จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 716 เจ้าคนนี้คงไม่ตายไปแล้วจริงๆมั้ง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 716 เจ้าคนนี้คงไม่ตายไปแล้วจริงๆมั้ง
แต่โม่ฉือหานยังไม่ทันได้โล่งใจ ในป่าไม่ไกลก็มีเสียงเคลื่อนไหวขึ้นมา
สีหน้าโม่ฉือหานมืดมนอย่างมาก ในมือถือดาบไว้ค่อนข้างแรง
แย่ที่สุด ตัวบ้าอะไรมาอีก
จู่ๆ ค้างคาวมากมายบินมาโจมตี
“ทุกคนระวัง” โม่ฉือหานตะโกนพูดขึ้น สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมขึ้นมา ปกติค้างคาวออกหากินตอนกลางคืน ทำไมถึงมาปรากฏตอนกลางวัน น่าแปลกประหลาดยิ่งนัก
นายพลคนอื่นกับพวกทหารต่างตกใจมาก เพิ่งผ่านการเจองูมาเมื่อกี้ ตอนนี้ก็มาเจอค้างคาว ช่างโชคร้ายจริงๆ
“อ้าก รีบหนีเร็ว ทุกคนรีบหนีเร็วๆ” ทหารคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมา
ทหารคนอื่นกับพวกนายพลต่างก็กระวนกระวาย พวกเขายังไม่ทันได้ชักดาบ ค้างคาวพวกนั้นก็พุ่งมาโจมตีพวกเขาแล้ว
ทุกคนกรีดร้องเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง สิ้นหวังกับการที่จะมีชีวิตอยู่ อยากหลบก็ไม่มีที่จะให้หลบ หลายคนถูกค้างคาวโจมตีล้มนอนกลิ้งกับพื้น
แม้แต่โม่ฉือหานก็ถูกค้างคาวตัวหนึ่งกัด ยังกัดถูกตรงคอพอดี
เขาเจ็บปวดจนขมวดคิ้ว ดาบในมือรีบตวัดมา ฟันค้างคาวตัวนั้นขาดเป็นสองท่อน
แต่ตรงคอรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง โม่ฉือหานขมวดคิ้วแน่น เหลือบมองเห็นแม่น้ำที่อยู่ไม่ไกล โม่ฉือหานรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที
“ทุกคนรีบไปที่แม่น้ำ”
ทุกคนได้ยินแบบนี้ ก็อดกลั้นความเจ็บปวด หลบเลี่ยงค้างคาวแล้วรีบไปที่แม่น้ำ
ส่วนโม่ฉือชิงใช้วิชาตัวเบากระโดดลอยไปที่แม่น้ำ พร้อมมุดหัวลงไปในน้ำ
เดิมค้างคาวที่จู่โจมเขา ทำได้เพียงบินวนบนผิวน้ำไม่กี่รอบ สุดท้ายก็บินจากไป
เมื่อคนอื่นเห็น ต่างก็รีบวิ่งไปยังแม่น้ำนั่นอย่างสุดชีวิต จากนั้นก็กระโดดลงน้ำ จึงค่อยหลุดพ้นจากการโจมตีของค้างคาว
หยุนเสี่ยวลิ่วที่หลบซ่อนตัวอยู่เห็นภาพนี้ ก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “ไม่ง่ายที่จะได้เห็นหลีอ๋องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ขนาดนี้ หากพี่สาวใหญ่ได้เห็นก็ยิ่งดี”
“สิ่งที่เจ้ากระทำพวกนี้ ทหารองครักษ์ได้ไปกราบทูลรายงานฮ่องเต้แล้ว ถึงตอนนั้นถิงเอ๋อร์ก็จะต้องรู้แน่” หยุนไห่เทียนพูดขึ้นมา
“พี่ชายใหญ่พูดถูก พวกเราจะต้องทำให้หลีอ๋องมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ยาก จนอยากตายก็ตายไม่ได้” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดขึ้นมาอย่างสะใจ
เสี่ยวอันจื่อเก็บขลุ่ย เมื่อกี้เขาเป็นคนควบคุมค้างคาว ก่อนหน้านี้เขาควบคุมอินทรีทอง ต่อมาเสี่ยวอันจื่อก็เริ่มฝึกฝนควบคุมนก ตอนนี้มีความเชี่ยวชาญแล้ว
