จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 764 อย่าทิ้งข้าเอาไว้คนเดียว
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 764 อย่าทิ้งข้าเอาไว้คนเดียว
หลงเอ้ออยากจะปฏิเสธ แต่เห็นสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกหวาดกลัวของเป่ยจิงจิง ก็รู้ว่าคืนนี้นางตกใจไม่น้อย
“ตกลง ข้ารอเจ้าหลับแล้วค่อยไป!” หลงเอ้อกล่าวเสียงเย็นชา
“ขอบคุณ!” เป่ยจิงจิงตื้นตันจนน้ำตาไหลออกมา หลับตาลงหลังจากที่นอนลงไป
บางทีอาจเป็นเพราะคืนนี้ดื่มมากเกินไป หรืออาจเป็นเพราะว่าเหนื่อยเกินไป หรือไม่ก็เป็นเพราะมีหลงเอ้ออยู่จึงสบายใจไม่น้อย ดังนั้นไม่นานนักเป่ยจิงจิงก็ผล็อยหลับไป
ฟังเสียงลมหายใจแผ่วๆของนาง คิ้วของหลงเอ้อขมวดกันเป็นก้อน หันหลังก็จะจากไป
“อย่าไป อย่าทิ้งข้าเอาไว้คนเดียว ฮือๆ—–” เป่ยจิงจิงพูดละเมอ
หลงเอ้อได้ยินเสียงของนาง สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ได้จากไป และไม่ได้ขยับเขยื้อน เพียงแค่ยืนเงียบๆอยู่อย่างนั้น
ถึงแม้ในเวลาปกตินางจะยโสโอหัง แต่อย่างไรก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง จู่ๆก็เจอกับเรื่องแบบนี้ ต้องตกใจไม่น้อยอย่างแน่นอน
เวลาผ่านไปทีละนิดทีละนิด เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน หลงเอ้อเห็นว่าเป่ยจิงจิงนอนหลับอย่างสงบเล็กน้อยแล้ว ก็เดินเข้ามาสองสามก้าวสกัดจุดนอนของเป่ยจิงจิง จากนั้นก็หันหลังออกไป
ทันทีที่คนอื่นๆเห็นหลงเอ้อออกมา ก็รีบเข้าไปใกล้ทันที
“หลงเอ้อ พวกเจ้าสองคนอยู่ในเรือนด้วยกันนานขนาดนี้ หรือว่าได้มีอะไรกันแล้ว?” รั่วจิ่งมองมาอย่างสอดรู้สอดเห็น
สายตาเฉือนคมของหลงเอ้อมองมาอย่างเย็นชา “หากพูดจาเหลวไหลอีก ข้าไม่รังเกียจที่จะตัดลิ้นของเจ้าซะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่รั่วจิ่งเห็นหลงเอ้อเย็นชาเช่นนี้ ในเวลาปกติเจ้าหมอนี่เอ้อระเหยลอยชาย ไม่เคยจริงจัง จู่ๆก็เคร่งขรึมเช่นนี้ รั่วจิ่งรู้สึกกลัวเล็กน้อยจริงๆ
“ข้าก็แค่ล้อเล่น ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย”
“เรื่องแบบนี้ล้อเล่นไม่ได้” หลงเอ้อกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
“หลงเอ้อ คืนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าถึงพาเป่ยจิงจิงกลับมา?” หลิงเฟิงถาม
“คืนนี้นางเกือบจะถูกอันธพาลสองสามคนทำให้แปดเปื้อนแล้ว!” หลงเอ้อไม่ได้ปิดบัง
ทุกคนถึงได้เข้าใจในทันที มิน่าหลงเอ้อที่ปกติเห็นเป่ยจิงจิงก็จะซ่อนตัว ถึงพานางกลับมาเอง
“นางเป็นถึงองค์หญิงสี่แห่งแคว้นเป่ยลี่ เวลาว่างๆก็เตร็ดเตร่อยู่ในเมืองหลวง ใครบ้างไม่รู้จักนาง คิดไม่ถึงว่ายังมีคนใครคิดวางแผนในตัวนางอีก?” รั่วจิ่งบ่นพึมพำออกมา
“หลงเอ้อ เจ้ารับผิดชอบปกป้องซื่อจื่อเฟยไม่ใช่หรือ จู่ๆทำไมถึงมีเรื่องนี้ปรากฏขึ้นมาพอดี นี่มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยแล้ว?” หลงซานกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ
สีหน้าของหลงเอ้อยิ่งเย็นชาลงมาเล็กน้อย “พวกเจ้าดูแลนางให้ดี ข้าออกไปก่อนรอบหนึ่ง” กล่าวจบ ก็ใช้วิชาตัวเบาลอยตัวออกไปโดยตรง
“เจ้าหมอนี่ยังพูดไม่เข้าใจเลยก็จากไปแล้ว แล้วนี่จะไปทำอะไรอีกล่ะ?” หลงซื่อเบะปาก
“เขาน่าจะไปสืบหาความจริง” จู่ๆหลงยีก็ปรากฏตัวและกล่าวขึ้นมา
