จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 730 ขอเพียงใจหนึ่งดวง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 730 ขอเพียงใจหนึ่งดวง
จู่ๆหยุนถิงก็คิดขึ้นมาได้ ตอนนั้นหยุนซูตกอยู่ในอันตราย ขอทานที่นำจดหมายมาให้ที่จวนซื่อจื่อคนนั้น แต่ก็ไม่มั่นใจ
“เขาเป็นใคร?” หยุนถิงถามขึ้นมา
“เขาเป็นขอทาน บังเอิญมีครั้งหนึ่ง ข้าเจอเขากับขอทานคนอื่นกำลังแย่งอาหารกัน แล้วก็ถูกขอทานคนอื่นทำร้าย จึงได้ช่วยเขาไว้ ยังให้เขามาเอาของกินในร้านเนื้อย่างทุกคืน
พี่สาวใหญ่เคยพูดว่า ทำอาหารจะต้องเน้นความสดใหม่ ดังนั้นที่ใช้ไม่หมด กินไม่หมด ข้าล้วนเอาทิ้งหมด ต่อมาได้เจอกับขอทานคนนั้น ข้าเอาอาหารสดใหม่ที่ยังไม่ถูกแตะต้องให้กับเขา
เริ่มแรกมีเขาคนเดียว ต่อมายิ่งอยู่ยิ่งเยอะ ตอนนี้วันหนึ่งมีหลายสิบคน แต่พวกเขาไม่ได้รอกินอย่างเดียว ช่วยงานในร้านเนื้อย่างบ้างด้วย
อย่างเช่นขนย้ายอาหารวัตถุดิบ ถ่านไฟ เทพวกกับข้าวอาหารที่เหลือ….พวกงานที่ในร้านทำไม่ไหว พวกเขาอยู่ด้านหลังครัวสามารถช่วยได้อย่างมาก
ที่ผ่านมาข้าเคยถูกองค์หญิงห้าหลอกเข้าวัง เขาก็เป็นคนไปส่งจดหมายให้พี่สาวใหญ่ ต่อมามีคนมาเผาร้านตอนกลางคืน เขาก็ถ่วงเวลาไว้อย่างไม่คำนึงถึงชีวิต ให้คนที่พี่สาวใหญ่ส่งไปแอบคอยปกป้องถ้าได้เห็น…..
ที่จริงข้าก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง แต่ทุกครั้งที่ข้าตามหาเขา เขามักจะหลบหน้าข้า ข้าถามขอทานคนอื่น พวกเขาก็พูดเพียงว่าเขามีธุระ
หลายวันก่อนข้าค่อนข้างเวียนหัว จนเกือบเป็นลมหมดสติ จู่ๆเขาก็ปรากฏตัวแล้วดึงข้าไว้ ไม่ให้ข้าล้มลง ภายหลังยังแอบส่งยามาให้ข้า แต่มักจะไม่ได้เจอ พี่สาวใหญ่ เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไร?” หยุนซูพูดความอัดอั้นในใจของตนเองออกมา
หลังจากหยุนถิงฟังแล้ว ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าพูด เขาน่าจะมีใจให้กับเจ้า จึงคอยห่วงใยเจ้า ดูแลเจ้าขนาดนี้ ปรากฏตัวเมื่อตอนที่เจ้ามีความต้องการที่สุด ปกป้องร้านของเจ้าอย่างไม่หวั่นเกรงอันตราย”
แต่ว่าหยุนซู ตัวเจ้าเองคิดอย่างไร ที่จริงเจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว หากไม่ใช่เพราะเมื่อสองปีก่อนเกิดเรื่องกับข้าว แล้วหายสาบสูญไปสองปี ก็ควรที่จะพูดคุยเรื่องงานแต่งงานของเจ้าแต่แรกแล้ว
ใบหน้าหยุนซูฉายแววเอียงอาย พูดขึ้นมาอย่างค่อนข้างเอียงอายว่า “พี่สาวใหญ่ เจ้าอย่าพูดใช่ไหม ตอนนั้นเกิดเรื่องกับเจ้าพวกเราต่างเป็นกังวลมาก ข้าเสียใจที่ตนเองไร้ความสามารถ ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ จะมีแก่ใจคิดเรื่องอื่นได้อย่างไร”
“งั้นตอนนี้ล่ะ?” หยุนถิงถามขึ้นมาตรงๆ
“ที่จริง ข้าอิจฉาเจ้ากับพี่เขยซื่อจื่อมาก ที่ผ่านมาข้าก็เคยคิด ชั่วชีวิตนี้จะไม่แต่งงานกับคนมีอำนาจสูงศักดิ์ ยิ่งไม่แต่งกับอ๋องหรือขุนนางชั้นสูง ขอเพียงดวงใจคนคนเดียวไม่ทอดทิ้งกันก็พอ
