จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 747 จวินซื่อจื่อ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 747 จวินซื่อจื่อ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด
“ได้ ระยะนี้เจ้าก็อาศัยอยู่ที่จวนซื่อจื่อนี่ เรื่องอื่นข้าจัดการเอง!” หยุนถิงพูดอย่างพอใจ
“ฟังเจ้าแล้วกัน เช่นนั้นพวกเราจะเริ่มทำการรักษาเมื่อไหร่?” อ๋องเก้าถามด้วยสีหน้ารอคอย
“รอเจ้าทำตามที่ข้าต้องการก่อน แล้วจะเริ่มรักษาทันที”
“เอาเถอะ เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าสักหลายวัน รั่วจิ่งพาอ๋องเก้าไปเรือนรับรองเถอะ” หยุนถิงบอก
“ขอรับ!” รั่วจิ่งรีบพาคนออกไปทันที
อ๋องเก้าเองก็ภูมิใจนัก จวนซื่อจื่อแห่งแคว้นต้าเยียนมิใช่ผู้ใดจะมาพำนักอาศัยได้นะ ครั้งก่อนที่เขามาแคว้นต้าเยียนก็อาศัยไม่ได้ บัดนี้กลับเข้ามาได้โดยง่าย หากพูดออกไป ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเพียงไหนอิจฉาเขากัน
อ๋องเก้ากำลังเดินไป ก็เห็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ด้านข้าง จวินเสี่ยวเทียนและจวินเสี่ยวเหยียนกำลังเล่นล้อมรอบหนอนหลายตัวอยู่
อ๋องเก้าเกิดนึกสนใจขึ้นมา เดินเข้าไปดู “เด็กน้อย หนอนพวกนี้มีอะไรน่าสนุกกัน ข้ามีของน่าสนใจมากนะ พวกเจ้าจะเล่นไหม?”
รั่วจิ่งทำหน้าราวเห็นคนบ้า และไม่ห้ามปราม ยังคงยืนมองอ๋องเก้าหาเรื่องอยู่อย่างนั้น
จวินเสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าน้อยขึ้งโกรธ “ห้ามเจ้าว่าหนอนของข้าแบบนี้!”
อ๋องเก้าเห็นจวินเสี่ยวเหยียนที่หน้าตาคล้ายคลึงกับหยุนถิงเจ็ดแปดส่วน ใบหน้างดงาม ใบหน้าน้อยๆบวมปูดด้วยความโกรธ น่ารักมาก ราวกับอสูรร้ายตัวน้อยที่กำลังพองขน
“นังหนูนี่อารมณ์ร้ายจริงนะ ข้าชอบคนอารมณ์ร้ายเยี่ยงนี้แหละ!” อ๋องเก้าพูดพลางยื่นมือเข้าไป เขาอยากหยิกแก้มจวินเสี่ยวเหยียนสักหน่อย
แต่มือเขายังไม่ทันโดนหน้าจวินเสี่ยวเหยียน จวินเสี่ยวเทียนก็เข้ามาขวางหน้าน้องสาวเอาไว้ พลางยื่นมือน้อยปัดมือที่ยื่นมาของอ๋องเก้าทิ้ง
“ห้ามเจ้ารังแกน้องสาวข้า!”
“เด็กน้อย นี่เจ้ารู้จักปกป้องน้องสาวด้วยรึ ข้าจะรังแก แล้วจะทำไม?” อ๋องเก้าไม่เชื่อหรอกว่า เด็กน้อยสองคนนี้จะทำอะไรตนได้
“ดำน้อย ดำน้อย!” ได้ยินเพียงจวินเสี่ยวเหยียนร้องเสียงดัง
หนอนที่เดิมนอนอยู่บนพื้น หนอนสีดำสองตัวในนั้นคลานหาอ๋องเก้าทันที รวดเร็วยิ่งนัก
