จอมนางข้ามพิภพ - บทที่ 791 เจ้าเป็นใครกันแน่
จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 791 เจ้าเป็นใครกันแน่
พอหยุนถิงออกไป ก็หันมองในเรือนข้างๆ นางไม่ได้เดินเข้าไป แต่กลับหมุนตัวเดินออกไป
ศิษย์เฝ้ายามพอเห็นนางถือเครื่องกระเบื้องนั้นเข้ามา ก็อดสงสัยไม่ได้ “เจ้ามาส่งยาให้ศิษย์พี่มิใช่รึ ทำไมไม่วางลงเล่า?”
“ศิษย์พี่ไม่อยู่ในเรือน ข้าเองก็ไม่กล้าเข้าห้อง เลยยืนรอเขาหน้าประตู รออยู่นานก็ไม่เจอศิษย์พี่ ข้านำกลับไปก่อนแล้วกัน ไว้วันหลังค่อยมาส่งให้ศิษย์พี่ใหม่ เพราะนี่เป็นสิ่งที่เขาสั่งให้ข้าทำขึ้นเอง!” หยุนถิงพูดด้วยสีหน้าเข้มงงวด
“เอาเถอะ เจ้ากลับไปก่อนแล้วกัน!” ศิษย์เฝ้ายามปล่อยให้เข้า
ในเมื่อเป็นยาที่ศิษย์พี่กำชับให้เขาปรุง ย่อมต้องสำคัญมากแน่ หากตนไปรับมาแทน เกิดทำหายไป มิเท่ากับต้องรับผิดชอบรึ ดังนั้นศิษย์เฝ้ายามเลยไม่ได้รับฝากยานั้นไว้
หยุนถิงยกยากลับไป ระหว่างทางเจอกับจิ่วฟ่าง
จิ่วฟ่างมองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ “ว่ามา เจ้ามาสำนักหมอเทวดาด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่ เหตุใดต้องเข้าคุกมืดด้วย?”
ต่อให้เป็นหยุนถิง ก็ยังอดสะท้านเยือกกับดวงตาเย็นเยียบทะมึนของจิ่วฟ่างไม่ได้ รู้สึกว่าเขาน่ากลัวกว่าจวินหย่วนโยวเสียอีก
จวินหย่วนโยวคือเย็นชากระหายเลือด แต่จิ่วฟ่างไม่เพียงแค่เย็นชาเท่านั้น ยังเหี้ยมโหดแบบไม่กลัวความเป็นตาย
“ศิษย์พี่จิ่วฟ่าง ข้าไปส่งยาให้ศิษย์พี่ฉินเจี่ย เห็นเขาไปภูเขาด้านหลังพอดี เลยเข้าไปด้วยความอยากรู้น่ะ!” หยุนถิงตอบ
มีดสั้นในมือจิ่วฟ่างพาดที่คอหยุนถิงทันที “หากไม่พูดความจริงอีก ข้าจะฆ่าเจ้าซะตอนนี้เลย!”
“หากท่านฆ่าข้า ก็ไม่มีวันได้เจอจิ่นฉิงของท่านตลอดกาลแล้ว!”
น้ำเสียงเย็นชาเพียงประโยคเดียว ทำเอามือที่ถือมีดสั้นของจิ่วฟ่างสั่นสะท้านทันที “เจ้ารู้จักจิ่นฉิงได้อย่างไรกัน เจ้าได้ยินคำพูดของข้ากับฉินเจี่ย อย่าคิดเปลี่ยนเรื่อง”
“ศิษย์พี่ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว ตอนที่ท่านพูดกับศิษย์พี่ฉินเจี่ยน่ะพูดแค่นาง มิได้เอ่ยชื่อเลย ไม่เชื่อท่านลองนึกดูดีๆสิ!” หยุนถิงย้อนถาม
จิ่วฟ่างย้อนนึกดู เหมือนจะไม่มีจริงๆ “ตอบมาตามตรง เจ้าไปรู้ชื่อจิ่นฉิงจากที่ไหนกัน?”