ที่ผ่านมาข้าคิดว่าผู้ชายมีเมียน้อยเป็นเรื่องปกติ เหมือนอย่างพ่อก็มีอี๋เหนียงหลายคน แต่เมื่อเห็นพี่เขยซื่อจื่อปฏิบัติต่อเจ้า พี่ชายใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ นายสนองจ้าวกับฉินจิ้งอี๋ ข้าคิดว่าบางทีสักวันหนึ่ง ข้าก็สามารถได้เจอคนคนหนึ่งที่จริงใจกับข้า
แต่ข้าเป็นเพียงลูกเมียน้อยคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรไปเรียกร้องสิ่งพวกนี้ ข้าจึงคิดอยากที่จะพยายามดูแลร้านเนื้อย่างให้ดีที่สุด หากไม่สามารถได้เจอคนแบบนี้ ข้ายอมที่จะเป็นโสดไปตลอดชีวิต อย่างน้อยมีร้านเนื้อย่าง ชีวิตที่เหลือของข้ากับแม่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลอะไรแล้ว” หยุนซูพูดสิ่งที่กังวลอยู่ในใจออกมา
“ยัยเด็กโง่ ต่อให้เป็นลูกเมียน้อยแล้วอย่างไร ความสุขของตนเองต้องดิ้นรนด้วยตนเอง ชาติกำเนิดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเอง
เจ้าคิดอย่างไรกับขอทานคนนั้น หากเขาสามารถทำได้ที่จะมีเพียงเจ้าคนเดียวไปตลอดชีวิต เจ้าจะรังเกียจชาติกำเนิด หรือสถานะของเขาไหม?” หยุนถิงถามต่อ
“ข้าไม่รังเกียจอยู่แล้ว ตัวข้าเองก็เป็นแค่ลูกเมียน้อย มีสิทธิ์อะไรไปรังเกียจคนอื่น แต่ตอนนี้เขาเอาแต่หลบไม่ยอมเจอข้า” หยุนซูถอนหายใจ
นางที่เป็นลูกเมียน้อยมาตั้งแต่เด็ก ถูกหยุนหลิงรังแกเหยียดหยามมาตลอด ถูกนางจ้าวถากถางดูถูก นางจึงอดทนเข้มแข็งมาตั้งแต่เด็ก บาดเจ็บทุกข์ทรมานก็ยอมรับไว้คนเดียว
ไม่เคยมีใครจริงใจกับนางเหมือนดั่งขอทานคนนั้น คอยห่วงใยนาง ดูแลนางอยู่ตลอดเวลา กระทั่งไม่หวั่นกับการต้องมีเรื่องกับคนมีอำนาจเพื่อนาง ปกป้องร้านเนื้อย่างของนางไว้ด้วยชีวิต
ซึ่งทำให้หยุนซูซาบซึ้ง ตื้นตันใจ
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าแล้ว เจ้าวางใจ เรื่องนี้ยกให้ข้า คืนนี้เจ้าไม่ต้องกลับไปแล้ว อยู่พักในจวนซื่อจื่อ คืนนี้ข้าจะให้คำตอบเจ้า” หยุนถิงพูดรับประกัน
หยุนซูตื้นตันใจอย่างมาก นางรู้อยู่แล้วว่าพี่สาวใหญ่จะต้องมีวิธี
ทุกคนกินดื่มอย่างสำราญ พูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน จนฟ้ามืดสนิทแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับ
มีเพียงหยุนซู หยุนถิงเตรียมห้องให้นางได้พักผ่อน แล้วก็รีบสั่งให้หลงเอ้อ ไปพาขอทานคนนั้นมา
“ถิงเอ๋อร์ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” จวินหย่วนโยวเห็นว่าหลังจากทานข้าว หยุนถิงกับหยุนซูพูดคุยกันอยู่ตั้งนาน จึงถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คาดว่าไม่นานข้าก็จะมีน้องเขยแล้ว” หยุนถิงพูดตอบ
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ต้องการให้ข้าทำอะไรก็บอกมาได้เลย” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา
