จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 789 ห้ามมารบกวนข้าอีก
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 789 ห้ามมารบกวนข้าอีก
เด็กรับใช้ชายตกใจจนตัวสั่นเทา “พี่ชายทั้งสองไว้ชีวิตด้วย ข้าก็แค่อยากหาเงินนิดหน่อย ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!” พูดอยู่ ก็เดินไปในชั่วพริบตา
แต่ว่าเด็กชายรับใช้ไม่ได้ตัดใจ คุณชายที่หน้าตาเย็นชาท่านนั้นแต่งตัวหรูหรา พอมองก็รู้ว่าเป็นคนร่ำรวย ยังพาคนมามากขนาดนี้ ต้องมีสถานะไม่ธรรมดาแน่
ถ้าตนเองสามารถผูกไมตรีกับเขาได้ วันหลังไม่ใช่จะรุ่งเรืองแล้วหรือ
เด็กรับใช้ชายยิ่งคิดยิ่งดีใจ สุดท้ายหัวเราะออกมา เขารออยู่สักพักหนึ่งจึงยกชากาหนึ่งออกมา
เห็นโม่เหลิ่งเหยียนยืนมองทะเลอยู่ตรงหัวเรือ ชั่วขณะนั้นเด็กรับใช้ชายรู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว รีบวิ่งเข้ามาโดยเร็ว
“คุณชายขอรับ นี่คือชากลางทะเลของพวกเรา รสชาติเป็นเอกลักษณ์ รับรองว่าพวกท่านไม่เคยดื่มมาก่อน อยากลองชิมหรือไม่ขอรับ?” เด็กรับใช้ชายถามเสียงดัง
ลูกน้องสองคนด้านข้างมองทางเด็กรับใช้ชายอย่างเย็นชา “เหตุใดถึงเข้ามาอีกแล้ว?”
“พี่ชายทั้งสองอย่าได้เข้าใจผิด นี่ไม่ใช่ว่าข้าอยากหาเงินจากพวกท่านสักหน่อยหรือ กลางทะเลนี้ไม่มีงานอะไร ยากจะได้เจอพวกท่าน เห็นว่าพวกท่านแต่งตัวหรูหราต้องไม่สนใจเงินเล็กๆ น้อยๆ แน่” เด็กรับใช้ชายรีบพูดเอาใจทันที
ลูกน้องคนหนึ่งในนั้น มองทางเขาด้วยสายตาที่มองคนโง่ “อยากหาเงินจากเจ้านายพวกข้า เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ?”
“พี่ชายท่านอย่าขู่ข้าสิ ข้าขี้ขลาด นี่ไม่ใช่เพราะยากจนเหลือเกินหรือ ถ้าเกิดเจอผู้ใจบุญเข้าเล่า” เด็กรับใช้ชายพูดจาอย่างน่าสงสาร
“เท่าใด?” โม่เหลิ่งเหยียนไม่หันหน้ากลับมา ถามด้วยเสียงเย็นชา
“คุณชายไม่แพงขอรับ ชากาหนึ่งหนึ่งร้อยตำลึง!” เด็กรับใช้ชายตอบอย่างดีใจ
“หนึ่งร้อยตำลึง เหตุใดเจ้าไม่ปล้นไปเลยเล่า?” ลูกน้องคนหนึ่งถลึงตาเข้ามา
“ให้เขาไปหนึ่งพันตำลึง ห้ามมารบกวนข้า ก่อนจะลงเรือข้าต้องไม่เห็นเจ้าอีก!” เสียงเย็นเยือกของโม่เหลิ่งเหยียน ผิดแปลกจากผู้คนทั่วไป
เด็กรับใช้ชายตะลึง จากนั้นดีใจที่สุด “ขอบพระคุณคุณชายขอรับ ข้ารับรองว่าจะหลบเอาไว้ ไม่ให้ท่านมองเห็นข้าแล้วขัดตาอีกเด็ดขาด!”
ลูกน้องรีบล้วงเงินหนึ่งพันตำลึงออกมา “ถ้าเจ้ากล้าปรากฏตัวมาอีก ข้าจับเจ้าโยนลงในทะเลให้ปลากินทันที!”
เด็กรับใช้ชายตัวสั่นเทา รีบหยิบเงินนั้นมา “พี่ชายไม่ต้องห่วง ข้ายังไม่อยากตาย!” พูดจบ หมุนตัวเดินไป
“นายท่าน พวกเราสามารถจับเจ้าเด็กนั่นมากระหน่ำต่อยได้สักยก เหตุใดต้องให้เงินเขาด้วยขอรับ?” ลูกน้องอีกคนหนึ่งถาม
“เขตทะเลนิรนามเป็นที่รู้กันตามชื่อมีแต่ทะเล ถึงแม้ทักษะใต้น้ำของพวกเจ้าไม่เลว แต่กลางทะเลกว้างใหญ่นี้ถ้าเขาใช้เล่ห์เหลี่ยม ย่อมไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราจริงๆ กลับไม่สู้ใช้เงินหาความสงบ รอเทียบฝั่งค่อยวางแผนอีกที!” โม่เหลิ่งเหยียนอธิบาย
“นายท่านฉลาดนัก!”