“ข้าได้ยินฉินเจี่ยพูดถึง เขาพูดออกมาหนึ่งคำหลังจากท่านเดินไปแล้ว ข้าได้ยินมาน่ะ”
“เป็นไปไม่ได้ ตอนข้าออกไปไม่เห็นเจ้าเลย” จิ่วฟ่างมองมาอย่างสงสัย
หยุนถิงยิ้มมุมปาก “ตอนนั้นข้าซ่อนตัวอยู่ กว่าจะเข้าไปในนั้นได้มันไม่ง่ายนะ ย่อมต้องอยากดูให้ชัดเจนก่อนสิ”
“ฉินเจี่ยพูดว่าอะไร?” จิ่วฟ่างเริ่มรำคาญแล้ว
“ศิษย์พี่ฉินเจี่ยพูดว่า จะโทษก็ต้องโทษที่จิ่นฉิงเป็นยอดนักปรุงยาที่พันปีก็ยากจะเจอสักครั้ง อาจารย์มีหรือจะยอมปล่อย” นี่เป็นคำพูดเดิมของศิษย์พี่
จิ่วฟ่างมองมายังหยุนถิงอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย “ไม่ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ตอนนั้นจิ่นฉิงจากไปเอง จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“ข้าจะหลอกศิษย์พี่ให้ได้อะไรขึ้นมา ยังไงซะนี่เป็นคำพูดของศิษย์พี่ฉินเจี่ย หากศิษย์พี่ไม่เชื่อก็ไปสืบเองแล้วกัน!” หยุนถิงตอบเสียงเรียบ
จิ่วฟ่างเห็นนางสีหน้าเรียบเฉย แม้มีมีดสั้นพาดที่คอ ยังคงไม่หวาดไม่หวั่น ยิ่งสงสัยมากขึ้น “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“ข้ากับพี่ใหญ่ยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง สองปีก่อนจู่ๆก็หายตัวไป พวกเราตามหาทุกที่แล้วแต่ก็ไม่พบเลย
ข้าบังเอิญได้ยินว่าสำนักหมอเทวดาใช้คนเป็นมาฝึกหนอนกู่ ทำยา ถึงนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนน้องสาวอายุห้าขวบ เคยมีศิษย์สำนักหมอเทวดาอยากรับนางเป็นศิษย์ บอกว่านางหน่วยก้านกระดูกพิเศษ แต่ตอนนั้นพวกเราปฏิเสธไปแล้ว
ตอนนั้นน้องข้ายังเล็กมาก พวกเราไม่วางใจให้นางจากเราไปเพียงลำพัง ดังนั้นเลยมิได้รับปาก ตอนนี้มาคิดดูแล้ว บางทีน้องสาวข้าอาจจะโดนจับตัวมาสำนักหมอเทวดาก็ได้
ดังนั้นข้าเลยมาสืบให้แน่ชัด หากพวกมันจับน้องสาวข้ามาทำยาจริง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็จะล้างแค้นให้น้องสาวให้ได้!” หยุนถิงแกล้งแต่งเรื่องขึ้น
สีหน้าเคียดแค้นเดือดดาลของนาง มือที่กำแน่นในชายเสื้อ มันเป็นความทุกข์ทรมานและเดือดดาลจากการสูญเสียคนในครอบครัวไป
มีเพียงเคยประสบชะตากรรมเดียวกันเท่านั้น ถึงจะยิ่งทำให้คนเชื่อได้ง่าย
อาจเพราะเจออะไรมาคล้ายกัน จิ่วฟ่างถึงดึงมีดสั้นออก
“ไม่ว่าเจ้าจะพูดจริงหรือไม่ ข้าจะไปสืบให้แน่ชัด!” จิ่วฟ่างแค่นเสียงเย็น หมุนตัวจากไป
เขามิได้รับปากร่วมมือกับหยุนถิง และไม่ได้บอกว่าจะเปิดโปงหยุนถิง มองตามแผ่นหลังเย็นชาโดดเดี่ยวของเขาแล้ว หยุนถิงรู้ดีว่า ในเมื่อจิ่วฟ่างปล่อยตนไป ก็เท่ากับเชื่อตนแล้ว
รอจนหยุนถิงกลับไปที่ห้องปรุงยา จวินหย่วนโยวพุ่งเข้ามาหาทันที “เหตุใดไปนานขนาดนี้ ได้รับบาดเจ็บหรือโดนพบตัวหรือไม่?”
“วางใจเถอะท่านพี่ ข้ามิเป็นไร พอดีอาศัยเหตุว่าจะส่งยาเลยเข้าไปในภูเขาด้านหลัง สำนักหมอเทวดาใช้คนมาปรุงยาฝึกหนอนกู่จริงๆด้วย และยังจับคนยัดเข้าโอ่งทำเป็นมนุษย์หมู ชั่วร้ายยิ่งนัก ข้ายังเก็บพิษหนอนจากตัวคนพวกนั้นกลับมาด้วย คืนนี้จะกลับไปค้นคว้าต่อ!” หยุนถิงอธิบาย
จวินหย่วนโยวถึงวางใจ แต่สีหน้าก็บูดบึ้งขึ้นหลายส่วน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สำนักหมอเทวดาช่างชั่วร้ายยิ่งนัก เราต้องระวังตัวให้มากนะ เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป?”
