จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 750 เขาบอกว่าชาตินี้หากมิใช่เจ้า จะไม่แต่งงาน
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 750 เขาบอกว่าชาตินี้หากมิใช่เจ้า จะไม่แต่งงาน
ฮ่องเต้เห็นของพวกนั้นบนพื้นแล้วตกใจยิ่งนัก
เขารู้ดียิ่งกว่าใครว่าโม่ฉือชิงชอบเงินแค่ไหน และยิ่งรู้ดีถึงความเสียสละและความพยายามของเขาในหลายปีนี้ ถึงทำการค้าจะไม่สู้ออกรบ แต่ก็ต้องใช้แรงกายแรงใจความพยายามอย่างมาก
ถึงแม้โม่ฉือชิงจะดูเหมือนเหลวไหลไปวันๆ แต่มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่รู้ว่า หลายปีมานี้เขาลำบากแค่ไหนเพื่อการค้าของราชวงศ์ของต้าเยียน มักจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทำทุกสิ่งด้วยตนเอง ยังเคยเหนื่อยจนสลบไปก็หลายครั้ง
ตอนแรกฮ่องเต้ก็เคยถามโม่ฉือชิงว่า ทำไมต้องทุ่มเทขนาดนี้ ต่อให้เขาไม่ยอมรับการค้าของราชวงศ์ เอาแค่การค้าร้านที่เขาร่วมมือกับหยุนถิง ก็กินไม่หมดไปหลายชาติแล้ว
โม่ฉือชิงกลับบอกฮ่องเต้ว่า เขาอยากพิสูจน์ตนเองว่ามิใช่คนไร้ค่า เขาสามารถทำได้ดีมากเช่นกัน สามารถเป็นคนที่จะฝากชีวิตไว้ได้
ตอนนี้มาเห็นโม่ฉือชิงเด็ดขาดเช่นนี้ ฮ่องเต้เข้าใจแล้ว เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อโม่หลาน
ฮ่องเต้ตื้นตันใจนัก น้องสี่ของตนคนนี้คิดได้แล้ว
แต่เขายังทำสีหน้าเย็นชา “โม่ฉือชิง เจ้าคิดว่า หากข้าไม่มีเจ้าแล้ว การค้าของราชวงศ์ก็จะทำต่อไปไม่ได้แล้วงั้นรึ?”
“น้องมิได้คิดเช่นนั้น น้องเพียงอยากแสดงความรู้สึกของตนเอง!” โม่ฉือชิงพูดอย่างหนักแน่น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ของพวกนั้นข้าจะริบคืนทั้งหมด เจ้ากลับไปเถอะ!” ฮ่องเต้แค่นเสียงหึ
“พ่ะย่ะค่ะ!” โม่ฉือชิงหมุนตัวจากไป
ซูกงกงรีบเข้ามาหยิบของพวกนั้นทันที “ฝ่าบาท คนมากมายเพียงใดต้องการของพวกนี้นะ องค์ชายสี่จะสละทิ้งเช่นนี้เลยรึ?”
“แต่โบราณมา วีรบุรุษยากจะผ่านด่านหญิงงามได้ ถึงเจ้าสี่จะไม่ใช่วีรบุรุษ แต่เขาทำเพื่อโม่หลานถึงเพียงนี้ ดูท่าน้องสี่ของข้าโตแล้ว รู้จักเลือกแล้ว” ฮ่องเต้ตื้นตันนัก
“ฝ่าบาท แล้วของพวกนี้เล่า?” ซูกงกงถาม
“เจ้าไปเรียกโม่หลานมาเข้าเฝ้า ความยุ่งเหยิงนี่ข้าไม่รับหรอก” ฮ่องเต้แค่นเสียง
เขารู้ดีกว่าใครว่า ทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนหาใครที่เหมาะสมจะเป็นการค้าของราชวงศ์ยิ่งกว่าโม่ฉือชิงนั้นไม่มีแล้ว
คนอื่นอาจจะคิดคดทรยศ หรือไม่ก็ทุจริตมิชอบ ไม่ก็มีใจเป็นอื่น มีเพียงโม่ฉือชิงเท่านั้นที่จงรักภักดีต่อเขา ควบคุมได้ง่าย แถมยังไม่ทุจริตอีก
ไม่นาน โม่หลานเร่งรีบมา “ฝ่าบาท เรียกข้าเข้าเฝ้ามีเรื่องอะไรรึ?”
