จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 763 เจ้าไปไหนข้าก็ไปที่นั่น
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 763 เจ้าไปไหนข้าก็ไปที่นั่น
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง แต่ว่ามันมีราคาที่เจ้าต้องจ่ายหน่อย!” หมิงจิ่วซางเลิกคิ้วมองมา
“ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไร ขอเพียงทำให้หลงเอ้อชอบข้า ข้าล้วนยินดีทั้งนั้น!” เป่ยจิงจิงกล่าวออกมาโดยไม่คิดเลยด้วยซ้ำ
“ดี คิดเร็วทำเร็ว ข้าชอบคบค้าสมาคมกับคนคิดเร็วทำเร็ว ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละ” หมิงจิ่วซางลุกขึ้นก็จากไป
“เฮ้ เช่นนั้นข้าต้องทำอะไร?” เป่ยจิงจิงถาม
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ดื่มสุราอย่างสบายใจ ดื่มเสร็จแล้วกลับไปยังที่พักเปลี่ยนม้าก็พอ” หมิงจิ่วซางทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง ก็จากไป
เป่ยจิงจิงมองมาด้วยความสงสัย แต่นอกจากรอแล้วนางก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไร
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ สุราสองสามไหที่เป่ยจิงจิงต้องการก็ดื่มจนหมดแล้ว มองดูท้องฟ้าข้างนอกครู่หนึ่ง เวลานี้ฟ้ามืดมากแล้ว เป่ยจิงจิงรอต่อไปอีกครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นคนเมื่อครู่นี้ปรากฏตัวขึ้นมา ถึงได้เดินโซเซจากไป
ในวันตรุษจีนเช่นนี้ แถมยังเป็นเวลากลางคืน บนถนนไม่มีคนเดินเท้าตั้งนานแล้ว เป่ยจิงจิงเดินอยู่บนถนนที่เงียบเหงา ยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้น
เพราะว่าดื่มมากเกินไป เป่ยจิงจิงเกือบจะล้มลงไปหลายครั้ง เป่ยจิงจิงฝืนเดินผ่านไปสองถนนก็พบกับอันธพาลสองสามคน
เมื่ออันธพาลเห็นเป่ยจิงจิงเดินโซซัดโซเซ ก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที
“พี่น้องทั้งหลาย ในวันตรุษจีนเช่นนี้สวรรค์ดีต่อเราไม่น้อยเลย คืนนี้เราจะได้เสพสุขกันแล้ว!” อันธพาลคนหนึ่งกล่าวด้วยความยินดี
“พี่ใหญ่กล่าวถูกแล้ว แม่นางคนนี้ช่างมีเอกลักษณ์จริงๆ”
ขณะที่ขอทานสองสามคนกล่าวไปก็เดินตรงเข้ามา แสร้งทำเป็นประคองเป่ยจิงจิงด้วยความหวังดี
“ไปให้พ้น!” จู่ๆก็ถูกอันธพาลสองคนหิ้วตัวเอาไว้กะทันหัน เป่ยจิงจิงกล่าวด้วยความหงุดหงิดโมโหเล็กน้อย
“โอ้โห ยังนิสัยแสบนี่นา เราพี่น้องชอบคนเผ็ดร้อนเช่นเจ้านี่แหละ” อันธพาลดึงตัวเป่ยจิงจิงจากไปโดยไม่ฟังคำทัดทาน
“ไสหัวไป อย่ามาแตะต้องข้า!” เป่ยจิงจิงก่นด่าด้วยความโกรธจัด ก็จะไปพลักอันธพาลสองสามคนนั่นออกไป
แต่นางดื่มมากเกินไปหน่อย คนทั้งคนไม่สามารถยืนได้มั่นคง ทั่วทั้งร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเลย มือที่สะบัดออกมาอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ในสายตาของอันธพาลเห็นเป็นการยั่วยวนชัดๆ
“แม่สาวน้อย มาเถอะ พวกพี่จะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดี!” อันธพาลยื่นมือไปดึงเสื้อผ้าของเป่ยจิงจิงโดยไม่ฟังคำทัดทาน
เสียง “แคว่ก!” ดังขึ้นมา เป่ยจิงจิงได้สติขึ้นมาทันที ตกใจอย่างมาก
“บัดซบ ไสหัวออกไป อย่าแตะต้องข้า!” เป่ยจิงจิงตะโกนและขัดขืนอย่างสุดชีวิต