อ๋องเก้าไม่เห็นหนอนพวกนี้ในสายตาอยู่แล้ว เขายกเท้าขึ้นคิดจะเหยียบหนอนสองตัวนี้ให้ตาย สุดท้ายหนอนสองตัวกลับคลานขึ้นมาตามขาเขาเลยทีเดียว จากนั้นก็ปีนขึ้นมาเรื่อยๆ
“อ๊าก หนอนน่าขยะแขยงนี่ออกไปนะ ไสหัวไป ไอ้หยา ก้นข้า เจ้าหนอนสกปรกสองตัวนี้กล้ากัดก้นข้า น่าตายนัก—-“
อ๋องเก้าร้องโหยหวน วินาทีต่อมาตกใจร้องไม่ออก ร่างกายเขาบวมปูดด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เดิมเขารูปร่างไม่เลว ตอนนี้กลับอ้วนฉุ แถมยังบวมขึ้นเรื่อยๆ
อ๋องเก้าเจ็บจนร้องโหยหวน ร่างกายเขย่าอย่างแรง อยากจะเขย่าหนอนสองตัวนี้ออกไป แต่ไม่สำเร็จ
“อ๊าก ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ทำไมจู่ๆข้าก็อ้วนขึ้นมาเช่นนี้?” อ๋องเก้าอึ้งบื้อไปเลย
“อ๋องเก้า ท่านจะส่องคันฉ่องหน่อยหรือไม่!” รั่วจิ่งยื่นคันฉ่องเข้ามาให้อย่างรู้งาน
พอเห็นตนเองในคันฉ่อง ไหนเลยจะยังเหลือท่วงท่าองอาจสง่าผ่าเผยเช่นปกติอีก เขาในตอนนี้ใบหน้าปวดราวกับหัวหมู ไขมันบนหน้าอัดแน่นจนบีบดวงตาคู่นั้นกลายเป็นเส้นเดียว ริมฝีปากบวมปูดหนา น่าเกลียดยิ่งนัก
“ไม่ นี่ไม่ใช่ข้า ข้าหล่อเหลาองอาจ ไม่มีทางกลายเป็นเช่นนี้แน่!” อ๋องเก้าให้ตายก็ไม่ยอมเชื่อ แต่ความเจ็บปวดรุนแรงของร่างกาย อีกทั้งยังคันคะเยอยิ่งนัก ทำให้เขาทรมานมาก
“น่าเกลียดเสียจริง หมูตัวอ้วน!” จวินเสี่ยวเทียนบอกด้วยสีหน้ารังเกียจ
“อืม น่าเกลียดมาก ดำใหญ่ ดำน้อยกลับมา!” จวินเสี่ยวเหยียนเสริม หนอนสองตัวคลานลงจากตัวเขา
รั่วจิ่งยื่นคันฉ่องมาตรงหน้าอ๋องเก้าอีก คราวนี้อ๋องเก้าแทบอยากตายแล้ว พลันนึกถึงหนอนสองตัวนั่น
“นังหนู หนอนของเจ้าทำให้ข้าเป็นแบบนี้ใช่หรือไม่?” อ๋องเก้าถลึงตามองมาอย่างเดือดดาล
“ใช่ ก็คือดำใหญ่ ดำน้อย!” จวินเสี่ยวเหยียนตอบ
“ชั่วร้ายนัก เจ้ากล้าให้หนอนบ้านี่กัดข้า ข้าจะอัดเจ้า!” อ๋องเก้าถูกกำปั้นไปมา โกรธจนแทบพุ่งเข้ามา
“ใครกล้าอัดลูกสาวข้า!” น้ำเสียงทรงอำนาจดังมา จวินหย่วนโยวปรากฏตัวขึ้นทันที
“ท่านพ่อ!” จวินเสี่ยวเหยียนรีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“ท่านพ่อ รักท่านนะ!” จวินเสี่ยวเทียนกอดจวินหย่วนโยวเช่นกัน
จวินหย่วนโยวมือหนึ่งอุ้มลูกคนหนึ่ง จากนั้นเลิกคิ้วมองมา สีหน้าเย็นเยียบกระหายเลือดเต็มไปด้วยแววดูถูกและไม่แยแส
อ๋องเก้าที่เดิมเดือดดาลมากตะลึงกับบรรยากาศแข็งกล้าของจวินหย่วนโยว รีบหงอทันที “จวินซื่อจื่อ เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เข้าใจผิด!”
