จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 755 คอยอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ห่างไปแม้เพียงก้าวเดียว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 755 คอยอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ห่างไปแม้เพียงก้าวเดียว
โม่หลานตัวแข็งค้างไปเลย มองดูใบหน้าโม่ฉือชิงที่จู่ๆก็ขยายใหญ่ขึ้นมาอย่างตะลึง สมองพลันว่างเปล่า ลืมตอบสนองไปเลย
นางเพียงรู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าวยิ่งนัก หัวใจเต้นรัวรวดเร็ว ตัวชาไปหมดราวกับโดนพิษ นางกำหมัดแน่นไม่รู้ตัว
เพียงแต่ครั้งนี้โม่หลานไม่ได้ทำร้ายโม่ฉือชิง หมัดเมื่อครู่นางก็ไม่ได้ตั้งใจ หากเป็นตอนนี้ น่ากลัวว่าท่านพ่อกับพี่ใหญ่คงรีบมาอัดนางแน่
“โม่หลาน ข้ารักเจ้า” โม่ฉือชิงพึมพำเสียงเบา อุ้มโม่หลานเดินไปที่เตียงทันที
โม่หลานรู้สึกเพียงโลกหมุน ยังไม่ทันรู้ตัว ก็โดนโม่ฉือชิงอุ้มวางนอนบนเตียงแล้ว
“อย่าเล่น เจ้าไม่ต้องออกไปอยู่เป็นเพื่อนแขกเหรื่อ?” โม่หลานนึกขึ้นมาได้ ถามออกมาทันที
“ข้าไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาทำไม อยู่กับเจ้าสิ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้แต่งงานกับเจ้า ย่อมต้องอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ห่างไปแม้เพียงก้าวเดียวสิ” โม่ฉือชิงพูดจบ โหมร่างเข้าไปทันที
ในห้องอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงบรรยากาศวาบหวาม มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของโม่ฉือชิงดังมาเป็นระยะๆ
อีกด้าน ในโรงเตี๊ยม
พวกหยุนถิงนั่งอยู่ในห้องส่วนตัว บนโต๊ะใหญ่นี้ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น
จวินหย่วนโยวอุ้มจวินเสี่ยวเทียนจวินเสี่ยวเหยียน ฉินจิ้งอี๋และจ้าวเคอพาลูกมา ซูชิงโยวและหยุนไห่เทียนพาหยุนซือถิง ยังมีหยุนหลี เสวี่ยเชียนโฉว หยุนเฉิงเซี่ยงและคนอื่นอีก
“ข้าว่า พอต่อไปเด็กเหล่านี้โตแล้ว คงจะรวมกันเป็นโต๊ะหนึ่งได้เลย” ซูชิงโยวพูดล้อเล่นขึ้น
“ใช่สิ พอเด็กๆโตขึ้น พวกเราก็แก่แล้ว” ฉินจิ้งอี๋เห็นด้วย
“พวกเจ้าจะเกี่ยวดองกันไหม เด็กพวกนี้เติบโตมาด้วยกัน ต้องสนิทกันมากแน่” หยุนหลีเสนอ
“อย่าเลย มีแต่ลูกชาย มีจวินเสี่ยวเหยียนเป็นเด็กหญิงคนเดียว มิต้องชกกันหัวร้างข้างแตกรึ”
“ข้าว่าได้ ให้ลูกสาวข้าเลือกให้ดี” จวินหย่วนโยวบอกอย่างภูมิใจ
“พวกเจ้าที่ยังไม่แต่งงานก็รีบแต่งซะ ที่แต่งแล้วก็รีบมีลูกซะ มีแล้วมีอีก จะได้เตรียมไว้พร้อมสรรพ ไม่แน่ถึงเวลานั้นพวกเราอาจจะได้เกี่ยวดองกันนะ” หยุนถิงกระเซ้า
“ฮะฮะ เรื่องนี้ได้!”