อันธพาลทั้งหมดกระโจนเข้ามา เป่ยจิงจิงตกใจจนดิ้นรนสุดชีวิต และร้องขอความช่วยเหลือ แต่นี่เป็นเวลากลางคืนทั้งยังเป็นวันสิ้นปี บนถนนไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ ย่อมไม่มีใครมาช่วยนางเป็นธรรมดา
นาทีนี้ เป่ยจิงจิงตกใจแย่แล้วจริงๆ นางคือองค์หญิงสี่แห่งแคว้นเป่ยลี่ หยิ่งยโสโอหังมาตั้งแต่เด็ก มีแต่คนประจบประแจงเอาใจนาง จู่ๆถูกคนรังแกกะทันหันเช่นนี้ นางถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้น หากถูกอันธพาลพวกนี้ทำให้แปดเปื้อน นางยอมตายเสียดีกว่า
เป่ยจิงจิงกำลังคิดอยู่ ก็ดึงปิ่นปักผมที่อยู่บนศีรษะลงมาในความตื่นตระหนก ดวงตาคู่สวยเคร่งขรึมลงก็แทงไปทางอันธพาลที่หมอบอยู่บนตัวนาง
“อ๊าก!” อันธพาลคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวด จ้องมองไปทางเป่ยจิงจิงด้วยความโกรธแค้น ยกมือขึ้นก็ตบนางไปอีกหนึ่งฉาก
“เฮงซวย คืนนี้ข้าจะทำเจ้าให้ตาย!” อันธพาลกระโจนเข้ามาต่อ
“อย่าแตะต้องข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตายต่อหน้าพวกเจ้าเดี๋ยวนี้ ถึงเวลาเสด็จพี่ข้าจะต้องนำกองทัพแห่งแคว้นเป่ยลี่เหยียบแคว้นต้าเยียนของพวกเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลองอย่างแน่นอน!” เป่ยจิงจิงกล่าวอย่างโกรธเคือง
“โอ้โห ยังเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยลี่ หากเจ้าเป็นองค์หญิง ข้าก็คือเง็กเซียนฮ่องเต้แล้ว! คืนนี้พวกพี่จะกระทำชำเราเจ้าก่อนแล้วค่อยฆ่าทิ้ง จากนั้นก็จุดไฟเผาให้เป็นเถ้า ดูสิว่าใครจะหาเจ้าเจอ!” อันธพาลคำรามด้วยความโกรธ จากนั้นก็กระโจนเข้ามา
เป่ยจิงจิงตกใจแทบตาย แต่นางไม่มีเวลาคิดมาก ปิ่นปักผมที่อยู่ในมือแทงไปทางหน้าอกของตัวเอง
นางไม่มีทางยอมให้ไอ้สารเลวพวกนี้ทำให้ตัวเองแปดเปื้อนเด็ดขาด ยิ่งไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นความอัปยศของแคว้นเป่ยลี่
เมื่อเห็นว่าปิ่นปักผมอันนั้นกำลังจะแทงเข้ามาในหน้าอกของตัวเอง เป่ยจิงจิงรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ จู่ๆปิ่นปักผมที่อยู่ในมือก็ร่วงไปบนพื้น
“ใคร ใครกล้าขัดจังหวะเรื่องดีๆของข้า?” อันธพาลคนหนึ่งจ้องมองมาด้วยความโกรธ
เงาร่างหนึ่งลอยลงมาจากฟ้า จู่ๆหลงเอ้อก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขากะทันหัน
เป่ยจิงจิงมองเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าชัดเจน คนทั้งคนตะลึงงันไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ “หลงเอ้อ ทำไมเจ้าถึง?”
“หลงเอ้อ เจ้าคือหลงเอ้อที่อยู่ข้างกายซื่อจื่อเฟย?” อันธพาลคนหนึ่งจำเขาได้
คนอื่นๆล้วนตกตะลึงไปในทันที พากันคุกเข่าคารวะหน้าผากแตะพื้นร้องขอความเมตตา
“ข้าเกลียดที่สุดก็คือคนที่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า ยิ่งเกลียดคนที่รังแกผู้หญิง!” เสียงที่เย็นชาดุร้ายของหลงเอ้อหยุดลง กระบี่ที่อยู่ในมือก็ออกจากฝักทันที
อันธพาลพวกนั้นยังไม่ทันได้ร้องขอความเมตตา ทั้งหมดก็ถูกปาดคอในกระบี่เดียว
เป่ยจิงจิงก็ตกใจแทบแย่เช่นกัน มองดูอันธพาลเหล่านั้นล้มลงไปกับพื้นอย่างมึงงง ลืมตอบสนองกลับมาด้วยซ้ำ
หลงเอ้อหันหน้ามองไปที่เป่ยจิงจิงครู่หนึ่ง สีหน้าของนางซีดขาว เสื้อผ้าบนร่างกายถูกฉีกขาด แขนและไหล่ล้วนเผยออกมาด้านนอก ทุลักทุเลอย่างยิ่ง
หลงเอ้อถอดเสื้อคลุมที่อยู่บนตัวออก เดินเข้ามาสองสามก้าว แล้วคลุมให้กับเป่ยจิงจิง
“ไม่เป็นไรแล้ว!”
