็เอาคืนไปเสีย” โม่หลานพูดเถียง
ถึงแม้โม่ฉือชิงไม่ยินยอม แต่ก็ยังรับเอาของกินมา แต่สีหน้านั้นบูดบึ้งมาก
พวกทหารต่างซาบซึ้งใจ แต่พวกเขาก็ไม่กล้ากินจริงๆ หากทำให้เฉินอ๋องโกรธ พวกเขาต้องแย่แน่
“แม่ทัพ พวกเราไม่กิน นี่เป็นสิ่งที่เฉินอ๋องตั้งใจเอามาให้ท่าน” ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“เฉินอ๋องมีความจริงใจต่อแม่ทัพจริงๆ หากข้าเป็นผู้หญิง จะแต่งงานกับเฉินอ๋องเท่านั้นแน่”
“ท่านแม่ทัพยอมเสียเถอะ อ้อไม่ ข้าหมายความว่าให้ท่านอย่าเสียน้ำใจของเฉินอ๋อง ท่านกินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงวางแผนให้กับพวกเรา พาพวกเราก้าวไปข้างหน้าต่อไป”
พวกทหารต่างพากันพูดขึ้นมา พร้อมเดินไปด้านข้าง พวกเขานั่งรวมตัวกัน ปล่อยให้โม่หลานกับโม่ฉือชิงอยู่กันตามลำพัง
“พวกชายชาตรีอย่างพวกเจ้า ทำไมถึงพูดมากอย่างกับผู้หญิง ไม่กินก็ช่าง ข้ากินเอง” โม่หลานทั้งอายทั้งโมโห หยิบขาไก่ชิ้นนั้นขึ้นมาแล้วก็กินคำโต
โม่ฉือชิงมองดูอยู่อย่างพอใจ แล้วก็รีบยื่นน่องไก่อีกข้างไปให้
ทุกคนมองดูเขาที่เป็นถึงเฉินอ๋อง เอาอกเอาใจแม่ทัพของพวกเขาขนาดนี้ ต่างก็หัวเราะเขา
แต่โม่ฉือชิงก็ไม่สนใจ ขอเพียงโม่หลานได้กินอิ่มหนำสำราญก็เพียงพอแล้ว
ถึงแม้โม่ฉือชิงจะไม่เคยชิน แต่ก็พยายามทำให้เคยชิน ในเมื่อตัดสินใจจะตามจีบโม่หลาน ก็ต้องเคยชินกับทุกสิ่งอย่างที่เป็นหนึ่ง
ทุกคนกินอิ่มแล้ว โม่ฉือชิงมองดูโม่หลานนอนพักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก็รู้สึกสงสารอย่างมาก
ปกตินางนำพาพวกชายชาตรีฝึกซ้อมอยู่ภายในค่าย เห็นได้ชัดว่าลำบากมาก เหน็ดเหนื่อยมาก
โม่ฉือชิงวิ่งมาทั้งวันจนเหนื่อยมากแล้วจริงๆ มองดูโม่หลานอยู่สักพักแล้วก็หลับไป
ไม่บอกว่ารอบด้านจะมีเสียงลมพัดมาดังแค่ไหน อุณหภูมิหนาวลงแค่ไหน โม่ฉือชิงก็ไม่สนใจ วางหัวแล้วก็นอนหลับไป
โม่หลานฟังเสียงลมหายใจของเขา แล้วก็ถอนหายใจอย่างจนใจ ปกติเจ้าคนนี้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสำราญ ติดตามพวกเขามาทั้งวัน ลำบากเขามากแล้วจริงๆ
เมื่อคิดแบบนี้ โม่หลานจึงเอาผ้าห่มของตนไปคลุมให้กับโม่ฉือชิง
พวกทหารคนอื่นได้ยินความเคลื่อนไหว ต่างก็หันมามอง ทุกคนมองหน้ากัน ต่างก็รู้ดีแก่ใจ
แม่ทัพของพวกเขาเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ นางถึงขั้นเอาผ้าคลุมของตนเองให้กับเฉินอ๋อง แสดงว่าในใจก็มีเฉินอ๋องอยู่ แต่ไม่ยอมรับเท่านั้นเอง
เทียบกับความเก้อเขินของพวกเขาแล้ว ทางด้านพวกหยุนถิงนั้น สุขสบายอย่างมาก
ฟ้ายังไม่มืด ซวนอ๋องก็สั่งคนตั้งกระโจมเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฟ้ามืดลงแล้ว ฮ่องเต้กับทุกคนนั่งอยู่ในกระโจม
