จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 762 แต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮา
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 762 แต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮา
“ขอรับ!” หลิงเฟิงนำองครักษ์เงามังกรสองสามนายเข้าไปตรวจสอบทันที
เพียงแต่ว่าพวกเขาเข้าไปตรวจสอบรอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่พบใครที่น่าสงสัย ถามผู้จัดการร้านก็ไม่ได้คำตอบอะไร
หลิงเฟิงรู้ว่า อยู่ดีๆซื่อจื่อเฟยไม่กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาเด็ดขาด แล้วถามผู้คนที่มาร้านสุรากับผู้จัดการร้านอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ได้ยินว่ามีคนแปลกหน้าสองคนจริงๆ เขารีบกลับไปรายงานทันที
ทันทีที่จวินหย่วนโยวได้ยิน สีหน้าก็เคร่งขรึมสุดขีด ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร สายลับคนหนึ่งก็กลับมารายงาน
“ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยวันนี้พบคนน่าสงสัยสองคนออกจากเมือง กำลังมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ นี่คือภาพเหมือนของพวกเขา!” สายลับยื่นเข้ามา
จวินหย่วนโยวชำเลืองมองครู่หนึ่ง สีหน้ามืดมนสุดขีดทันที “คนคนนี้ก็คือคนที่ประมือกับข้าก่อนหน้านี้ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
หยุนถิงชำเลืองมองภาพเหมือนนั่นครู่หนึ่ง “นี่มันวี่อู๋เสียไม่ใช่หรือ พวกเขาล้วนเป็นคนของเขตทะเลนิรนามทั้งนั้น หรือว่าจะไม่ยอมแพ้ ต้องการจะจัดการท่านกับข้า?”
“แจ้งต่อหลงยี ติดตามพวกเขาด้วยตัวเอง หากพวกเขามีความเคลื่อนไหวใดๆ ให้สังหารโดยตรง!” จวินหย่วนโยวออกคำสั่งเสียงเย็นชา
เขาไม่มีทางยอมให้ใครทำร้ายถิงเอ๋อร์กับลูกๆเด็ดขาด
“ขอรับ!” รั่วจิ่งรีบไปแจ้งทันที
“ท่านพี่ อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ในเมื่อพวกเขาไม่ได้ลงมือเมื่อครู่นี้ก็แสดงว่าต้องมีบางสิ่งที่ต้องคำนึงถึงหรือไม่ก็มีสาเหตุอื่น บางทีติดตามพวกเขาเอาไว้อาจจะหาเขตทะเลนิรนามพบก็ได้” หยุนถิงเสนอแนะ
“ตกลง ทำตามที่ซื่อจื่อเฟยกล่าวมา” จวินหย่วนโยวกล่าวเห็นด้วย
“ขอรับ!”
บรรดาชาวบ้านแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆก็กลับกันไปหมดแล้วเช่นกัน อย่างไรเสียหลังจากผ่านเหตุการณ์ขององค์หญิงห้าเมื่อครู่นี้ ทุกคนล้วนไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านดีกว่า
หยุนถิงให้หยุนเฉิงเซี่ยง ซูชิงโยว และคนอื่นๆล้วนไปที่จวนซื่อจื่อกันหมด ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีมีแผนการอะไร แต่ก็ให้ทุกคนไปที่จวนซื่อจื่อด้วยความสบายใจ
อ๋องเก้าย่อมติดตามไปที่จวนซื่อจื่อด้วยเช่นกัน ในที่สุดตอนนี้หยุนถิงก็สามารถช่วยรักษาให้เขาแล้ว
และหลังจากที่ฮ่องเต้กลับวัง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คว่ำโต๊ะทั้งโต๊ะลงไปบนพื้นด้วยความโกรธเกรี้ยว
ซูกงกงยกถ้วยชาเข้ามาอย่างตัวสั่นงันงก “ฝ่าบาท ทรงพระทัยเย็นๆ ใครก็คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงห้าจะทำเช่นนี้ หากนางยอมรับเร็วกว่านี้ ก็จะไม่ทำให้พระองค์อับอายขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ฮ่องเต้ก็ยิ่งโกรธกริ้วมากขึ้น ชำเลืองไปที่ถ้วยชาในมือของเขาครู่หนึ่ง สีหน้ามืดมนสุดขีด
“เจ้าไปด้วยตัวเอง ใช้เหล้าวิหคพิษแก่องค์หญิงห้า ส่งนางไปปรโลก!”