ทุกคนหัวร่อต่อกระซิกกัน อารมณ์ดียิ่งนัก
โม่เหลิ่งเหยียนเดินเข้ามาจากด้านนอก “พอดีในวังมีเรื่อง ข้าเลยมาช้า”
“ท่านอา!” จวินเสี่ยวเหยียนลงจากอ้อมกอดจวินหย่วนโยวทันที ก้าวเท้าน้อยๆไปหาโม่เหลิ่งเหยียน
“เสี่ยวเหยียน!” โม่เหลิ่งเหยียนยื่นมืออุ้มนางขึ้นมา ระยะนี้ไม่ได้เจอนังหนูนี่เลย อ้วนขึ้นหน่อยแล้วนะ
“ท่านอา นั่งเร็ว กิน!” จวินเสี่ยวเหยียนประจบ
“ได้” โม่เหลิ่งเหยียนเดินเข้ามานั่งลง
ทุกคนต่างรู้กันดีว่า จวินเสี่ยวเหยียนชอบโม่เหลิ่งเหยียน พอเห็นนางเกาะติดโม่เหลิ่งเหยียน และมองสีหน้าบูดบึ้งของจวินหย่วนโยว ทุกคนยิ่งหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง
ระยะนี้โม่เหลิ่งเหยียนมัวแต่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องค่ายทหาร นับตั้งแต่เรื่องทางลับครั้งก่อน ระยะนี้โม่เหลิ่งเหยียนจับไส้ศึกได้ห้าคน และจัดระเบียบค่ายทหารใหม่เสียยกหนึ่ง ดังนั้นถึงพึ่งมาปรากฏตัวเอาตอนนี้
“กินทั้งที่ยังร้อนเลย พวกเราก็พึ่งเริ่มกิน” หยุนถิงบอก
“ได้!”
“ซวนอ๋อง ข้าขอคารวะเจ้าหนึ่งจอก!” จวินหย่วนโยวยกจอกเหล้าขึ้น
“ได้” โม่เหลิ่งเหยียนยกจอกเหล้าขึ้น กำลังจะดื่ม ก็โดนจวินเสี่ยวเหยียนห้ามไว้ “ไม่ดื่ม ปวดหัว อย่าดื่ม!”
โม่เหลิ่งเหยียนหัวเราะเบาๆ “ฟังเสี่ยวเหยียนนะ อาไม่ดื่ม!”
หน้าจวินหย่วนโยวดำกว่าเดิม คนเขาว่ากันว่า ลูกสาวเป็นปุยนุ่นน้อยของพ่อ ปุยนุ่นน้อยของเขาคนนี้กลับเป็นของโม่เหลิ่งเหยียนไปเสียได้
“เสี่ยวเหยียนชอบซวนอ๋องมากนะ พี่เขยซื่อจื่อ พ่อแท้ๆอย่างท่านยังต้องหลบไปเลย!” หยุนหลีเย้า
จวินหย่วนโยวปรายตาคมดุจใบมีดไปหา หากเป็นคนอื่นคงกลัวแน่ แต่หยุนหลีไม่กลัวเลยสักนิด “ข้ามีพี่หญิงใหญ่ ข้ากลัวใครล่ะ!”
คำพูดเดียวทำจวินหย่วนโยวหน้าบึ้งกว่าเดิม คนอื่นพากันหัวเราะครืน
ทุกคนหัวเราะกัน กินดื่มกัน นานแล้วที่ไม่ได้รวมตัวกันมากมายขนาดนี้ ดียิ่งนัก
วันเวลาต่อมาสุขสงบมาก พริบตาเดียวก็ถึงสิ้นปี วันทำการแข่งขันอาหารเลิศรส
แต่เช้ามา ราษฎรของเมืองหลวงแคว้นต้าเยียนพากันมารวมตัวเต็มถนน เมื่อสามวันก่อนฝ่าบาททรงประกาศแล้วว่า วันนี้ทั้งถนนจะนำมาใช้เป็นสถานที่แข่งขันการทำอาหาร เขายังยกพลทหารจากค่ายทหารมาจำนวนมาก ทุกจุดล้วนมีทหารหลายคนยืนคุม ป้องกันคนทุจริต
เหล่าขุนนางยิ่งกระจายกันไปประจำตามร้านอาหารหรือไม่ก็โรงเตี๊ยม คนหนึ่งรับผิดชอบร้านหนึ่ง หากเกิดพบเจอใครทุจริตหรือทำปลอม จะลงโทษขุนนางรวมไปด้วย
ชาวบ้านเองก็สามารถจับตาดูได้ พอเจอพฤติกรรมทุจริต จะมีรางวัลตามความชอบ ดังนั้นเหล่าชาวบ้านจึงมาร่วมงานด้วยแต่เช้า
ฮ่องเต้ เหมยเฟยและเหล่าสนมพากันออกมาจากวังกันหมด เพื่อมีสุขร่วมกับเหล่าประชา
พอทุกคนเห็นฮ่องเต้และเหล่าสนม ก็พากันคุกเข่าคารวะ
“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ วันนี้ตามสบายนะ วันนี้สิ้นปี มีสุขร่วมกับเหล่าประชา ทุกคนไม่ต้องเกร็งนะ!” ฮ่องเต้ประกาศ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” เหล่าราษฎรพากันลุกขึ้น
โม่ฉีเฟิงรับผิดชอบรักษาระบบ โม่เหลิ่งเหยียนตามหลังฮ่องเต้ รับหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของฮ่องเต้ หลีอ๋องโม่ฉือหานคอยคุมงาน
ต่อมาองครักษ์สองคนตีฆ้องร้องป่าวตามถนนว่า “การแข่งเริ่มต้นขึ้น ให้เวลาหนึ่งชั่วยาม หนึ่งชั่วยามให้หลังไม่ว่าทำเสร็จหรือไม่ ก็ต้องหยุดทำทันที ยกอาหารที่ทำออกมา!”