เนื้อสัตว์ป่าที่พวกทหารไปล่ามาเมื่อตอนกลางวัน อยากเสร็จเรียบร้อยแล้ววางไว้บนโต๊ะ ทุกคนทานเนื้อย่างไปด้วย ดื่มเหล้ารสดีแล้วก็พูดคุยกัน สุขสำราญอย่างมาก
เวลานี้จวินเสี่ยวเทียนถือเนื้อย่างแล้วก็กินคำโต พร้อมพูดขึ้นว่า “อร่อย ท่านพ่ออร่อยมาก”
เจ้าเด็กน้อยกัดกินอยู่อย่างอร่อย ริมฝีปากมันเยิ้มไปหมด น่าขำอย่างสุดบรรยาย
จวินหย่วนโยวหยิบผ้าเช็ดหน้ามาช่วยเช็ดปากให้กับจวินเสี่ยวเทียน พร้อมพูดขึ้นว่า “ค่อยๆกิน”
ส่วนจวินเสี่ยวเหยียนที่อยู่ด้านข้างซบอกโม่เหลิ่งเหยียน มือน้อยๆ ยื่นเนื้อไปให้โม่เหลิ่งเหยียน
“กิน ท่านอากิน”
โม่เหลิ่งเหยียนมีชื่อเสียงในด้านรักความสะอาดอย่างมาก ไม่ด้อยไปกว่าจวินหย่วนโยว แต่จวินเสี่ยวเทียนเป็นลูกชายของจวินหย่วนโยว จึงไม่ถือสา
แต่โม่เหลิ่งเหยียนกับจวินเสี่ยวเหยียนไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน ทุกคนต่างหันมามองอย่างเป็นห่วง เด็กคนนี้ช่างกล้าจริงๆ ซื่อจื่อเฟยกับจวินซื่อจื่อก็ไม่สนใจ ไม่กลัวซวนอ๋องจะทำอะไรเด็กน้อยคนนี้หรือ
ฮ่องเต้ก็มองดูอย่างตกใจ เห็นโม่เหลิ่งเหยียนอุ้มเด็กน้อยไว้ ฮ่องเต้ก็รู้สึกแปลกใจแล้ว เวลานี้เมื่อเห็นนางทำแบบนี้ ฮ่องเต้ก็อดไม่ได้ที่จะหายใจยังเต้นแรง
แต่เห็นจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงไม่เป็นกังวล ฮ่องเต้ก็ไม่พูดอะไร
ในขณะที่ทุกคนกำลังมองอยู่อย่างตกตะลึง แปลกประหลาดใจ เป็นกังวล โม่เหลิ่งเหยียนอ้าปากกินเนื้อที่จวินเสี่ยวเหยียนส่งมาให้ พร้อมพูดขึ้นว่า “อร่อย ขอบใจเสี่ยวเหยียน”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนคางแทบร่วง
“ฮ่าๆ ข้าคิดไม่ถึงว่า สถานะอย่างซวนอ๋อง จะมีข้อยกเว้นให้กับเด็กคนหนึ่งได้” ฮ่องเต้หัวเราะเสียงดัง
หากไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงนั้นแน่นแฟ้น กับการที่จวินเสี่ยวเหยียนชอบโม่เหลิ่งเหยียนขนาดนี้ ฮ่องเต้ยังจะสงสัยว่าจวินเสี่ยวเหยียนเป็นลูกสาวของโม่เหลิ่งเหยียน
หยุนถิงกับโม่เหลิ่งเหยียนไม่มีวาสนาต่อกัน แต่ลูกสาวของนางกลับชอบโม่เหลิ่งเหยียนขนาดนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกจริงๆ
“เสี่ยวเหยียนว่าง่ายน่ารัก ข้าชอบนางมาก” โม่เหลิ่งเหยียนพูดตอบ
“ซวนอ๋องชอบเด็กขนาดนี้ มีหญิงที่หมายปองแล้วหรือยัง หากมีให้รีบบอกข้า ข้าประทานพระราชโองการสมรสให้กับเจ้า?” ฮ่องเต้ถามขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม
สีหน้าโม่เหลิ่งเหยียนเยือกเย็นอย่างเป็นปกติ ใบหน้าหล่อเหลากลับขมวดเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบพระทัยฮ่องเต้ รอเมื่อข้าพบเจอ จะทูลขอให้ฮ่องเต้ประทานพระราชโองการสมรสอย่างแน่นอน”
