จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 761 ชาตินี้ข้าไม่อยากเห็นเนื้อหมูอีกแล้ว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 761 ชาตินี้ข้าไม่อยากเห็นเนื้อหมูอีกแล้ว
เมื่อคนอื่นๆได้ยิน ก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของฝ่าบาทกันทั้งนั้น องค์หญิงห้าตกอยู่ในสถานการณ์อย่างวันนี้ ล้วนเป็นเพราะนางทำตัวเองทั้งนั้น
หยุนถิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย องค์หญิงห้าทำให้แคว้นต้าเยียนอับอายขายหน้า ฮ่องเต้ยังไม่ประหารนาง ไม่ใช่เพราะความรักความผูกพันของพี่น้องลึกซึ้ง แต่เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านรู้สึกว่าฮ่องเต้โหดเหี้ยมกระมัง
แต่เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน หากประหารนางไปโดยตรง จะไม่ถูกเกินไปสำหรับองค์หญิงห้าหรอกหรือ
เมื่อองค์หญิงห้าได้ยินบทลงโทษของฮ่องเต้ คนทั้งคนก็ตะลึงงันไป สิ่งที่นางภาคภูมิใจที่สุดก็คือสถานะขององค์หญิง เสด็จพี่กลับตรัสว่าจะลดขั้นให้นางเป็นสามัญชน แถมยังจะขับออกจากวงศ์ตระกูลอีก นางไม่อยากเป็นคนธรรมดา ยิ่งไม่อยากไปเป็นแม่ชี หากเป็นเช่นนี้ยังไม่สู้ตายไปดีกว่า
องค์หญิงห้าตื่นตระหนกไม่สิ้นสุด คุกเข่าลงไปต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ทันที “เสด็จพี่ ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ต่อไปข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว พระองค์โปรดอย่าปลดข้าออกจากตำแหน่งองค์หญิง แล้วก็อย่าขับข้าออกจากวงศ์ตระกูลด้วย
ข้ารู้ว่าตัวเองทำสิ่งที่ผิดอย่างร้ายแรง ข้ายินดีออกบวช ยินดีอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ขอเพียงพระองค์รักษาสถานะองค์หญิงของข้าเอาไว้ เหลือศักดิ์ศรีสุดท้ายเอาไว้ข้าเล็กน้อย เสด็จพี่ได้โปรดเถิด!”
ฮ่องเต้จ้องมองไปทางนางด้วยความโกรธ “เหลือศักดิ์ศรีให้เจ้าเล็กน้อย เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ออกมายังมีศักดิ์ศรีอะไรอีก เจ้าทำให้แคว้นต้าเยียนข้าอับอายขายหน้า ราชวงศ์มีองค์หญิงเช่นเจ้า คือความอัปยศของแคว้นต้าเยียน!”
ทุกคำทุกประโยค ทุบไปในกลางหัวใจขององค์หญิงห้าอย่างแรงราวกับถูกตีกลางแสกหน้า
องค์หญิงห้ายื่นมือไปจับชายฉลองพระองค์ของฮ่องเต้เอาไว้โดยสัญชาตญาณ แต่กลับถูกฮ่องเต้เตะออกไป
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไหนเลยที่ฮ่องเต้จะมีแก่ใจเข้าร่วมงานประกวดอาหารอีก หันหลังจากไปด้วยความโกรธกริ้วสุดขีด
องค์หญิงห้ามองดูแผ่นหลังที่ตัดขาดไมตรีของฮ่องเต้ นางรู้ว่าเป็นไม่ได้ที่เสด็จพี่จะเปลี่ยนใจแล้ว ชาตินี้นางจบสิ้นแล้วจริงๆ สูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติภูมิ ใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น
คิดถึงตรงนี้ องค์หญิงห้าชำเลืองไปทางองครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง และวิ่งเข้าไปสองสามก้าวดึงกระบี่ยาวขององครักษ์รักษาพระองค์ออกมา
“เสด็จพี่ ข้าเป็นทำให้แคว้นต้าเยียนอับอายขายหน้า ทำให้พระองค์ขายหน้า ตอนนี้ข้าจะชดใช้ความผิดด้วยความตายเดี๋ยวนี้แหละ!” องค์หญิงห้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง กระบี่ยาวในมือปาดไปทางลำคอ
เข็มเงินที่อยู่ในมือของหยุนถิงพุ่งเข้าไปทันที องค์หญิงห้าที่เดิมทีต้องการจะฆ่าตัวตาย จู่ๆแขนก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ร่างกายก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เช่นกัน
“หยุนถิง เจ้าทำอะไรกับข้า?”