“หรือว่าครั้งนี้หลงเอ้อจะจริงจังขึ้นมาแล้ว พวกเจ้าว่าเขากับเป่ยจิงจิงมีความเป็นไปได้ไหม? เมื่อครู่ข้าเห็นเขาพาเป่ยจิงจิงกลับมาดูวิตกกังวลอย่างมาก และยังอยู่เฝ้านางในเรือนนานขนาดนั้นอีก?” รั่วจิ่งกล่าวอย่างคนชอบนินทา
“มีแต่เจ้าที่พูดมาก” หลิงเฟิงกลอกตามองเขาครู่หนึ่ง
“ข้าก็เป็นห่วงพี่น้องไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างไรเรามาพนันกันดีไหม ข้าเป็นเจ้ามือ เดิมพันว่าหลงเอ้อกับเป่ยจิงจิงจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ เริ่มต้นเดิมพันกันที่หนึ่งหมื่นตำลึง เดิมพันถูกได้รับสองเท่า” รั่วจิ่งเกิดความสนใจขึ้นมา
ถึงแม้หลิงเฟิงจะรู้สึกว่าการทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม แต่ก็ยังอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “ข้าเดิมพันหนึ่งหมื่นตำลึง หลงเอ้อจะไม่อยู่กับเป่ยจิงจิง”
“หลิงเฟิงก็เดิมพันแล้ว ข้าก็เดิมพันด้วย ข้าเดิมพันว่าพวกเขาสองคนจะอยู่ด้วยกัน” หลงซานเอ่ยปาก
องครักษ์เงามังกรกับองครักษ์ลับคนอื่นๆล้วนพากันเข้าร่วม อย่างไรเสียการปีนกำแพงในตอนกลางคืนก็น่าเบื่อจริงๆ หาอะไรสนุกๆทำก็ไม่เลวเช่นกัน
รั่วจิ่งมองดูตั๋วเงินที่อยู่ในอ้อมแขน ไม่สามารถยัดเข้าไปได้แล้ว ดีใจจนหุบปากไม่ลง ทีนี้เขารวยแล้ว
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวตื่นนอน หลิงเฟิงกับรั่วจิ่งก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนออกมา หยุนถิงฟังด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
“คิดไม่ถึงว่า หลงเอ้อจะเป็นคนที่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ชัดเจน” หยุนถิงกล่าว
“หลงเอ้อล่ะ?” จวินหย่วนโยวถาม
“เรียนซื่อจื่อ เขายังไม่กลับมา ถ้าอย่างไรข้าไปตามเขากลับมาดีไหม?” รั่วจิ่งตอบ
“ไม่ต้อง รอให้เขาจัดการเรียบร้อยแล้วย่อมกลับมาเอง ถิงเอ๋อร์อาหารค่ำของคืนส่งท้ายปีคืนพรุ่งนี้เราเรียกหยุนเฉิงเซี่ยงและคนอื่นๆมากินพร้อมกันเถอะ คนเยอะครึกครื้น!” จวินหย่วนโยวเสนอแนะ
“ท่านพี่พิจารณาได้รอบคอบ เช่นนั้นก็ส่งคนไปแจ้งจวนตระกูลหยุนคำหนึ่ง”
“ซื่อจื่อ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เฟยรั่วจิ่งรีบไปทันที
ระหว่างทางที่ไปจวนตระกูลหยุน บังเอิญผ่านร้านขายยาพอดี ยังสามารถไปหาหลันซาน ดังนั้นรั่วจิ่งจึงอาสาไปเอง
หลังจากที่รั่วจิ่งไปถ่ายทอดคำพูดที่จวนตระกูลหยุนเสร็จ ระหว่างทางที่กลับไปยังตั้งใจซื้อขนมถั่วเขียวที่หลันซานชอบกินที่สุด มุ่งหน้าไปที่ร้านขายยาทันที
เพียงแต่ในตอนที่เขามาถึงร้านขายยา และเห็นคนที่อยู่ข้างใน คนทั้งคนก็รู้สึกแย่ในทันที
หลันซานกำลังตรวจสอบยาสมุนไพร ผู้ชายที่สวมชุดคลุมยาวสีดำด้านข้างยื่นกล่องขนมอบเข้ามา
“หลันซานเจ้าลองชิมดู นี่คือขนมถั่วเขียวที่เพิ่งทำออกมาใหม่ รสชาติอร่อยมาก เป็นร้านเจ้าเก่าอายุนับร้อยปี รู้ว่าเจ้าชอบกิน ตั้งใจให้ผู้จัดการร้านเก็บเอาไว้ให้หนึ่งกล่องโดยเฉพาะเลย” โจวมู่เอ่ยปากกล่าวขึ้นมา
หลันซานมองดูขนมถั่วเขียวนั่นครู่หนึ่ง “ขอบคุณ”
“กับข้าจะเกรงใจทำไม หลายปีมานี้เพราะร้านขายยามีเจ้า ดังนั้นถึงดูแลจัดการได้ดีขนาดนี้ ทุกคนล้วนนับถือเจ้า และรู้สึกขอบคุณเจ้ามากเช่นกัน นี่ก็ถือเป็นของขวัญขอบคุณแล้วกัน” ขณะที่พูดโจวมู่ก็ยื่นขนมถั่วเขียวเข้ามาหนึ่งชิ้น