น้ำเสียงเคร่งขรึม เย็นยะเยือก ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขา
สาเหตุที่ไม่ได้ประหารองค์หญิงห้าในที่สาธารณะ เพราะฮ่องเต้ไม่อยากให้ชาวบ้านรู้สึกว่าเขาโหดเหี้ยม ทำร้ายพี่น้อง แต่องค์หญิงห้าทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าเช่นนี้ ฮ่องเต้จะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
เหมยเฟยที่อยู่นอกประตูเดินเข้ามา ได้ยินคำพูดพวกนี้พอดี ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ฝ่าบาท หลังสิ้นปีก็จะถึงวันคัดเลือกนางในแล้ว ไม่ทราบว่าปีนี้ฝ่าบาททรงมีแผนอย่างไร?” เหมยเฟยถาม
ตอนนี้วังหลังไม่มีฮองเฮา เรื่องเล็กเรื่องใหญ่เหมยเฟยล้วนเป็นคนดูแลจัดการ
ฮ่องเต้มองไปทางนาง “ช่วงนี้ลำบากเจ้าแล้ว เรื่องคัดเลือกนางในไม่รีบร้อน ตำแหน่งฮองเฮาว่างมาเป็นเวลานานแล้ว ข้าจะให้ชินเทียนเจียนแห่งกระทรวงพิธีการหาฤกษ์แต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮา!”
เหมยเฟยตกตะลึงไม่สิ้นสุด รีบคำนับทันที “ฝ่าบาท ไม่ได้นะเพคะ ชาติกำเนิดหม่อมฉันต่ำต้อย จะคู่ควรกับตำแหน่งฮองเฮาได้อย่างไร ขอฝ่าบาทโปรดเลือกคนอื่นเถิด”
“หากเจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่ง คนอื่นๆก็ยิ่งทำไม่ได้ ข้าเชื่อในตัวเจ้า!” ฮ่องเต้ประคองเหมยเฟยลุกขึ้นมา
เหมยเฟยซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง “ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันจะช่วยฝ่าบาทแบ่งเบาภาระอย่างสุดความสามารถแน่นอน!”
“วังหลังมีเจ้า ข้าวางใจมาก”
เมื่อเทียบกับความอบอุ่นในพระราชวัง มีคนคนหนึ่งกลับเต็มไปด้วยความผิดหวังและเศร้าเสียใจ
เป่ยจิงจิงเดินอยู่คนเดียวบนถนน มองดูผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ต่างคนต่างยุ่งอยู่กับการจับจ่ายซื้อสิ่งของเครื่องใช้ในวันตรุษจีนหรือไม่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เป่ยจิงจิงไม่เคยรู้สึกผิดหวังและเสียใจเช่นนี้มาก่อน
ตอนกลางวัน เรื่องขององค์หญิงห้าทำให้นางรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง หากไม่รัก ทำไมจะต้องฝืน มิเช่นนั้นฝืนบังคับผูกมัดให้คนสองคนอยู่ด้วยกันมันก็ถูกกำหนดแล้วว่าจะไม่มีความสุข
เป่ยจิงจิงเดินไปอย่างไร้จุดหมาย จู่ๆก็เห็นด้านหน้ามีร้านสุราแห่งหนึ่ง นางก้าวเท้าเดินเข้าไป
“ผู้จัดการร้าน นำสุราชั้นดีที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเจ้าทั้งหมดออกมาหนึ่งไห!” เป่ยจิงจิงหาที่นั่งและนั่งลงที่ชั้นหนึ่ง
ตอนนี้เป็นวันสิ้นปี ทุกบ้านทุกครัวเรือนล้วนอยู่ฉลองปีใหม่กันในบ้าน แทบจะไม่มีใครมาที่ร้านสุรา
ผู้จัดการร้านมองว่าคนที่เข้ามาเป็นผู้หญิง แถมยังต้องการสุรา ก็อดที่จะมองดูครู่หนึ่งไม่ได้ สุดท้ายถึงได้ตอบตกลง
“ได้เลย แม่นางรอสักครู่”
ไม่นานนัก เสี่ยวเอ้อก็กอดไหสุราเข้ามาสองไห “แม่นาง นี่คือสุราที่ดีที่สุดของร้านสุราของเรา”
“ออกไปเถอะ” เป่ยจิงจิงยกไหสุราขึ้นมาแล้วรินหนึ่งถ้วย จากนั้นก็ดื่มอึกใหญ่
เหล้าขาวที่เผ็ดร้อนลงไปในลำคอ ทำให้นางไออย่างรุนแรงขึ้นมา สำลักจนน้ำตาไหลออกมา แต่นางไม่ได้หยุดดื่ม รินอีกหนึ่งถ้วยแล้วดื่มต่อไป
ผู้จัดการร้านเห็นนางดื่มเหล้าแก้กลุ้มถ้วยแล้วถ้วยเล่า นึกถึงสถานะของนาง สุดท้ายก็ให้คนไปแจ้งเจ้าของร้าน
หมิงจิ่วซางกำลังเล่นหมากรุกกับโม่เหลิ่งเหยียน เมื่อได้ยินว่าเป่ยจิงจิงมา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ “ผู้หญิงคนนั้นทำไมถึงได้มาที่ร้านสุราของเรา หรือว่ามาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
โม่เหลิ่งเหยียนเกี่ยวมุมปากขึ้นมา “นางยังไม่มีสมองขนาดนั้นหรอก”
“เช่นนั้นนางไปดื่มสุราทำไม หรือว่าจะชอบข้าเข้าให้แล้ว?”