“ดี”
ด้านนอกกระโจม มีทหารคนหนึ่งมารายงานว่า “ฮ่องเต้ ขุนนางห้าคนของทีมสามตกรอบแล้ว หลายสิบคนในทีมสองถูกแม่ทัพโม่ควบคุม ลูกน้องของแม่ทัพโม่เสียหายเจ็ดแปดคน”
ผ่านไปทุกช่วงเวลา ก็จะมีทหารมารายงาน แบบนี้พวกฮ่องเต้ ต่อให้อยู่แต่ในกระโจม ก็สามารถรับรู้สถานการณ์ของทั้งสามทีม
“โม่หลานไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ เฉินอ๋องล่ะ เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” ฮ่องเต้ถามขึ้นมา
เขาก็แปลกใจมาก ตลอดทั้งวันนี้โม่ฉือชิงผ่านไปได้อย่างไร
“เรียนฮ่องเต้ เฉินอ๋องติดตามแม่ทัพโม่อยู่ตลอด ระหว่างทางหกล้มอยู่หลายครั้ง ยังถูกลอบทำร้ายอยู่หลายครั้ง มีสามครั้งที่เกือบจะตกรอบ ล้วนเป็นเพราะแม่ทัพโม่ช่วยเขาไว้ ตอนนี้พวกเขากำลังพักผ่อนอยู่” ทหารพูดรายงาน
“ฮ่าๆ เฉินอ๋องคนนี้ข้าดูถูกเขาเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถอดทนอยู่ได้ทั้งวัน” ฮ่องเต้พูดขึ้นมาอย่างค่อนข้างแปลกใจ
“ฮ่องเต้ เรามาวางเดิมพันกันไหม เดิมพันกันว่าเฉินอ๋องจะสามารถอยู่ได้กี่วัน” หยุนถิงเสนอขึ้นมา
“ข้อเสนอนี้ดี การตรวจผลในปีนี้ มีเจ้าค่อยเสนอแนะนั้นน่าสนุกมากจริงๆ วางเดิมพันกันอย่างไร?” ฮ่องเต้ถามขึ้นมาอย่างสนใจ
“วันนี้มีความสุข ข้าเป็นเจ้ามือ ข้าเดิมพันว่าเฉินอ๋องจะสามารถอยู่ได้มากสุดสามวัน พวกเจ้าสามารถวางเดิมพันได้ตามสบาย มากสุดห้ามเกินห้าวัน วางเดิมพันได้ตามสบาย ทุกคนสนุกสนานก็พอ คนที่เดาถูกให้รางวัลคืนสองเท่า หากเดาผิดทุกอย่างตกเป็นของข้า”หยุนถิงยิ้มหัวเราะ
“ข้าเดิมพันว่าเขาอดทนได้สองวัน วันละหนึ่งหมื่นตำลึง” โม่เหลิ่งเหยียนพูดออกมาเป็นคนแรก
“งั้นข้าเดิมพันเฉินอ๋องสี่วัน วันละหนึ่งหมื่นตำลึงเหมือนกัน” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา
“ซื่อจื่อเฟย ข้าไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ข้าวางเดิมพันหนึ่งพันตำลึงได้ไหม?” เป่ยตันเสวี่ยถามขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่นางเห็นการเอาท่านอ๋องมาวางเดิมพัน คิดอยากเข้าร่วมด้วย
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแค่อยากสนุกสนานเท่านั้นเอง” หยุนถิงพูดตอบ
“งั้นข้าวางเดิมพันสองวัน สองพันตำลึง”
“ข้าไม่มีเงิน วางเดิมพันด้วยดาบเล่มนี้ของข้า” เป่ยจิงจิงก็เข้าร่วม
นางตั้งใจตามพี่รองมา เดิมคิดว่าจะได้เจอหลงเอ้อ สุดท้ายก็ไม่ได้เจอเขาอีก เป่ยจิงจิงผิดหวังอย่างมาก
ซูกงกงที่อยู่ด้านข้างก็อยากสนุก ถามขึ้นมาด้วยเสียเบาว่า “ฮ่องเต้ ข้าน้อยเล่นด้วยได้ไหม?”