“เจ้าหกพูดถูก คนที่เคยทำร้ายคุณหนูใหญ่ จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด” เสี่ยวอันจื่อเห็นด้วย
“งั้นเราจัดการต่อ”
“พวกเจ้าทั้งสองต่างลงมือแล้ว ตอนนี้ถึงคราวข้าแล้ว” หยุนไห่เทียนพูดพร้อมกับหยิบผ้าดำขึ้นมาคลุมหน้า
“ดีเลย งั้นเราสองคนรอดูความสนุก” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดขึ้นมา
ในที่สุดโม่ฉือหานที่อยู่ในน้ำก็หลุดพ้นจากค้างคาว จากนั้นก็ออกมาจากน้ำ เปียกไปหมดทั้งตัว เส้นผมก็เปียกหมด สภาพย่ำแย่อย่างที่สุด
และตรงคอของเขาก็บวมอย่างมาก ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เป็นเหมือนดั่งถังน้ำ ตลกขบขันที่สุด
โม่ฉือหานเพิ่งได้ออกมาหายใจ จู่ๆก็มีคนสวมชุดดำคนหนึ่งพุ่งมีโจมตี
โม่ฉือหานรีบหลบ แต่คนคนนั้นดุเดือดมาก จู่โจมตรงส่วนสำคัญ โม่ฉือหานต่อสู้กับหยุนไห่เทียนขึ้นมาทันที
ส่วนลูกน้องคนอื่นที่อยู่ในน้ำมองเห็นภาพนี้ ต่างก็ตกตะลึงตาค้าง พวกเขาเพิ่งผ่านการเจองูพิษกับค้างคาว สภาพจิตใจย่ำแย่ ยังจะมีแรงไปสู้รบเสียที่ไหน
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ว่า จะเอาชีวิตรอดยังไง จู่ๆ ก็พบว่าคนชุดดำคนนั้นลงมือทำร้ายหลีอ๋องเพียงคนเดียว ไม่ได้สนใจพวกเขาเลย
เมื่อทุกคนเห็นแบบนี้ ก็ดีใจอย่างมาก เดิมทุกคนที่กำลังจะขึ้นไปบนฝั่ง ต่างเอาหัวมุดเข้าไปในน้ำ ลดความมีตัวตนอยู่ของตนเอง คิดหาวิธีให้คนชุดดำคนนั้นไม่สนใจตนเอง
ส่วนหยุนไห่เทียนจู่โจมอย่างรุนแรง มุ่งทำร้ายแต่ตรงส่วนสำคัญ ก่อนหน้านี้ที่รู้เรื่องสิ่งที่โม่ฉือหานกระทำกับหยุนถิง ในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพ ไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ยิ่งไม่สามารถลงมือแก้แค้นด้วยเหตุผลส่วนตัว ซึ่งอัดอั้นใจอย่างมาก ตอนนี้เขารับผิดชอบลอบทำร้าย ส่วนลอบทำร้ายจนกลายเป็นอย่างไรนั้น ก็แล้วแต่เขาแล้ว
โม่ฉือหานก็มีฝีมือไม่เลว แต่เพิ่งถูกงูพิษกับค้างคาวจู่โจม ร่างกายอ่อนแรงอย่างมาก บวกกับตรงคอถูกค้างคาวกัด ไม่นานก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ด้วยความไม่ทันระวัง แขนของเขาถูกมีดฟัน โม่ฉือหานเจ็บปวดจนขมวดคิ้ว ไม่กล้าประมาทอีก เห็นได้ชัดว่าคนชุดดำคนนี้ ต้องทำร้ายเขาถึงตาย
โม่ฉือหานใช้กำลังภายในทั้งหมดจู่โจมกลับไป แต่หยุนไห่เทียนก็ไม่ใช่คนธรรมดา โจมตีขึ้นลง จู่โจมซ้ายขวา ลงมืออย่างปราดเปรียว แล้วฟันถูกขาของโม่ฉือหานอีกครั้ง
“สารเลว” โม่ฉือหานก่นด่า แล้วก็กำลังจะตอบโต้
แต่จู่ๆเขามองเห็นภาพตรงหน้าทับซ้อน เวียนหัวอย่างรุนแรง มองเห็นดาบในมือคนชุดดำกำลังพุ่งมาตรงคอของเขา โม่ฉือหานอยากหลบ แต่ร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่งการ ขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ ตรงหน้ามืดมนแล้วก็หมดสติไป
หยุนไห่เทียนที่กำลังโจมตีมา ก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆเขาจะหมดสติ คมดาบเบี่ยงไปด้านข้าง แทงตรงไหล่ของม่ฉือหาน
