จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 760 ข้าเป็นแค่หมากที่ถูกท่านโยนทิ้ง
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 760 ข้าเป็นแค่หมากที่ถูกท่านโยนทิ้ง
องค์หญิงห้าเองก็ไม่คิดว่าตนจะพลาด นางยังไม่ทันตอบ ก็เงื้อมปิ่นปักผมจะแทงลงไปที่องครักษ์อีก
สุดท้ายปิ่นปักผมยังไม่ทันโดนองครักษ์ ก็โดนโม่หลานเตะลอยกระเด็นไป
“องค์หญิงห้า นี่เจ้าจะฆ่าคนปิดปากนี่นา!” โม่หลานแค่นเสียงเย็น
องค์หญิงห้าลอยกระเด็นออกไป กระแทกเข้ากับพื้นด้านล่างเวทีอย่างแรง ทำเอานางเจ็บจนกระอักเลือดออกมา ขยับตัวไม่ได้เลย
“องครักษ์ ตอนนี้เจ้าควรพูดความจริงได้แล้วกระมัง?” หยุนถิงมองมาอย่างเย็นชา
องครักษ์มององค์หญิงห้าอย่างเคียดแค้น เขาปกป้องนางอย่างไม่คิดเสียดายชีวิตตนเอง ไม่ยอมสารภาพเรื่องนางออกมา แต่องค์หญิงห้ากลับจะฆ่าตน ในเมื่อนางชั่วร้ายอำมหิตเพียงนี้ องครักษ์เองก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว
“ข้าคบชู้กับองค์หญิงห้าจริงๆ องค์หญิงห้ายั่วยวนข้าเอง! ข้าเป็นองครักษ์ของจวนอ๋องเก้า รับผิดชอบคุ้มครองความปลอดภัยของเรือนหลัง
นับจากองค์หญิงห้าแต่งกับอ๋องเก้า ทั้งสองคนตบตีทะเลาะกันเป็นประจำ ไม่มีความสุขเลย ท่านอ๋องของข้าก็ลบหลู่ทารุณต่อองค์หญิงห้า
องค์หญิงห้าเองก็เคยพยายามเอาใจท่านอ๋อง ทำอาหารอร่อย แกล้งเป็นลมหรือไม่สบาย เพื่อให้ท่านอ๋องเห็นใจ แต่ท่านอ๋องของข้าก็ไม่สนใจนางเลยสักนิด
ต่อมามีครั้งหนึ่งองค์หญิงห้าดื่มเหล้าเมาในสวน ข้าผ่านไปพอดี เดิมอยากเกลี้ยกล่อมองค์หญิงห้าว่า น้ำค้างกลางดึกแรงนักให้กลับไปพักผ่อน หากองค์หญิงห้ากลับร้องไห้คร่ำครวญว่าท่านอ๋องนกเขาไม่ขัน
ตอนนั้นข้าตกใจยิ่งนัก เดิมอยากแกล้งทำไม่ได้ยินแล้วจากไป แต่องค์หญิงห้ากลับโผเข้าอ้อมกอดข้า และยังบอกว่านางไม่อยากเป็นม่ายทั้งเป็น
ข้าย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่ามันผิดต่อทำนองคลองธรรม แต่องค์หญิงห้าใช้ชีวิตครอบครัวข้ามาข่มขู่ บอกว่าหากข้าไม่ยอม นางจะให้คนฆ่าครอบครัวข้าทิ้ง
ช่วยไม่ได้ ข้าได้แต่รับปาก ยังไงองค์หญิงห้าก็หน้าตางดงาม ข้าเองก็เป็นชายฉกรรจ์ ดังนั้นเลยมีสัมพันธ์กับนาง
มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง หลังจากนั้นขอเพียงท่านอ๋องไม่อยู่ ข้าก็แอบมุดเข้าห้ององค์หญิงห้ากลางดึก
อย่าพูดไป วิทยายุทธ์บนเตียงขององค์หญิงห้าดียิ่งนัก ทำให้ข้าลุ่มหลงถอนตัวไม่ขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรสานต่อ แต่ข้าก็อดกลั้นไม่ไหว ได้แต่ผิดซ้ำซาก
ต่อมาองค์หญิงห้าตั้งท้อง ข้ารีบไปนำยาแท้งลูกจากด้านนอกมาให้ทันที องค์หญิงห้าเป็นตายร้ายดีไม่ยอมกิน นางบอกว่าลูกของเราจะเป็นลูกชายเมียเอกของอ๋องเก้า ต่อไปจะสืบทอดทุกอย่างของจวนอ๋องเก้า