“ฝ่าบาททรงตรัสว่าให้ท่านอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ หากองค์หญิงห้าสิ้นพระชนม์ไปเช่นนี้ จะไม่เป็นการขัดพระประสงค์ของฝ่าบาทหรอกหรือ
หากท่านอยากใช้ความตายเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจหรือความสงสารจากฝ่าบาท อยากจะให้ฝ่าบาทเปลี่ยนพระทัยนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอก อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็เป็นความอัปยศอดสูของแคว้นต้าเยียน!” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา ไม่รีบไม่ร้อน
ใบหน้าขององค์หญิงห้าซีดขาว แต่ร่างกายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ รู้สึกโกรธแค้นสุดขีด
“หยุนถิง นังผู้หญิงที่สมควรตาย เจ้าเป็นคนทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความผิดของเจ้าทั้งนั้น เป็นเพราะเจ้าวางแผนใส่ร้ายข้า!” องค์หญิงห้าพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย
หยุนถิงยิ้มเย้ยหยัน “องค์หญิงห้าตอนนี้ท่านทำเช่นนี้มันต่างอะไรกับหมาบ้า ข้าเป็นคนให้ท่านลักลอบมีสัมพันธ์กับองครักษ์ หรือว่าข้าให้ท่านใช้ลูกขององครักษ์วางแผนทำร้ายอ๋องเก้า หรือการหาข้ออ้างอย่างหน้าไม่อายครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อครู่นี้!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา บรรดาชาวบ้านล้วนทนดูต่อไปไม่ได้อีก พากันตำหนิองค์หญิงห้าไร้ยางอาย โจมตีใส่ร้ายคนอื่นอย่างชั่วช้าสามานย์
องค์หญิงห้าโกรธจนแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา ไม่ว่านางจะปฏิเสธอย่างไร บรรดาชาวบ้านกลับเย้ยหยันด้วยการทำเสียงขึ้นจมูก
องครักษ์สองนายเดินเข้ามา หิ้วตัวองค์หญิงห้าออกไป เหตุการณ์เหลวไหลไร้สาระถึงได้จบลง
ใบหน้าของอ๋องเก้าเต็มไปด้วยความได้ใจ “ในที่สุดความคับแค้นใจของข้าก็หมดไปเสียที องค์หญิงห้าที่สมควรตายนี่มีจุดจบเช่นนี้ช่างถูกเกินไปสำหรับนางจริงๆ”
ชำเลืองไปทางองครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง อ๋องเก้ารู้สึกหงุดหงิดโมโหไม่สิ้นสุด ใช้กระบี่ฆ่าองครักษ์คนนั้นโดยตรง
เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว บรรดาชาวบ้านพากันสะดุ้งตกใจ แต่กลับเห็นด้วยกับการกระทำของอ๋องเก้า อย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ชายคนไหนทนกับเรื่องเช่นนี้ได้
มุมปากของหยุนถิงเกี่ยวเป็นมุมโค้งเล็กน้อย จัดการกับคนเย่อหยิ่งจองหองอย่างองค์หญิงห้า ก็จะต้องเหยียบนางเอาไว้ใต้เท้าอย่างแรง ทำให้นางไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ตลอดชีวิต
นี่ก็คือจุดจบที่ล่วงเกินตระกูลหยุน นี่ก็คือผลลัพธ์ที่วางแผนคิดร้ายคนของตระกูลหยุน
หลังจากวันนี้ไป หากใครกล้าลงมือกับคนของตระกูลหยุนอีก ก็ต้องไตร่ตรองดูให้ดีแล้ว
ตำแหน่งริมหน้าต่างชั้นสองของร้านสุราแห่งหนึ่ง วี่อู๋เสียเห็นภาพฉากนี้ รู้สึกสาแก่ใจมากจริงๆ
“วันนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ ได้ชมการแสดงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ องค์หญิงห้าคนนี้ช่างสร้างความตกตะลึงให้กับชาวโลกจริงๆ!”
“ความคิดเจ้ากว้างขวางดี” เจว๋กู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“ถึงแม้ข้าจะเกลียดชังหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวที่วางแผนคิดร้ายข้าก่อนหน้านี้ แต่วันนี้การกระทำของพวกเขาทำให้คนยกย่องจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็จะทำเช่นนี้เหมือนกัน!” วี่อู๋เสียตอบ
เสี่ยวเอ้อยกกับแกล้มเข้ามาสองสามจาน แต่เมื่อวี่อู๋เสียเห็นเนื้อหมูในจานนั่น สีหน้าก็ดำมืดลงมาทันที
“ยกออกไป ยกออกไปให้หมด ชาตินี้ข้าไม่อยากเห็นเนื้อหมูอีก!”
เมื่อนึกถึงหมูอ้วนตัวเหม็นเปรี้ยวที่ล้อมตัวเองเอาไว้เหล่านั้น ท่าทางที่ก้มไปทางซ้ายทางขวา วี่อู๋เสียรู้สึกเพียงท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง หันหน้าออกไปอาเจียนขึ้นมา
ชาตินี้ เขารู้สึกมีปมในใจกับหมูแล้ว
เจว๋กู่เห็นเขาเป็นเช่นนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม “ครั้งนี้เรียกข้ามาทำไม?”