เป่ยจิงจิงถึงได้ตอบสนองกลับมา ผลักหลงเอ้อออก หันหลังก็วิ่งหนีไป
เพียงแต่ว่านางดื่มมากเกินไป คนทั้งคนยังไม่ทันได้วิ่งกี่ก้าวก็ล้มลงไปกับพื้น นางเจ็บจนสีหน้าซีดขาวสุดขีด แต่นางกลับไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย คิดแค่อยากหนีไปที่นี่โดยเร็วเท่านั้น
หลงเอ้อก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าปฏิกิริยาตอบสนองของนางจะรุนแรงเช่นนี้ ยื่นมือจะไปประคองนางลุกขึ้นมา แต่กลับถูกเป่ยจิงจิงผลักออกไป
“เจ้าไปให้พ้น ข้าไม่ต้องการให้เจ้าสงสาร เจ้าไปซะ!” เป่ยจิงจิงตะโกนเสียงดัง
นางไม่อยากให้หลงเอ้อเห็นตัวเองที่เป็นเช่นนี้ ตัวเองที่ทุลักทุเลเช่นนี้
หลงเอ้อเห็นนางลุกไม่ขึ้นแล้วด้วยซ้ำ หว่างคิ้วมีความไม่สบอารมณ์เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย คลุมเสื้อคลุมในมือให้กับนางอย่างแข็งกร้าว
“เลิกก่อกวนได้แล้ว!”
“ข้าไม่ได้ก่อกวน เจ้าไปซะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า” เป่ยจิงจิงใช้แรงผลักและดันออก แต่กลับไม่สามารถผลักออกไปได้เลย
สองมือของหลงเอ้อใช้แรงดึงนางเอาไว้ ปล่อยให้นางผลักและดันตามอำเภอใจ
อย่างไรเสียก็เพิ่งประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มา หลงเอ้อก็สามารถเข้าใจที่นางเป็นเช่นนี้ได้
แต่เป่ยจิงจิงผลักอยู่นาน ก็ไม่สามารถผลักออกไปได้ สุดท้ายก็ร้องไห้ขึ้นมาโดยตรง สองมือของนางจับเสื้อของหลงเอ้อเอาไว้อย่างแน่นหนา แล้วร้องไห้โฮขึ้นมา
หลงเอ้อไม่ได้ผลักนางออก และไม่ได้ปลอบโยน เพียงแค่ปล่อยให้นางจับเสื้อตัวเองร้องไห้เสียงดังตามความพอใจ
นานพักใหญ่หลังจากนั้น เสียงร้องไห้ของเป่ยจิงจิงถึงได้เบาลงเล็กน้อย หลงเอ้อดึงนางออกจากอ้อมแขน “ไป ข้าส่งเจ้ากลับไป!”
“ไม่ ข้าไม่กลับไป ข้ากลัว!” เสียงของเป่ยจิงจิงแหบแห้งและสั่นเทา
“ที่พักเปลี่ยนม้าปลอดภัยมาก ไม่มีใครสามารถทำร้ายเจ้าได้” หลงเอ้อตอบ
“ข้าไม่ไป เจ้าไปไหนข้าก็จะไปที่นั่น เจ้าอย่าทิ้งข้าเอาไว้” ขณะที่พูด เป่ยจิงจิงก็ยื่นมือไปจับเสื้อของหลงเอ้อเอาไว้ ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
มองดูร่างกายที่สั่นเทาไปหมดทั้งตัวของนาง แล้วก็ยังมีมือที่สั่นเทาของนาง หลงเอ้อจนปัญญา ได้แต่พานางกลับไปที่จวนซื่อจื่อ
อย่างไรเสียงนางก็เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยลี่ หากประสบอุบัติเหตุขึ้นที่แคว้นต้าเยียนจริงๆ มันก็ยากที่จะอธิบายต่อแคว้นเป่ยลี่ได้
จวนซื่อจื่อ
องครักษ์เงามังกรคนอื่นๆเห็นหลงเอ้อพาเป่ยจิงจิงกลับมา ล้วนตกตะลึงกันหมด
“หลงเอ้อ นี่เจ้า?” หลงยียังอดที่จะกล่าวถามไม่ได้
“นางประสบอุบัติเหตุ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” หลงเอ้อพาเป่ยจิงจิงไปที่ห้องรับรองแขก ทิ้งองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับคนอื่นตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“คืนนี้เจ้าพักผ่อนที่นี่!” หลงเอ้อกล่าวอย่างราบเรียบ
หัวใจที่ตื่นตระหนกของเป่ยจิงจิงถึงได้สบายใจลงไม่น้อย ที่นี่คือจวนซื่อจื่อ สามารถพูดได้ว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในแคว้นต้าเยียนก็ว่าได้
“เจ้าจะรอให้ข้าหลับก่อนแล้วค่อยไปได้ไหม ขอร้องล่ะ?” เป่ยจิงจิงกล่าววิงวอน