ส่วนเด็กรับใช้ชายหลังรับเงินไป กลับไปที่ท้องเรืออย่างเบิกบาน นึกไม่ถึงคุณชายเย็นชาผู้นี้ใจกว้างเช่นนี้ นี่ทำให้นางยิ่งวางกลอุบายยิ่งขึ้น จะต้องคิดหาวิธีติดตามเขาให้ได้ อย่างนี้ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินแล้ว
“เจอเรื่องดีอะไรมาเล่า หัวเราะคิกคักไม่เลิกเชียว?” คนพายเรือท่านอาคังอดถามไม่ได้
“ท่านอาคัง ข้าร่ำรวยแล้ว ท่านดูเงินหนึ่งพันตำลึง เมื่อครู่คุณชายคนนั้นให้ข้ามา!” รั่วฉิงรีบชูเงินในมือขึ้น
พอท่านอาคังเห็น ก็ตกใจมาก “คุณชายเมื่อครู่นั้นให้มา?”
“ใช่ นึกไม่ถึงเขาใจดีปานนี้!” รั่วฉิงพูดอย่างตื่นเต้น
“ยัยเด็กโง่ ข้าว่าคุณชายผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา ไม่เหมือนกับลูกเรือก่อนหน้านี้พวกนั้น ไม่ใช่คนที่พวกเราล่วงเกินได้ เก็บความคิดเจ้าเล่ห์พวกนั้นของเจ้าเอาไว้ ห้ามก่อเรื่อง!” ท่านอาคังพูดกำชับ
“รู้แล้วเจ้าค่ะท่านอาคัง ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร!”
พริบตาเดียวก็มาถึงเวลากินข้าว รั่วฉิงหยิบหมั่นโถวออกมายังมีปลาแห้งแล้วกินขึ้นมา ทันใดนั้นก็นึกถึงคุณชายเย็นชาท่านนั้น ดังนั้นนางถือปลาแห้งประหนึ่งสมบัติล้ำค่าแล้วออกไป
แต่ว่าคราวนี้ รั่วฉิงเรียนรู้จากประสบการณ์แล้ว ไม่ได้ไปด้านหน้าโม่เหลิ่งเหยียน แต่ว่าหยุดอยู่อีกทางหนึ่งที่ท้องเรือ
“คุณชาย ข้ามีปลาแห้งรสชาติดีอยู่ เป็นตำรับเฉพาะของข้า รสชาติอร่อยแบบดั้งเดิม เดิมทีหากินข้างนอกไม่ได้ ท่านอยากลองชิมหรือไม่?” รั่วฉิงถาม
ลูกน้องคนหนึ่งได้ยินเสียงของนาง เดินข้ามาอย่างโกรธเคือง “เจ้าเด็กคนนี้เหตุใดถึงกลับคำ ดูแล้วอยากโดนโยนลงทะเลหรือ?” พูดอยู่ก็อยากลงมือ
“พี่ชายไว้ชีวิตด้วย ข้าก็ปฏิบัติตามข้อตกลงของคุณชายพวกท่านนะ ข้าไม่ได้ปรากฏตัวตรงหน้าเขาจริงๆ ยืนอยู่ตรงนี้เดิมทีเขามองไม่เห็นข้า!” รั่วฉิงโต้แย้ง
สีหน้าลูกน้องคนนั้นโกรธจนเขียวปัด หันหน้ามองแวบหนึ่ง มองไม่เห็นคุณชายจริงๆ
“เจ้าคนขี้โกงนี่ เจ้านายพวกข้าชอบความสงบ ถ้าเจ้ามารบกวนอีก ก็อย่าโทษข้าว่าไม่เกรงใจ!” ลูกน้องพูดจาหงุดหงิด
“พี่ชาย ข้าก็แค่อยากตอบแทนเจ้านายของพวกท่าน ให้เขาได้กินปลาแห้ง!” รั่วฉิงส่ายปลาแห้งในมือไปมาแล้ว
“ไม่ต้องการ!” ลูกน้องพูดทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินไป
ทันใดนั้นรั่วฉิงได้กลิ่นหอมกรุ่นอยู่ในอากาศ กลิ่นนั้นทำให้นางฮึกเหิมไม่หยุด เป็นกลิ่นของเนื้อ นางไม่ได้กินเนื้อมานานมากแล้ว
อยู่กลางทะเลทุกวัน ล้วนเป็นของจากทะเลส่วนหนึ่ง ยังไม่มีทางก่อไฟด้วย ฉะนั้นจึงอยากกินมาก
นางรีบเดินเข้ามาตามกลิ่นหอมนั้น ก็มองเห็นโม่เหลิ่งเหยียนและคนอื่นถือกล่องเล็กๆ คนละอันไว้กำลังกินอยู่ ด้านในนั้นก็คือข้าวสวยและผัดเนื้อ ยังมีไอร้อนลอยขึ้น ชั่วขณะนั้นรั่วฉิงจ้องตาเป็นมันแทบไม่ไหว
“คุณชายที่ท่านกินนั่นคืออะไรเล่า หอมเหลือเกิน ยังมีอีกหรือไม่ ข้าลองชิมหน่อยได้หรือไม่?” ชั่วพริบตาเดียวรั่วฉิงลืมคำรับปากก่อนหน้านี้แล้ว
โม่เหลิงเหยียนสีหน้าเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง บนใบหน้ามีความรำคาญและความรังเกียจเพิ่มมาระดับหนึ่ง “โยนเขาลงไปในทะเล!”