“ย่อมเพื่อให้เจ้าพาข้ากลับไปอยู่แล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีกำลังภายในเลยแม้แต่น้อยนิด ไม่สามารถกลับไปได้เลย!” วี่อู๋เสียบ่น
“ข้าก็ไม่มีเช่นกัน!” สีหน้าของเจว๋กู่ยิ่งเคร่งขรึมลงเล็กน้อย
“อะไรนะ ทำไมเจ้าถึง?” คนทั้งคนของวี่อู๋เสียตกตะลึง
เจว๋กู่เป็นถึงยอดฝีมืออันดับต้นๆของเขตทะเลนิรนาม ทำไมจู่ๆเขาถึงไม่มีกำลังภายในแล้ว
นัยน์ตาสีดำที่เฉือนคมของเจว๋กู่ชำเลืองไปทางนอกหน้าต่าง จับจ้องเงาร่างของจวินหย่วนโยวเอาไว้ “ตอนต่อสู้กับจวินหย่วนโยวครั้งก่อน ถูกฝ่ามือของเขา ความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ต่อไปต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน!”
“อะไรนะ หนึ่งฝ่ามือของจวินหย่วนโยวทำให้เจ้าสูญสิ้นกำลังภายใน นี่มันไม่สมควรเลยนี่นา?” วี่อู๋เสียไม่เชื่อ
“เขาก็ถูกฝ่ามือของข้าเช่นกัน!”
“เขาถูกฝ่ามือของเจ้า ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่ออีก เมื่อครู่ทำไมถึงดูเหมือนคนไม่เป็นอะไรเลย จวินหย่วนโยวคนนี้จะโรคจิตเกินไปแล้วมั้ง!” วี่อู๋เสียตะลึงงันไป
แม้แต่เขา ก็ไม่สามารถรับฝ่ามือของเจว๋กู่ได้
เจว๋กู่ฝึกฝนฝ่ามือสายฟ้ามาตั้งแต่เด็ก ใครก็ตามที่ถูกฝ่ามือของเขา ร่างกายจะรู้สึกราวกับอยู่ในเตาเผา เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น คนมากมายที่ถูกเจว๋กู่ฆ่า ไม่ได้ถูกฆ่าโดยตรง แต่เจ็บปวดจนตายหลังจากที่ถูกฝ่ามือ
“หยุนถิงน่าจะเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ!” เจว๋กู่กล่าวออกมาอย่างเย็นชา นัยน์ตาสีดำที่เฉือนคมมีความโหดเหี้ยมเล็กน้อยแว๊บผ่านไป
ในฝูงชน ดูเหมือนหยุนถิงจะรู้สึกถึงสายตาอันเป็นศัตรูที่อยู่เบื้องหลัง หันหลังมองไปทางทิศทางบางแห่งโดยสัญชาตญาณ
ในนาทีที่นางหันกลับมา เจว๋กู่เก็บสายตากลับมาทันที
“เช่นนั้นตอนนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไร ฆ่าจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง?” วี่อู๋เสียกล่าวถามโดยสัญชาตญาณ
เจว๋กู่กลอกตามองเขาครู่หนึ่ง “ตอนนี้ข้าเข้าใกล้ตัวพวกเขายังยากเลย จะฆ่าอย่างไร?”
“เช่นนั้นเจ้ามาทำอะไร?”
“เจ้าให้ข้ามาไม่ใช่หรือ” เจว๋กู่กล่าวอย่างหมดคำพูด
“ใช่ ข้าเขียนจดหมายให้เจ้าพาข้ากลับไป สภาพข้าในตอนนี้ ไม่สามารถข้ามทะเลผืนนั้นได้เลย” วี่อู๋เสียกล่าวอย่างหดหู่ ดังนั้นถึงได้ให้เจว๋กู่มาช่วยตัวเอง
เจว๋กู่ลุกขึ้นก็เดินจากไป วี่อู๋เสียชะงักงันไป “เฮ้ เจ้าจะไปไหน?”
“กลับไป!”
ทันทีที่วี่อู๋เสียได้ยิน ก็ไล่ตามไปทันที
กลับไปรักษาชีวิตก่อน อนาคตย่อมมีโอกาสฆ่าหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวอยู่แล้ว
และนอกฝูงชน จวินหย่วนโยวอุ้มจวินเสี่ยวเทียนเอาไว้ มองดูหยุนถิงหันหน้ามองไปทางทิศทางบางแห่ง รีบเข้ามาสอบถามทันที “ถิงเอ๋อร์ เป็นอะไรไป?”
“เมื่อครู่ข้ารู้สึกถึงไอสังหาร!” หยุนถิงไม่ได้ปิดบัง
จวินหย่วนโยวชำเลืองไปทางร้านสุราที่อยู่ไม่ไกลออกไปครู่หนึ่ง “หลิงเฟิง พาคนเข้าไปดูหน่อย!”