“ซูกงกง ให้นาง!” ฮ่องเต้พูดเสียงเรียบ
ซูกงกงรีบเอาของพวกนั้นของโม่ฉือชิงออกมาทั้งหมด ทำเอาโม่หลานตะลึง
“ฝ่าบาท นี่คืออะไรรึ?”
“นี่เป็นสมบัติทั้งหมดของโม่ฉือชิง เมื่อครู่เขามาหาข้า ยินดีจะแลกของพวกนี้ รวมถึงฐานะเฉินอ๋องของเขา เพื่อขอให้ข้ายกเลิกสมรสพระราชทานของเขากับเป่ยจิงจิง เขาบอกว่า ชาตินี้หากมิใช่เจ้า จะไม่แต่งงานเด็ดขาด!” ฮ่องเต้พูดเสียงเรียบ
โม่หลานบื้อไปเลย ยืนมองของพวกนั้นอย่างตกตะลึง ป้ายคำสั่งมากมายและยังมีตรา และยังป้ายการค้าของราชวงศ์แห่งแคว้นต้าเยียน—-
“เขา เขาพูดเช่นนี้จริงรึ?” โม่หลานมีสีหน้าเหลือเชื่อ
โม่ฉือชิงยอมสละทุกอย่างที่มีเพื่อตน รวมถึงฐานะเฉินอ๋องด้วย ตอนแรกที่โม่ฉือชิงได้รับการแต่งตั้งเป็นเฉินอ๋องน่ะ มาโอ้อวดกับตนเป็นเดือนนะ
“ข้าเองก็ไม่เชื่อ แต่ของพวกนี้มาอยู่ตรงหน้าแล้ว จำเป็นต้องเชื่อ การที่โม่ฉือชิงพยายามขนาดนี้มาหลายปี เป็นเพราะอยากพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่า เขาไม่ได้ไร้ค่า และไม่ใช่คนเหลวไหลไปวันๆ พึ่งพาอะไรไม่ได้เลย
ข้าเองก็แปลกใจนัก เจ้าสี่น่ะขี้เกียจ ชอบหาช่องทางเล็กๆน้อยๆแต่เล็ก แต่หลายปีมานี้กลับกินไม่ได้นอนไม่หลับ เหนื่อยจนสลบไปก็หลายครั้ง ข้าเคยถามเขา เขาบอกว่าเพื่อคนผู้หนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงของเฉินอ๋องนั้นข้าเห็นทั้งหมด โม่หลาน เจ้าเปลี่ยนแปลงเขา ทำให้เขามีพลังในการทุ่มเท ดังนั้นอย่าได้ทำลายความรักลึกซึ้งของเฉินอ๋องนี้เลย
ชีวิตคนเราน่ะ ไม่ง่ายเลยที่จะได้เจอคนที่รักตนมั่นคงขนาดนี้ ข้าอิจฉาเฉินอ๋องนัก เขายอมสละทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเพื่อเจ้า
ของพวกนี้ให้เจ้าเก็บรักษาไว้แล้วกัน ข้ามีงานราชกิจมากมาย ไม่มีเวลาจัดการของพวกนี้ เกิดวันไหนเฉินอ๋องนึกเสียใจขึ้นมา มาหาข้าจะเอากลับไป ข้ามิเสียหน้าแย่รึ!” ฮ่องเต้พูดอย่างเนิบช้าหนักแน่น
โม่หลานอึ้งบื้อไปเลย มองของพวกนั้น ยืนงุนงงอยู่อย่างนั้น
“คุณหนูใหญ่โม่ยังไม่รีบรับไว้อีก!” ซูกงกงเอ่ยเตือน
โม่หลานถึงได้สติกลับมา “ฝ่าบาท มันมิเหมาะสม ข้าจะรับของพวกนี้ไว้ได้อย่างไรกัน”
“มิเป็นไร ถือซะว่าเป็นสินสอดที่โม่ฉือชิงให้เจ้าแล้วกัน เจ้ารับไว้ก่อนเถอะ” ฮ่องเต้ตอบ
“สินสอด?” โม่หลานหน้าแดงฉับพลัน รู้สึกกระดากอาย
“ออกไปเถอะ ข้ายังมีงานต้องทำ” ฮ่องเต้ไม่ให้โอกาสโม่หลานปฏิเสธเลย
“เพคะ!”