คนที่เข้าร่วมการแข่งได้ยินเสียงดังนี้ รีบเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมหรือร้านน้ำชาที่ตนเลือกไว้ และรีบทำทันที
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวพาลูกสองคนมา และเห็นองค์หญิงห้าเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง หยุนถิงยิ้มมุมปาก
“หลิงเฟิง พาอ๋องเก้ามารอไว้!” หยุนถิงบอก
“ขอรับ!” หลิงเฟิงรีบไปจัดการทันที
“หยุนถิง จวินหย่วนโยวก็มาแล้ว มานั่งเถอะ!” ฮ่องเต้เอ่ยขึ้น
“เพคะ!” พวกหยุนถิงก้าวเข้าไป
ยังไงเวลาหนึ่งชั่วยามก็นานมาก ยืนดูเหนื่อยจะตาย
จวินเสี่ยวเทียนเห็นขนมข้างหน้าฮ่องเต้ ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ท่านพ่อ ข้าอยากกิน”
พอฮ่องเต้ได้ยินดังนั้น ก็ยินดีนัก กวักมือเรียกจวินเสี่ยวเทียนทันที จวินเสี่ยวเทียนก็ไม่กลัวคนแปลกหน้า เดินเข้าไปทันที
ฮ่องเต้อุ้มจวินเสี่ยวเทียนขึ้นมา และยื่นขนมชิ้นหนึ่งให้ “กินเถอะ หากชอบ ข้าจะให้คนทำมากหน่อยให้เจ้าเอากลับไปด้วยนะ”
“ขอบพระทัย!” จวินเสี่ยวเทียนพูดอย่างมีมารยาท
ฮ่องเต้หัวเราะอย่างชอบใจ “เด็กน้อยนี่พวกเจ้าสอนได้ดีนัก รู้มารยาท”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ลูกคนนี้ปกติซนยิ่งนัก” จวินหย่วนโยวปากพูดอย่างนี้ แต่แววตาเต็มไปด้วยแววรักใคร่อ่อนโยน
ระหว่างที่ทุกคนพูดกัน โม่หลานและเฉินอ๋องก็มาแล้ว เพียงแต่ท่าทางการเดินของโม่หลานดูประหลาดนัก
หยุนถิงอาบน้ำร้อนมาก่อน มองแวบเดียวก็รู้ทันที อดยิ้มขันไม่ได้ “ไม่คิดว่าเฉินอ๋องจะพละกำลังดีขนาดนี้นะ”
คำพูดเดียวทำเอาโม่หลานแก้มแดงฉับพลัน ถลึงตาใส่โม่ฉือชิงอย่างขึ้งโกรธ “ไอ้เลว โทษเจ้าน่ะแหละทำข้าโดนหัวเราะเยาะเลย”
“มีอะไรน่าหัวเราะกัน เมื่อก่อนจวินหย่วนโยวยังทำให้หยุนถิงลงจากเตียงไม่ได้ห้าวัน พวกเราพึ่งจะสามวันเอง น้อยกว่าพวกเขาตั้งสองวันนะ” โม่ฉือชิงพูดอย่างหงอหงอย
หยุนถิงสีหน้ากระดาก นี่เธอขุดหลุมดักตัวเองหรือไงกัน?
“แน่นอนอยู่แล้ว!” จวินหย่วนโยวยิ้มมุมปากอย่างภูมิใจ
“พวกเจ้าพอได้แล้ว การแข่งขันเป็นอย่างไรบ้างแล้วล่ะ สามารถชิมอาหารได้แล้วหรือไม่?” เป้าหมายของโม่หลานคืออาหาร
นางทำกับข้าวไม่เป็น ย่อมอยากมากินด้วยอยู่แล้ว
“แน่นอนว่าได้ ตอนนี้เจ้าคือเฉินหวางเฟย สามารถเป็นกรรมการชิมตัดสินได้!” ฮ่องเต้บอกเสียงเรียบ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หนึ่งชั่วยามให้หลัง เสียงกลองดังขึ้น ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดยกอาหารของตนออกมา ต่างต่อแถวเดินกันเข้ามา องค์หญิงห้ายกขนมเดินมาด้านหน้าสุดด้วยสีหน้ายิ้มย่อง