ข้าเกิดในครอบครัวธรรมดา ที่บ้านมีท่านแม่คนเดียว และมีน้องสาวอายุยังน้อย พ่อข้าตายไปในสงครามตั้งแต่ยังหนุ่มแล้ว ข้ารู้ว่าชาตินี้ข้าไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้
ดังนั้นข้าเลยคิดว่า คำพูดขององค์หญิงห้ามีเหตุผล ต่อไปลูกชายข้าจะกลายเป็นลูกชายเมียเอกของอ๋องเก้า ไม่จำเป็นต้องเป็นองครักษ์ คอยมองสีหน้าคนอื่นอย่างข้าอีก
ต่อให้เรื่องถูกเปิดโปง องค์หญิงห้าบอกว่านางไม่กลัว นางเป็นองค์หญิงห้าแห่งแคว้นต้าเยียน มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีกับแคว้นเป่ยลี่ อ๋องเก้าไม่มีทางกล้าหย่าหรือฆ่านางแน่
ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเก้านกเขาไม่ขัน ชาตินี้เขาไม่มีทางมีลูกได้เลย เขาปิดบังเรื่องนกเขาไม่ขันมานานขนาดนี้เพราะกลัวคนจะรู้มิใช่รึ ดังนั้นเขาต้องไม่พูดออกไปแน่
จากนั้นข้าเลยเลยตามเลย ไปให้ถึงที่สุด เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าอ๋องเก้าจะรู้เรื่องข้ากับองค์หญิงห้าเข้า
เดิมข้าคิดว่าต่อให้ตายก็จะไม่ยอมรับและปกป้ององค์หญิงห้าไว้ แต่เมื่อครู่นางกลับคิดจะฆ่าข้า สตรีจิตใจชั่วร้ายอำมหิตเช่นนี้ เมื่อก่อนข้าตาบอดเอง”
องครักษ์เน้นคำพูดแต่ละคำ เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา
ทำเอาทุกคนตะลึงพรึงเพริด โดยเฉพาะราษฏร์แคว้นต้าเยียน
ตีให้ตายพวกเขาก็ไม่เชื่อว่า องค์หญิงห้าที่เมื่อก่อนอ่อนโยนมีมารยาท มีความสามารถมากล้นจะชั่วร้าย อำมหิตเพียงนี้ และกล้าทำเรื่องอัปรีย์ผิดต่อทำนองคลองธรรมเช่นนี้ออกมา
สตรีธรรมดาคบชู้ขฌ ก็เป็นเพราะทนความเงียบเหงาไม่ไหว องค์หญิงห้ากลับจะให้ลูกขององครักษ์มาสืบทอดทุกอย่างของจวนอ๋องเก้า ช่างชั่วร้ายอำมหิตยิ่งนัก
“พวกเจ้าได้ยินแล้วกระมัง ได้ยินกันหมดแล้วนะ องค์หญิงห้าที่พวกเจ้าว่า สูงส่งหรูหรา อ่อนโยนสง่างามเป็นแค่หญิงร่าน และยังคิดวางแผนฮุบตำแหน่งอ๋องของข้าด้วย ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าเยียนตอนนี้ท่านยังมีอะไรจะพูดอีก!” อ๋องเก้าพูดอย่างสาแก่ใจนัก
ฮ่องเต้สีหน้าทะมึนอำมหิตนัก สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดคือชื่อเสียงและหน้าตาของแคว้นต้าเยียน แต่ไม่คิดเลยว่า น้องหญิงห้าที่รักใคร่มาแต่เล็กของตนจะกล้าทำเรื่องอับอายขายขี้หน้าแคว้นต้าเยียนเช่นนี้ออกมาได้ และยังโดนอ๋องเก้าเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัลอีก นี่มันเท่ากับตบหน้าเขาฉาดใหญ่เลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกเห็นใจองค์หญิงห้า รู้สึกว่าติดค้างนาง บัดนี้ฮ่องเต้ระเบิดจุดเดือดแล้ว
“ไม่คิดเลยจริงๆว่า องค์หญิงห้าจะคบชู้กับองครักษ์จริงๆ นี่มันช่างไร้ยางอายยิ่งนัก” มีคนหนึ่งท่ามกลางชาวบ้านเอ่ยขึ้น
“นั่นสิ สตรีธรรมดาทำเรื่องเช่นนี้ออกมา ต้องโดนจับจมหมูในอวยแน่ นางเป็นองค์หญิงนะ เป็นตัวแทนหน้าตาของราชวงศ์!”