หยุนไห่เทียนตั้งใจใช้แรงเยอะ แทงจนทะลุตรงสะบักไหล่
หยุนไห่เทียนมองดูโม่ฉือหานล้มกองลงบนพื้น ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม ชักดาบของตนเองกลับมา แล้วกระโดดจากไป
ยังไงโม่ฉือหานก็เป็นถึงหลีอ๋อง หากฆ่าเขาตายไปจริงๆ จะไม่สามารถสู้หน้าฮ่องเต้ หากปล่อยเขาตายเป็นการง่ายไปสำหรับเขา
ภาพนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว รอเมื่อลูกน้องคนอื่นโผล่หัวออกมาเหนือน้ำ ก็ไม่เห็นมีเงาร่างของคนชุดดำแล้ว
มองเห็นโม่ฉือหานที่เสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือกอยู่ไม่ไกล พวกลูกน้องต่างก็เป็นกังวล รีบวิ่งไปตรวจดูอาการของหลีอ๋อง
ในที่ลับ เมื่อหยุนไห่เทียนกลับมา หยุนเสี่ยวลิ่วก็พุ่งไปกอดเขา
“พี่ชายใหญ่เก่งมากเลย เพียงพริบตาเดียวก็สามารถเอาชนะหลีอ๋อง” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดชมขึ้นมา
หยุนไห่เทียนพูดขึ้นมาอย่างเก้อเขินว่า “ข้าสามารถเอาชนะได้เพราะมีตัวช่วย หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้มีงูพิษกับค้างคาวบั่นทอนกำลังของเขา ข้าคงไม่สามารถเอาชนะได้ง่ายๆ”
“สนใจมากมายขนาดนั้นทำไม ขอเพียงสามารถสั่งสอนเขาได้ก็พอแล้ว หรือข้าไปทำให้หลีอ๋องตกรอบไปเลยดีไหม?” หยุนเสี่ยวลิ่วถามขึ้นมา
“หากตกรอบตอนนี้ หลีอ๋องถูกหาบออกไปจะต้องมีหมอหลวงมารักษา แบบนี้เขาก็จะสบาย” เสี่ยวอันจื่อพูดขึ้นมา
“ไม่เลวนะเสี่ยวอันจื่อ เจ้าช่างโหดเหี้ยมจริงๆ งั้นก็ปล่อยเขาไว้ ให้เขาเสียเลือดมาก ทุกข์ทรมาน เล่นจนตายไปทันทีก็จะไม่มีความหมาย” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดเห็นด้วย
“งั้นพวกเราทำยังไงต่อ?” หยุนไห่เทียนถามขึ้นมา
ถึงแม้เขาจะเป็นพี่ชายใหญ่ แต่แนวคิดพิสดารหยุนเสี่ยวลิ่วมีมากที่สุด
“พวกเราทำให้คนพวกนั้นตกรอบ แบบนี้ก็จะไม่มีใครสนใจหลีอ๋อง รอเขาตื่นขึ้นมาพบว่าทีมของตนเองตกรอบหมดแล้ว สภาพตอนนั้นข้ารอคอยอย่างมาก” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดขึ้นมาพร้อมยิ้มหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“เชื่อฟังเจ้า” เสี่ยวอันจื่อกำลังจะลงมือ
“เรื่องเล็กแบบนี้ พวกเจ้าสองคนไม่ต้องลงมือ พวกเราว่างมานานแล้ว พวกเราจัดการเอง” พวกทหารที่ติดตามหยุนไห่เทียน พุ่งกระโจนออกไป
นายพลพวกนั้นต่างไม่รู้ตัว ทั้งหมดถูกคนชุดดำจู่โจมจนตกรอบไปหมด สุดท้ายเหลือเพียงหลีอ๋องที่หมดสติอยู่บนพื้น
หยุนเสี่ยวลิ่วเดินออกไป ยกเท้าเตะโม่ฉือหานอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ชายใหญ่ เจ้าคนนี้คงไม่ตายไปแล้วจริงๆมั้ง?”
หยุนไห่เทียนก้มตรวจดูลมหายใจของโม่ฉือหาน แล้วพูดขึ้นว่า “ยังมีลมหายใจ แค่เสียเลือดมากแล้วหมดสติไป”
“ไม่ตาย งั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” หยุนเสี่ยวลิ่วเตะไปอย่างรุนแรงอีกหลายที