“ขอรับ!” ลูกน้องรีบเข้ามาทันใด
รั่วฉิงตกใจจนตัวสั่นเทา ข้าก็แค่กินปลาแห้งมาหลายเดือนพอได้กลิ่นเนื้อเข้ากะทันหันเลยอดใจไม่ไหว คุณชายท่านให้ข้ากินสักนิดได้หรือไม่ขอรับ?”
“ไม่ได้!” โม่เหลิ่งเหยียนปฏิเสธโดยตรง
“เช่นนั้นข้าซื้อได้หรือไม่ ข้ามีเงิน?” รั่วฉิงรีบล้วงเงินที่โม่เหลิ่งเหยียนให้คนให้เขามาเมื่อครู่นี้ออกมา
“ไม่ขาย!”
“คุณชายท่านขี้เหนียวเกินไปแล้วกระมัง แค่อาหารอันเดียว ข้าใช้เงินหนึ่งพันตำลึงซื้อของท่านยังไม่ได้อีกหรือไร?” ถึงแม้รั่วฉิงเสียดาย แต่ตะกละตะกลามมากกว่า
“อย่าว่าแต่หนึ่งพันตำลึงเลย ต่อให้หนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ขาย รีบไปเสีย อย่ามารบกวนคุณชายพวกข้าอีก!” ลูกน้องรีบเจ้ามาไล่คนไป
รั่วฉิงถึงออกไปอย่างไม่ยินยอม ทำไมแค่กินเนื้อมันยากเย็นขนาดนี้
“นายท่าน หม้อไฟร้อนเร็วของซื่อจื่อเฟยนี้ยอดเยี่ยมเสียจริงขอรับ โดยเฉพาะอยู่กลางทะเลกว้างใหญ่นี้ ต่อให้มีเงินยังซื้อไม่ได้ ก่อนหน้านี้เวลานั่งเรือได้เพียงกินอาหารแห้งส่วนหนึ่ง ในปากไม่มีรสชาติ พอนานวันเข้าคิดถึงรสชาติเนื้อจริงๆ ตอนนี้ก็สามารถกินได้แล้ว หาได้ยากจริง!” ลูกน้องคนหนึ่งพูดอย่างเลื่อมใส
“มันแน่อยู่แล้ว สิ่งหยุนถิงทำออกมาคือของชั้นเลิศเป็นแน่!” มุมปากโม่เหลิ่งเหยียนวาดรอยยิ้มขึ้น
ไม่รู้ว่าหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ค้นหาอะไรเจออย่างราบรื่นหรือไม่
……………
เรือนอวี๋
หลายวันนี้ช่วงกลางวันหยุนถิงไปที่ห้องปรุงยา ตอนกลางคืนสำรวจรอบด้านกับจวินหย่วนโยว ตอนนี้คุ้นเคยกับพื้นที่ของเรือนอวี๋ทั้งหมดแล้ว ที่น่าสงสัยสุดก็คือภูเขาด้านหลังที่ฉินเจี่ยรับหน้าที่เฝ้าดู
ถึงแม้ที่นั่นไม่มีศิษย์คุ้มกัน กลับมีพิษกระจายไปทั่ว มีงูพิษหนอนพิษมากมาย ก่อนหน้านี้หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวไปสืบที่ภูเขาด้านหลังช่วงค่ำ เกือบโดนหนอนพิษกัดเข้า หนำซ้ำยังมีหมาป่า ดังนั้นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวจึงได้แต่ยอมแพ้
เวลาเป็นตอนกลางวัน หยุนถิงปรุงยาเสร็จก็ส่งไปให้ฉินเจี่ย พอศิษย์ที่เฝ้าประตูเห็นเขาจึงรีบห้ามทันที
“ข้ามาส่งยาให้ศิษย์พี่ฉินเจี่ย ยาที่เขาให้ข้าปรุงก่อนหน้านี้!” หยุนถิงตอบ
ศิษย์ที่เฝ้าประตูมองแวบหนึ่งแล้ว “เข้าไปเถิด!”
“ขอบใจมาก!” หยุนถิงถือเข้าไป ยังไม่ได้เข้าไปในเรือนก็มองเห็นฉินเจี่ยทำหน้าเคร่งขรึมเดินไปยังภูเขาด้านหลัง
ชั่วขณะนั้นหยุนถิงรู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว จงใจลดความเร็วลง เข้าภูเขาเดินตามด้านหลังฉินเจี่ย
เพราะพิษของที่นี่กระจายไปทั่ว ฉะนั้นจึงไม่มีศิษย์ที่คุ้มกัน