“หลิงเฟิง โยนเขาออกจากจวนซื่อจื่อ!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงอย่างทรงพลัง
“ขอรับ!” หลิงเฟิงเดินเข้ามา
“อย่า จวินหย่วนโยวเจ้าจะทำอย่างนี้กับข้าไม่ได้นะ หยุนถิงเชิญข้ามานะ เจ้าทำเช่นนี้ไม่กลัวหยุนถิงโกรธเจ้ารึ?” อ๋องเก้ารีบอ้างหยุนถิงทันที
“ใครกล้าแตะต้องลูกชายหญิงของข้า ข้าจะให้มันอยู่ไม่สู้ตายแน่ รวมถึงเจ้าด้วย อย่าคิดว่าข้าต้องการให้เจ้าทำเรื่องให้ก็จะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ที่นี่คือจวนซื่อจื่อ ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาเหิมเกริมได้ หลิงเฟิงส่งเขาไปหอชิงหยา!” หยุนถิงที่เดินเข้ามาเห็นฉากนี้พอดี น้ำเสียงดุดันเด็ดขาดนัก
อ๋องเก้าสีหน้าหงอเหมือนปลาตาย “หยุนถิง ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอร้องพวกเจ้าอย่าทำร้ายข้าเลย ข้าเป็นน้องชายของเป่ยหมิงฉี่นะ”
“ต่อให้เป่ยหมิงฉี่มาอยู่ที่นี่แล้วเป็นอย่างไร ลูกชายหญิงของข้า หากใครกล้าแตะต้องพวกเขา ก็ควรจะรู้จุดจบของตนเองเอาไว้!” จวินหย่วนโยวออกโรงปกป้องอย่างทรงพลัง
อ๋องเก้ายังอยากพูดอะไรต่อ รั่วจิ่งจี้จุดใบ้เขาทันที “ร้องน่าเกลียดหยั่งกับหมูถูกเชือด คิดว่าตนเป็นใครแน่มาจากไหน อย่าลืมฐานะตนเองสิ”
หลิงเฟิงและรั่วจิ่งพาอ๋องเก้าออกไป สวนที่กว้างใหญ่พลันสงบลง
“ท่านแม่!” จวินเสี่ยวเหยียนร้องเสียงดัง จะให้หยุนถิงอุ้ม
หยุนถิงยื่นมือมาอุ้มเขา “เมื่อครู่เสี่ยวเหยียนทำถูกต้องมาก สำหรับคนที่คิดจะรังแกเจ้า จะใจอ่อนยั้งมือไม่ได้เด็ดขาด”
“เจ้าค่ะ!” จวินเสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างแรง
“วันนี้อากาศไม่เลวเลย แม่ให้พวกเจ้าช่วยทำของหวานดีหรือไม่?” หยุนถิงเสนอ
นับตั้งแต่จวินเสี่ยวเทียนกลับมาได้อย่างปลอดภัย หยุนถิงก็คอยสอนเด็กสองคนเรื่องวิธีการเอาตัวรอดในป่าลึกมาตลอด คอยฝึกฝนพวกเขาตลอด และไม่เคยให้เด็กทั้งสองคนผ่อนคลายลงเลย แต่จะอย่างไรเด็กทั้งสองยังเล็ก จะมาตึงเครียดตลอดก็ไม่ได้
“ดี ดี!” จวินเสี่ยวเหยียนปรบมืออย่างตื่นเต้น
ถึงจะไม่รู้ว่าของหวานคืออะไร แต่ทุกอย่างที่ท่านแม่ทำล้วนอร่อยมาก
“ข้าจะให้พ่อบ้านเตรียมวัตถุดิบ!” จวินหย่วนโยวไปสั่งการ
ไม่นาน พ่อบ้านก็ยกโต๊ะและวัตถุดิบที่จำเป็นเช่น ผงแป้งมาทั้งหมด
หยุนถิงพาเด็กสองคนไปล้างมือ จากนั้นก็เริ่มทำขึ้นมา จวินหย่วนโยวก็เข้าร่วมด้วย แต่ว่าเขาไม่เคยทำมาก่อน เลยได้แต่เป็นลูกมืออยู่ข้างๆ
เด็กสองคนยิ่งรู้สึกสนุกสดใหม่นัก จวินเสี่ยวเหยียนคว้าผงแป้งมาเล่น สุดท้ายกลับฮัดเช้ยออกมา ผงแป้งเลอะเต็มหน้า ทำเอาใบหน้าน้อยขาวโพลน
เหล่าคนรับใช้ที่ห้อมล้อมอยู่พากันหัวเราะออกมา เสี่ยวเหยียนน่ารักเกินไปแล้ว จวินหย่วนโยวรีบหยิบผ้ามาเช็ดหน้าให้เสี่ยวเหยียนทันที
ซูหลินไปเอาน้ำร้อนมา จวินหย่วนโยวล้างหน้าให้เด็กๆ
จวินเสี่ยวเทียนหยิบผงแป้งที่ท่านแม่ทำเสร็จแล้วชิ้นหนึ่ง มาเริ่มนวดอย่างตั้งอกตั้งใจ “ท่านแม่ บะหมี่!”
“อืม ใช่ เสี่ยวเทียนทำบะหมี่ได้ยาวมาก เก่งมากจ้ะ!” หยุนถิงชื่นชม
พอได้ยินดังนั้น จวินเสี่ยวเหยียนก็ไม่ล้างหน้าแล้ว พุ่งเข้ามาคว้าก้อนแป้งมานวดบ้างเหมือนกัน
แสงแดดอ่อนโยนอบอุ่นสาดส่องมาที่หยุนถิงกับลูกทั้งสอง อบอุ่นงดงามยิ่งนัก พอฟังเสียงหัวเราะใสกระจ่างและยังเสียงทะเลาะมาเป็นระยะ จวินหย่วนโยวพึงพอใจนัก ยิ้มมุมปากขึ้นน้อยๆ
นี่คือความสุข ไม่ต้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน แค่อบอุ่นอ่อนโยนเช่นนี้ก็พอ