โม่เหลิ่งเหยียนกลอกตามองบน “เจ้าคิดมากไปแล้ว เป่ยจิงจิงชอบหลงเอ้อ แต่หลงเอ้อไม่สนใจนาง”
“อย่างนี้นี่เอง จู่ๆข้าก็นึกขึ้นได้ว่าร้านสุรายังมีธุระต้องจัดการ หมากรุกนี่ไว้ค่อยเล่นกันต่อวันหลัง ไปก่อนแล้ว” หมิงจิ่วซางมองดูกระดานหมากที่ตัวเองกำลังจะแพ้ครู่หนึ่ง หาข้ออ้างได้พอดี ลุกขึ้นก็จากไปเลย
โม่เหลิ่งเหยียนก็ไม่ได้โกรธ โพล่งออกมาประโยคหนึ่งว่า “หลงเอ้อเป็นคนของหยุนถิง ระวังเล่นกับไฟจะถูกไฟลวกเอา”
หมิงจิ่วซางที่เดินออกไปไกลสองเมตรหดคอโดยสัญชาตญาณ “พูดไร้สาระอะไรน่ะ ข้าย่อมรู้อยู่แล้วว่าห้ามล่วงเกินหยุนถิง ข้าก็แค่ไปประสมโรงด้วยเท่านั้น” กล่าวจบ ก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ในร้านสุรา
ในตอนที่หมิงจิ่วซางเร่งกลับไปถึง ก็เห็นเป่ยจิงจิงกอดไหสุราดื่มอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง บนเสื้อผ้าก็มีสุราติดอยู่ไม่น้อย แก้มแดงก่ำ แค่เห็นก็รู้ว่าดื่มไปไม่น้อยแล้ว
เมื่อผู้จัดการร้านเห็นเจ้าของร้าน ก็รีบเดินเข้ามาทันที “คุณชาย นี่นาง?”
“เจ้าไปทำอย่างอื่นเถอะ”
“ขอรับ!” ผู้จัดการร้านออกไปทันที
หมิงจิ่วซางก้าวเท้าเดินเข้ามา นั่งลงไปตรงข้ามของเป่ยจิงจิงโดยตรง “คิดไม่ถึงว่า องค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยลี่ผู้สง่างามก็ดื่มสุราคลายทุกข์เป็นด้วย?”
เป่ยจิงจิงเงยหน้าขึ้นมา มองพิจารณาคนที่ตรงข้ามครู่หนึ่ง เขาสวมชุดคลุมสีดำ โครงหน้าดูเคร่งขรึม หว่างคิ้วและตาแฝงไปด้วยความอันธพาลที่เยาะเย้ยถากถางสังคมและดูนักเลง แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร
“ไม่ต้องมายุ่ง!”
“มันก็ไม่เกี่ยวกับข้าหรอก แต่ว่าหลงเอ้อเจ้าหมอนั่นมันก็คือท่อนไม้ท่อนหนึ่ง อยากจะให้เขาเปิดใจก็ต้องใช้ยาแรงหน่อย!” หมิงจิ่วซางจงใจกล่าวออกมา
ทันทีที่ได้ยินชื่อหลงเอ้อ เป่ยจิงจิงก็ได้สติขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้ารู้จักหลงเอ้อ เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สามารถช่วยเจ้าได้ก็พอแล้ว อย่างไรเสียหลงเอ้อก็เป็นโสดมาหลายปีแล้ว ข้าก็หวังให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝาเช่นกัน” หมิงจิ่วซางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจังใจ
ถึงแม้เป่ยจิงจิงจะเมาสุรา แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ มองมาด้วยความระมัดระวังทันที “ทำไมเจ้าต้องช่วยข้าด้วย?”
“เจ้าจะคิดว่าข้าชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านก็ได้ อย่างไรเสียในช่วงตรุษจีนเช่นนี้ไม่มีอะไรสนุกๆให้ทำหน่อยมันจะไม่น่าเบื่อมากหรอกหรือ!” หมิงจิ่วซางเลิกคิ้วมองมา
“เจ้าจะช่วยข้าอย่างไร หลงเอ้อไม่ชอบข้าด้วยซ้ำ?”