“เมื่อครู่ข้าตาไร้แววจริงๆ ยังเห็นใจองค์หญิงห้าอีกแหน่ะ ที่แท้นางก็ทำผิดต่ออ๋องเก้า”“ข้าพลันเห็นใจอ๋องเก้าละ ตนเองนกเขาไม่ขัน ยังมาโดนองค์หญิงห้าสวมเขาอีก แถมยังวางแผนเรื่องลูกอีก”
“ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ ยังมีหน้าเป็นองค์หญิงได้อีกรึ”
ฟังคำต่อว่า รังเกียจเดียดฉันท์ของชาวบ้านแล้ว องค์หญิงห้าไม่มีหน้าจะอยู่ต่อแล้ว
วินาทีนี้นางแทบอยากจะมุดดินหนียิ่งนัก
วันนี้นางคือความอัปยศของแคว้นต้าเยียน และยิ่งเป็นความอัปยศของราชวงศ์บห เสด็จพี่และเหล่าองค์ชายสนมนางในจะพากันดูถูกนาง ราษฎร์ของแคว้นต้าเยียนก็จะรังเกียจเดียดฉันท์นางเช่นกัน
พอคิดถึงตรงนี้ องค์หญิงห้าไม่อาจยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ “ไม่ ไม่ใช่ความจริง เขาพูดเหลวไหล เขายั่วยวนข้าต่างหาก ข้าไม่ผิด!”
ฮ่องเต้เดือดแทบระเบิด เดินตรงเข้ามาทันที “น้องห้า มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังไม่คิดว่าตนเองผิดรึ?”
องค์หญิงห้ายิ้มเย็น ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ชื่อเสียงนางป่นปี้หมดแล้ว ยังจะมีอะไรต้องสนใจอีก
องค์หญิงห้าพยายามคลานลุกขึ้นมา “ข้าผิดตรงไหนกัน พวกท่านต่างหาก เป็นเพราะท่านน่ะแหละ หากมิใช่ท่านให้ข้าแต่งงานกับไอ้ขยะนี่ ข้าต้องเป็นม่ายทั้งเป็น ทนความเหงาไม่ไหวด้วยรึ?
หลายปีมานี้ ข้าใช้ชีวิตอย่างไร เสด็จพี่คงคิดไม่ถึงกระมังญข อ๋องเก้าลบหลู่ด่าทอข้าทุกวัน ยังจงใจให้พวกเมียน้อยมารังแกข้า
ข้าเป็นถึงองค์หญิงห้า กลับมาโดนเมียน้อยท้าทาย รังแก ข้าเคยต้องเจอเรื่องแบบนี้เมื่อไหร่กัน แต่ข้าอยู่คนเดียวเดียวดายในแคว้นเป่ยลี่ ไม่มีอำนาจอะไรเลย ท่านจะให้ข้าทำอย่างไร
ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเสด็จพี่ทั้งหมดเลย หากข้าไม่แต่งกับอ๋องเก้า จะต้องมาเป็นม่ายทั้งเป็นรึ จะต้องคบชู้กับองครักษ์รึ ข้าไม่ชอบเขาเลยสักนิด ก็แค่อยากแก้แค้นอ๋องเก้าเท่านั้นเอง!”
“เพี๊ยะ!” เสียงตบหน้าฉาดใหญ่ดังสนั่นขึ้นเต็มท้องถนน
ฮ่องเต้สะบัดมือตบหน้าองค์หญิงห้าฉาดใหญ่อย่างเดือดดาล “สารเลว เจ้าทำเรื่องอัปรีย์ผิดต่อทำนองคลองธรรมไร้ยางอายเช่นนี้ออกมา ทำแคว้นต้าเยียนขายหน้ายิ่งนัก ยังกล้าโทษข้าอีกรึ?”
“หากมิใช่ท่านเขี่ยข้าทิ้งมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีของแคว้นต้าเยียนและแคว้นเป่ยลี่ ข้าจะกลายเป็นเช่นนี้รึ? ท่านพูดปาวๆว่าพี่น้องรักใคร่ผูกพัน สุดท้ายเหล่าองค์ชายองค์หญิงมิใช่หมากให้ท่านนำมาเป็นรากฐานความมั่นคงของตำแหน่งฮ่องเต้รึ และข้าก็เป็นแค่หมากที่โดนท่านเขี่ยทิ้ง!” องค์หญิงพูดอย่างเคียดแค้น
นางแค้นหบ แค้นอ๋องเก้า และยิ่งแค้นฮ่องเต้!
ฮ่องเต้เดือดดาลทะลุฟ้า “เจ้าไม่รู้สำนึกเช่นนี้ ยังกล้าสงสัยในความหวังดีของข้า ทำเรื่องอัปยศเช่นนี้ออกมา ปลดฐานะองค์หญิงห้า ลงเป็นสามัญชน ขับชื่อออกจากบันทึกราชวงศ์ ส่งตัวไปวัดหนิงอาน ชาตินี้อย่าคิดจะได้ไปจากอารามอีก ใช้ชีวิตอยู่สวดมนต์ไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัยแล้วกัน!”