หลันซานยิ้มบางๆ ยื่นมือรับมา “เจ้าพูดเช่นนี้ ข้าอายจนไม่กล้ากินแล้ว”
“ระหว่างเราไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก เจ้าชอบกินต่อไปข้าจะซื้อให้เจ้ากินทุกวัน” หว่างคิ้วของโจวมู่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
รั่วจิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเห็นทุกสิ่งทุกอย่างนี้ในสายตา รู้สึกอัดอั้นหน้าอกอย่างมาก และกลัดกลุ้มเล็กน้อย สีหน้าเคร่งขรึมลงมาในทันที หันหลังก็จากไปเลย
“คุณชายรั่วจิ่ง ทำไมท่านถึงจะไปแล้วล่ะ?” ด้านในลาน บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งที่กำลังผึ่งสมุนไพรอยู่สอบถามขึ้นมา
“ข้ายังมีธุระอีก อันนี้ให้เจ้าแล้ว!” รั่วจิ่งยื่นขนมถั่วเขียวที่อยู่ในมือมาให้ ก้าวเท้าก็เดินจากไป
บ่าวรับใช้ชายรับขนมถั่วเขียวนั่นมาดู ขนมถั่วเขียวนี่เป็นของร้านเจ้าเก่าอายุนับร้อยปี ในเวลาปกติเข้าแถวยังต้องเข้าเป็นชั่วยามถึงจะซื้อมาได้ ทำไมคุณชายรั่วจิ่งถึงมอบในให้ตัวเองได้ล่ะ?
จวนซื่อจื่อ
เป่ยจิงจิงตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงวันของวันรุ่งขึ้นแล้ว ลืมตามองดูห้องที่ไม่คุ้นเคยก็สะดุ้งตกใจ
นางถึงได้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ หลงเอ้อเป็นคนช่วยตัวเองเอาไว้ และพาตัวเองมาที่จวนซื่อจื่อ
เป่ยจิงจิงลุกขึ้นเดินออกไปทันที เดินออกไปนอกลานก็เห็นหยุนถิงกำลังสอนลูกสองคนอยู่ไม่ไกลออกไป ท่าทางของเด็กน้อยสองคนดูลำบากมาก ยืนหยัดไม่ไหวล้มลงไปหลายครั้ง หยุนถิงไม่ได้ปลอบโยน เพียงแค่มองดูอย่างเงียบๆ จากนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้นมาทำต่อ
เป่ยจิงจิงเห็นแล้วยังรู้สึกเอ็นดูสงสาร เดินเข้ามาสองสามก้าว “ซื่อจื่อเฟยเหตุใดถึงต้องปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นนี้ พวกเขายังเด็กขนาดนี้?”
“คนชั่วไม่เคยคิดว่าเด็กยังเล็ก ข้าสอนพวกเขาให้มีความสามารถและวิธีการในการปกป้องตัวเองตั้งแต่เด็ก เช่นนี้เมื่อพบกับอันตรายถึงจะสามารถช่วยเหลือตัวเองหรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือได้ ไม่ถึงกับปล่อยให้คนอื่นเข่นฆ่ารังแกตามอำเภอใจ!” หยุนถิงกล่าวอย่างราบเรียบ
จู่ๆเป่ยจิงจิงก็นึกถึงตัวเองเมื่อคืนนี้ สีหน้ายิ่งมีความตื่นตระหนกและหวาดกลัวเล็กน้อย
“ที่นี่คือจวนซื่อจื่อ ปลอดภัยมาก เจ้าสามารถวางใจได้” หยุนถิงมองออกว่านางหวาดกลัว จึงกล่าวปลอบโยนประโยคหนึ่ง
“หลงเอ้อล่ะ เขาอยู่ไหน?” เป่ยจิงจิงถาม
หยุนถิงกำลังจะบอกว่าไม่รู้ ก็เห็นองครักษ์ลับสองนายหิ้วตัวหลงเอ้อเข้ามาจากด้านนอก
เสื้อผ้าของหลงเอ้อถูกตัดจนขาดหลายรู บนร่างกายยังมีรอยเลือดหลายแห่ง แก้มด้านหนึ่งก็บวมแดงเขียวช้ำ มุมปากยังมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย แค่เห็นก็รู้แล้วว่าบาดเจ็บสาหัส
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้?” หยุนถิงถามด้วยความเป็นห่วง รีบเข้ามาช่วยหลงเอ้อจับชีพจรทันที
“หลงเอ้อ ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ได้?” หัวใจทั้งดวงของเป่ยจิงจิงกระดอนมาถึงลำคอ เป็นห่วงอย่างยิ่ง
หลงเอ้อเกี่ยวมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย มองไปทางเป่ยจิงจิงโดยสัญชาตญาณ “ข้าไม่เป็นไร!” กล่าวประโยคนี้จบ ก็หน้ามืดหมดสติไป