ซูกงกงรีบยัดของพวกนั้นใส่มือโม่หลาน โม่หลานนำของไปอย่างอึ้งๆ
ฮ่องเต้ถึงถอนหายใจโล่งอก หวังว่านังหนูนี่จะเข้าใจหัวใจของเจ้าสี่นะ
โม่หลานที่ออกจากวัง คิดยังไงก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่นางก็ไม่อยากไปโม่ฉือชิงเลย คิดไปคิดมาเลยได้แต่ไปจวนซื่อจื่อ
ตอนหยุนถิงของในห่อผ้านั้น ยังตกตะลึงเลย “โม่ฉือชิงรักเจ้าจริงจังนะ ของพวกนี้น่ะเป็นการค้าที่ข้าร่วมมือทำกับเขา รวมถึงการค้าของราชวงศ์ ของพวกนี้เอาออกมาหมด ไม่กลายเป็นยาจกไปเลยรึ”
โม่หลานรู้สึกเซ็ง “หยุนถิง เจ้าอย่าล้อข้าเล่นสิ ข้าควรจะทำอย่างไรดี?”
“ทำตามใจตนเอง หากชอบเขาก็ไปบอกกับเขาให้ชัดเจน อย่าพลาดไปแล้วมาเสียใจภายหลัง” หยุนถิงปลอบ
“ก่อนหน้านี้เขายังทำสนิทสนมกับจี้อวี๋ ยั่วโมโหข้า!” โม่หลานเดือดดาลนัก
หลายวันมานี้นางก็อารมณ์ไม่ดีมาตลอด จี้อวี๋เอาแต่วนเวียนอยู่ต่อหน้าตน บอกว่านางกับเฉิงอ๋องเป็นอย่างไรกัน ทำเอาโม่หลานโกรธจนโยนจี้อวี๋ออกไปนอกค่ายทหาร
“จี้อวี๋จงใจยั่วโมโหเจ้า ให้เจ้าเห็นใจตนเองชัดขึ้น ถึงได้แกล้งสนิทสนมกับโม่ฉือชิง” หยุนถิงอธิบาย
โม่หลานเบิกตากว้างมองมา “ดังนั้นพวกเขาสองคนเล่นละครกัน?”
“แน่นอนสิ โม่ฉือชิงยอมทิ้งสมบัติทุกอย่างเพื่อเจ้า ขนาดฐานะท่านอ๋องก็ด้วย มีหรือจะชอบคนอื่นง่ายๆ”
“ผีถึงจะเชื่อคำพูดเขา” โม่หลานหงุดหงิด รู้สึกว่าทั้งสองคนร่วมมือกันหลอกตน
“เขาไม่ได้จงใจหลอกเจ้า เพียงแต่พูดกับเจ้าหลายครั้งแล้ว เจ้ากลับนิ่งเฉย ดังนั้นเขาเลยต้องทำเช่นนี้” หยุนถิงปลอบ
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะทำเช่นนี้”
“ตอนนี้รู้ก็ไม่สาย คิดดูให้ดีๆ ยังไงก็เป็นเรื่องชั่วชีวิตของพวกเจ้าสองคน” หยุนถิงเตือน
โม่หลานหงุดหงิดนัก ทำไมเรื่องความรักมันยุ่งยากแบบนี้ นางรู้สึกไปออกรบยังง่ายกว่าเลย
“ซื่อจื่อเฟย แย่แล้ว องค์ชายสี่โดนลอบฆ่าแล้ว!” รั่วจิ่งพุ่งเข้ามาบอกด้วยสีหน้าตกใจ
ยังไม่ทันที่หยุนถิงเอ่ยปาก โม่หลานก็ลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนกยิ่งนัก “ที่ไหน?”
“ออกประตูไปเลี้ยวซ้ายไปสามถนน คือแถวร้านขาหมูอวี๋จี๋นั้น ตอนข้ากลับมาก็เห็นเฉินอ๋องโดนคนหลายคน—“ รั่วจิ่งยังพูดไม่ทันจบ โม่หลานก็พุ่งออกไปแล้ว
รั่วจิ่งถึงถอนหายใจโล่งอก อดบ่นไม่ได้ว่า “หวังว่าวิธีนี้ของซื่อจื่อเฟยจะช่วยพวกเขาสองคนได้ สมองทึมมะลื่ออย่างโม่หลานน่ะเหนื่อยกว่าหลิงเฟิงอีก ข้าล่ะเหนื่อยจริงๆ”
“มัวแต่ว่าคนอื่น งั้นเจ้าล่ะ เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีครอบครัวได้แล้ว” หยุนถิงมองมา