“ไม่ต้อง เจ้าดูแลลูกทั้งสองคนให้ดีก็พอ คืนนี้พวกเขาเล่นอย่างสนุกสนานมีความสุขมาก คงจะเหนื่อย คืนนี้นอนหลับจะต้องไม่นิ่งแน่”
“วางใจ ข้าจะดูแลพวกเขาให้ดี”
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวยิ้มอย่างปลื้มปิติ วันเวลาแบบนี้ สงบเรียบง่ายอบอุ่นและโรแมนติก เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุด และก็มีความสุขที่สุด
ทางนี้ ซูนฟั่งที่กำลังเฝ้าอยู่ด้านนอกเนื้อย่าง มองเห็นหลงเอ้อที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ก็สะดุ้งตกใจ หันตัวจะรีบวิ่งหนีไป กลับถูกหลงเอ้อคว้าหิ้วเสื้อผ้าตรงท้ายทอยไว้
“เจ้าจะวิ่งหนีทำไม ลองวิ่งให้ข้าดูอีกทีสิ” หลงเอ้อพูดขึ้นมาด้วยเสียงดุ
“ไม่กล้า ไม่กล้า ข้าคิดว่าช่วงนี้ไม่ได้ล่วงเกินซื่อจื่อเฟยอะไรนะ?” ซูนฟั่งรีบพูดขึ้นมา
“ไม่ต้องพูดมาก ไปกับข้า” หลงเอ้อดึงตัวเขาไป ไม่ให้ซูนฟั่งได้มีโอกาสได้ขัดคืนเลย
จวนซื่อจื่อ
วินาทีที่ซูนฟั่งเห็นหยุนถิง ก็ตกใจจนขาทั้งสองข้างอ่อนแรง แต่ไม่ได้คุกเข่าลง แล้วพูดขึ้นมาว่า “ซื่อจื่อเฟย ท่านตามข้ามา ด้วยเรื่องอะไรหรือ?”
“เจ้าชอบหยุนซู” หยุนถิงพูดขึ้นมา
ไม่ใช่คำถาม แต่พูดอย่างมั่นใจ
ซูนฟั่งตกตะลึง พร้อมรีบส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ซื่อจื่อเฟยอย่าเข้าใจผิด ถ้าไม่กล้าคิดอะไรเกินเลยกับคุณหนูซู”
“คนคนหนึ่งแม้แต่คนที่ชอบก็ไม่กล้ายอมรับ มีสิทธิ์อะไรที่จะมีความรัก ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าชอบหยุนซูหรือไม่?” หยุนถิงหันมามองด้วยสายตาเยือกเย็น
สายตาคู่นั้น เยือกเย็นเฉียบคม ราวกับสามารถแทงทะลุใจคน ซูนฟั่งสะดุ้งขนลุกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“เรียนซื่อจื่อเฟย ข้า ข้าหลงรักคุณหนูซูจริงๆ แต่ข้าไม่มีทางคิดอะไรเกินเลยเด็ดขาด ข้ารู้ว่าสถานะของข้าไม่คู่ควรกับนาง หรือจะพูดว่าแม้แต่หิ้วรองเท้าให้นางก็ยังไม่คู่ควร
ข้ารู้สถานะของตนเองดี ข้าเป็นเพียงขอทานคนหนึ่ง คนอื่นเห็นข้าก็ล้วนรังเกียจ เกลียดชัง ดูถูก แต่คุณหนูซูไม่เคยดูถูกข้า
นางให้ข้ากินอาหาร ยังเอาเสื้อผ้าบ่าวใช้ให้ข้า ทำให้ข้าซาบซึ้งใจอย่างมาก ข้าเพียงอยากตอบแทนนาง
เท่าที่ข้าสามารถทำได้อย่างดีที่สุด คาดหวังในใจว่าคุณหนูสามจะมีความสุขอย่างที่สุด” ซูนฟั่งรีบพูดตอบ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะยกนางให้แต่งงานกับคุณชายของตระกูลอู๋ นายท่านอู๋เป็นซ่างซูกรมพระคลัง มีลูกชายเพียงคนเดียว ต่อให้ไม่มีอำนาจล้นฟ้า แต่มีความร่ำรวยที่ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมด หลงเอ้อ เจ้าเอาวันเดือนปีเกิดของหยุนซู ไปยังจวนอู๋” หยุนถิงทำเป็นพูดขึ้นมา
“ไม่ได้” ซูนฟั่งไม่แม้แต่จะคิด รีบพูดห้ามทันที
“ทำไม?”