“ข้าเจอเข้ากับศิษย์พี่จิ่วฟ่างโดยบังเอิญ เขาน่าจะเคลื่อนไหวในเร็วๆนี้ ถ้าให้พวกเราไปหาเอง สู้จับตาดูเขา แล้วคอยหาโอกาสดีกว่า!” หยุนถิงตอบ
“ได้ ข้าจะให้คนจับตาดูเขาไว้!”
“ท่านพี่ วันนี้ลำบากท่านแล้วนะ” หยุนถิงบอก
“เกรงใจข้าทำไมกัน เจ้าต่างหาก มาอยู่ที่อันตรายเยี่ยงนี้ ข้ากลับช่วยอะไรมากไม่ได้เลย”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านคอยจับตาดูเตาหลอมยาอยู่ที่นี่ ก็ถือว่าช่วยข้ามากที่สุดแล้ว” หยุนถิงเดินเข้ามาจูงมือจวินหย่วนโยวไว้
ตกกลางคืน หยุนถิงก็ไปที่ห้องจวินหย่วนโยว หยุนถิงให้เขารออยู่ ตนเองใช้จิตเข้าไปในมิติค้นคว้าเรื่องหนอนกู่ แบบนี้หากมีใครมาหรือนอกห้องมีความเคลื่อนไหว ตนก็จะรู้ได้ในทันที
มองดูหนอนเหล่านี้ ดูคล้ายคลึงกับหนอนที่ยายขุยสอนเสี่ยวเหยียนก่อนหน้านี้เลย แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว หยุนถิงไม่ค่อยรู้อะไร ได้แต่ใช้อุปกรณ์ดึงเอาพิษและเมือกจากในตัวหนอนพวกนี้ จากนั้นก็เริ่มค้นคว้า
พออยู่ก็อยู่ไปครึ่งค่อนคืน จนเกือบฟ้าสาง หยุนถิงถึงออกจากมิติ จากนั้นก็เห็นจวินหย่วนโยวนั่งเฝ้านางอยู่ข้างเตียง
บางทีอาจเพราะเหนื่อยเกินไป จวินหย่วนโยวเลยหลับไป แต่มือยังกุมมือหยุนถิงไว้แน่นอยู่
ตอนนั้นด้านนอกสว่างแล้ว หยุนถิงเห็นคิ้วตาอันคุ้นเคยของจวินหย่วนโยว ใบหน้าหล่อเหลา มีปอยผมหล่นมาที่แก้มอันหล่อเหลา มีแววเหนื่อยล้าที่หว่างคิ้ว หยุนถิงสงสารนัก
นางยื่นมืออกไปจับปอยผมของจวินหย่วนโยวทัดหลังหู และหยิบผ้าห่มบนเตียงมาคลุมให้เขา
พอเช้ามา ตอนหยุนถิงไปกินข้าวที่ห้องครัว พลันได้เจอกับอ ทั้งสองคนพอเห็นหยุนถิงก็ดีใจมาก รีบเข้ามาพูดคุยกับนางทันที
“สหายถิงหยุน เจ้ารู้หรือยังว่า เดือนหน้าจะเป็นวันเกิดของฮูหยินเจ้าทะเล ไม่รู้ว่าปีนี้อาจารย์ของเราจะเตรียมของขวัญอะไร?”
“ข้าสืบมาได้ว่า ปีก่อนอาจารย์มอบยาให้เป็นของขวัญ ได้ยินว่าสามารถช่วยให้งดงามอายุยืนนะ”
หยุนถิงกลับรู้สึกว่านี่คือโอกาส “งั้นทุกปีเวลาอาจารย์จะไปมอบของขวัญ จะพาศิษย์ไปกี่คนล่ะ?”
“สี่คน ปีก่อนมีศิษย์พี่ฉินเจี่ย ศิษย์พี่จิ่วฟ่างและก็ศิษย์พี่จื่อโฝว มีอีกคน จำไม่ได้แล้วว่าใคร แต่จะว่าไป สหายถิงหยุนเจ้าเก่งมากเลยนะ จัดการศิษย์พี่จื่อโฝวไปได้ เก่งมากจริงๆ!” โจวปู้ชูนิ้วโป้งให้นาง
“ข้าไม่ทำร้ายผู้อื่นก่อน ข้าแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น! ระยะนี้ข้าเรียนปรุงยากับอาจารย์ ทำยาที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้ พวกเจ้าเองไปกินบำรุงละกัน” หยุนถิงควักขวดยาสองขวดออกมายื่นให้